17 ธ.ค. 2020 เวลา 03:42 • ข่าว
รัฐบาลทำถูกแล้ว ที่ดำเนินการเอาผิดพระที่ละเมิดพระวินัยอย่างจริงจัง:
1
พระปัญญา สีสัน เคยอยู่วัดญาณสังวรารามซึ่งเป็นวัดที่สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวรทรงตั้งพระทัยสร้างให้เป็นวัดที่เน้นด้านวิปัสสนาธุระโดยเฉพาะ
1
ปัจจุบัน วัดญาณฯ มีพระสุปฏิปันโนที่มีชื่อเสียงซึ่งเป็นศิษย์ของสมเด็จพระสังฆราชเจ้านั่นเอง สอนทั้งสมถะและวิปัสสนาอยู่ในวัดคือพระจุลนายก (พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต) ท่านบวชที่วัดบวรฯ ก่อนจะไปอยู่วัดญาณฯ และเคยไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าบ้านตาดกับหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโนหลายปี ท่านพูดภาษาอังกฤษได้คล่องจึงมีศิษยานุศิษย์จากหลายประเทศสนทนาธรรมกับท่านเป็นประจำ
1
ส่วนท่านเจ้าอาวาสคือพระโสภณคณาภรณ์ (ไชยวัฒน์ ชยวฑฺฒโน ป.ธ.๗) ผมเรียกท่านว่าหลวงพี่ไชยวัฒน์ เพราะสมัยหนึ่งเคยอยู่วัดบวรนิเวศวิหารด้วยกันและเคยเข้าสอบบาลีเปรียญ ๗ ประโยคด้วยกัน แต่ท่านมีนิสัยเอียงไปทางวิปัสสนาธุระ รักสงบ ศีลาจารวัตรงดงาม ไม่ได้ทุ่มให้กับการเรียนบาลีเต็มร้อย ภายหลังท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดญาณสังวรารามมาจนบัดนี้ เมื่อวานก็เพิ่งโทรศัพท์คุยกับท่าน
1
ส่วนพระปัญญา สีสันมีนิสัยชอบทางการเมือง ไปบวชอยู่วัดญาณฯ และได้ไป ร่วมชุมนุมประท้วงทางการเมืองหลายครั้ง จึงถูกทางวัดสั่งให้ย้ายสังกัดออกไปอยู่ที่อื่น (พูดภาษาชาวบ้านก็คือ *ไล่ออก*) ตั้งแต่ออกพรรษาที่ผ่านมาแล้ว พระสังฆาธิการในวัดท่านไม่ได้เกียร์ว่างครับ
2
วัดแต่ละวัดนอกจากหลักพระธรรมวินัยซึ่งมีเหมือนกันแล้ว ต่างก็มีกฎเกณฑ์ หรือธรรมเนียมปลีกย่อยอื่นๆ ในรูปพระราชบัญญัติคณะสงฆ์บ้าง ประกาศคณะสงฆ์บ้าง ฯลฯ มิให้พระสงฆ์ไปร่วมชุมนุมประท้วงทางการเมืองเหมือนๆ กัน เมื่ออยู่ในหลักพระธรรมวินัย ธรรมเนียมหรือกติกาวัดไม่ได้ก็ต้องถูกไล่ออกเป็นธรรมดา
รัฐบาลทำถูกแล้วครับที่ดำเนินคดีอย่างจริงจัง เป็นการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาอย่างถูกวิธี ในอดีต มีพระสงฆ์จำนวนมากไม่เคารพหลักพระธรรมวินัยและธรรมเนียมสงฆ์ต่างๆ แต่พากันหน้าด้านอยู่ในสมณเพศ แถมบางรูปมีลูกศิษย์ลูกหา ทั้งพระทั้งฆราวาสมาก เวลาเจ้าอาวาสหรือพระสังฆาธิการ เข้าไปตักเตือนบ่อยๆ ก็ทำร้ายร่างกายเอาก็มี เจ้าอาวาสที่อายุมากจึงพากันกลัวถูกลูกวัดพวกนี้ทำร้าย ก็เลยพากันไม่กล้าตักเตือนมาก
1
การจัดการเอาผิดพระกระทำผิดพระวินัยซึ่งภาษาพระวินัยเรียกว่าพระประเภท *ทุมมังกุ* หรือพระหน้าด้านทั้งหลาย (แถมบางรูปมีลูกศิษย์ลูกหาเป็นบริวารมาก) จึงต้องขอให้ทางบ้านเมืองช่วยทำอย่างจริงจังจึงจะสำเร็จได้
สมัยสังคายนาครั้งที่ ๓ พระสงฆ์ฝ่ายธรรมวาทีและวินยวาทีพบว่ามีพระละเมิดพระวินัยเป็นอาจิณเป็นจำนวนมาก ชี้แจงพระธรรมวินัยให้ฟังแล้วก็พากันทำหน้าด้าน ไม่สนใจ แถมมีสมัครพรรคพวกมาก คอยพูดข่มอีกต่างหาก พระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบต้องไปขอพึ่งพระบารมีพระเจ้าอโศกมหาราชจึงสามารถจัดการจับสึกพระหน้าด้านหน้าทนเหล่านี้ให้หมดไปจากสังฆมณฑลและทำสังคายนาพระธรรมวินัยให้บริสุทธิ์เหมือนเดิมได้
ปัจจุบัน ก็ต้องอาศัยบ้านเมืองช่วยเช่นเดียวกันครับ
โฆษณา