17 ธ.ค. 2020 เวลา 07:11 • ความคิดเห็น
ตัวยึดทำให้เกิดอะไรขึ้นมาบ้าง
การยึดติดในสิ่งต่างๆนั้นก็มาจาก เรื่องราวการเกิดแก่เจ็บตายของเรา ยึดการเกิด การมั่งมียศฐาบรรดาศักดิ์ ก็เกิดเป็นอารมณ์เป็นกรรม ให้เราเสาะแสวงหาเรื่องราวเกิดแก่เจ็บตาย ถ้าไม่มีโลภโกรธหลงเกิดขึ้น ตัวเกิด ตัวทิฐิ ตัวอะไรต่างๆ มันก็จะไม่มี เมื่อไม่มีสิ่งเหล่านี้ มันก็จะหมดไปจากนิสัยของเรา เราก็จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องเกิดแก่เจ็บตายอีก
การสร้างบุญสร้างกุศล ถ้าไม่มีกายบิดามารดาให้มา เราก็สร้างบุญสร้างกุศล สร้างบารมี ให้จิตของเราเดินทางในวันข้างหน้าที่มีความสุขไม่ได้ ที่ได้กล่าวคำ กายบิดามารดาอนุโมทนา อยู่ตลอดเวลานั้น ก็เป็นเสียงที่บริสุทธิ์ เสียงที่อันประเสริฐเกิดขึ้นแก่จิตของเรา ใครเล่าจะรู้ว่า สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญ เมื่อได้เปล่งออกมาแล้ว ก็แปรเป็นปรมัตถ์เกิดขึ้น ให้ทวยเทพและจิตทุกดวง ที่เป็นนามธรรม ที่มาร่วมอนุโมทนา และฟังเหตุฟังผล โดยการสร้างบุญสร้างกุศล ก็ปรมัตถ์ขึ้นมาว่า
เก ตะ วะ ริ ยา นะโม โพ ธะ ริ ยา ตัง อัป ปะ พา วะ ริ ยา เต ติ
นั้นล่ะ เสียงนั้น เป็นเสียงที่ เกิดปิติยินดีให้แก่นามธรรม ที่เค้าอยากจะได้ อยากได้เหลือเกิน คือ กายที่มีบิดามารดา จะได้มาสร้างจิตสร้างใจต่อไปในกาลข้างหน้า ทุกดวงจิตไม่ต้องการเกิด แต่ทำอย่างไรได้ การสะสมมาเป็นอเนกชาติ ไม่รู้จักจบ นับชาติไม่ได้ ต้องใช้หนี้ใช้สิน ชำระหนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะสะสมบุญกุศลบารมี พร้อมแล้ว ที่จะหนี หนีเหมือนองค์พระสิทธัตถะ
ทุกผู้ทุกนามทุกดวงจิตจะหนีเหมือนกันหมด เบื่อหน่าย มีความเห็นมันสกปรกเลอะเทอะรุงรัง เหมือนกับว่าเป็นตัวหนอนตัวอะไรที่ขึ้นอยู่ในที่สกปรกเลอะเทอะ นั้นคือสิ่งที่น่าเกลียด จึงไม่อยากแตะต้อง สิ่งเหล่านั้นต่อไป แล้วเมื่อไหร่จิตของเราจะระลึกแบบนั้นได้ ก็ต้องสะสมกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงจบ ในการที่จิตไม่ยึดติดในสิ่งต่างๆ
การยึดติดในสิ่งต่างๆนั้นก็มาจาก เรื่องราวการเกิดแก่เจ็บตายของเรา ยึดการเกิด การมั่งมียศฐาบรรดาศักดิ์ ก็เกิดเป็นอารมณ์เป็นกรรม ให้เราเสาะแสวงหาเรื่องราวเกิดแก่เจ็บตาย ถ้าไม่มีโลภโกรธหลงเกิดขึ้น ตัวเกิด ตัวทิฐิ ตัวอะไรต่างๆ มันก็จะไม่มี เมื่อไม่มีสิ่งเหล่านี้ มันก็จะหมดไปจากนิสัยของเรา เราก็จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องเกิดแก่เจ็บตายอีก
แต่ที่เราสะสมมา มันยังมีอยู่ เราสละแล้ว แต่สละไม่หมด เมื่อไม่หมด มันยังค้างอยู่ ก็ต้องสละให้มันหมด หมดทุกสิ่งทุกอย่าง บางครั้งบางคนที่เค้าเคยสละมา เค้าก็ไม่รู้ตัว ทำบุญจนหมดเนื้อหมดตัว ที่ระหว่างที่มาสร้างบุญสร้างกุศล มีเท่าไหร่อยากทำ ทำไป เค้าเรียกว่าอยู่ในกระเป๋า หมดเลยว่าอย่างงั้น แต่ไม่รู้ว่าทำ..ทำ..ทำไมเรื่องอะไร มานึกอีกที เอ้า..เงินในกระเป๋าเราจะซื้อหาอะไร ไม่มีแล้ว ทำบุญเสียหมด
แต่นั้นก็...จิตมันเป็นบุญ ก็เลยทำที่ดี แต่เค้าก็ไม่รู้...ไม่รู้ว่า..สิ่งเหล่านั้นที่เราทำไป ฝากไว้กับความสุข จิตที่ฝากไว้กับ...เอาสิ่งเหล่านั้นมาทำให้เป็นความสุขเกิดขึ้นให้แก่จิตของเรา เค้าก็ไม่รู้ว่า สิ่งที่หมดไปนั้น เป็นเพราะอะไร..เพราะจิตต้องการความสุข แต่อารมณ์..เค้าไม่ได้ทำจากอารมณ์ ทำจากจิต..ก็เลยมีการสละที่ดีที่งามเกิดขึ้น
การไม่ยึดติดในสิ่งต่างๆนั้น เป็นสิ่งที่ดีสิ่งที่งามเกิดขึ้น เราจะทำอย่างไรให้ยุติการยึดต่างๆ ให้รูปสอนจิต การนั่งทำสมาธิ เดินสมาธิ ยืนสมาธิ..เกิดขึ้น รูปจะสอนจิตว่า ความทุกข์ทรมาน เพราะจิตเกิดมามีสังขารจึงต้องได้รับทุกข์ทรมานจากสังขาร มีการเจ็บปวด ปวดเมื่อย มีความกระวนกระวายกับสังขารที่มันเจ็บปวดเกิดขึ้น
ก็จิตมีปัญญาสักนิดหนึ่ง สังขารนี้เค้าให้เรามา..ไม่ใช่สังขารของเรา เค้าให้มาใช้ หาใช่ของเรา ฉะนั้นไม่ใช่ของเรา เราก็ปล่อยเค้าปวดเมื่อย ไม่ไปยึดติดในสังขาร สังขารเมื่อทนได้มากๆเข้า รูปก็จะสอนจิตมากขึ้นๆ
จนในที่สุด..จิตรู้แล้วว่า..ไม่ใช่สังขารของเรา พ่อแม่ให้มา..เราได้มาทำความดี ให้สังขารนี้..สร้างความขันติให้แก่เรา เราจึงไม่ยึดติดในสังขารที่เราอาศัย ต่อไปมากเข้าๆ ก็เริ่มสละเรื่องราวสิ่งต่างๆเกิดขึ้น การขบฉัน การกินอยู่ การอาศัย ก็เลยทำแบบง่าย อยู่โดยที่อาศัย..เพื่ออาศัยสร้างความดีให้เรานั้น มิได้อยู่เพื่อกอบโกย สร้างความทุกข์ให้แก่ตัวเอง
ที่อยู่ทุกวันนี้ เรามีกิน มีอยู่ มีใช้ อย่างดี แต่เราสร้าง..สร้างความทุกข์ให้แก่ตัวเอง โดยไม่รู้ตัว ถามว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดี มีที่หลับ ที่นอน มีบ้านช่องที่ดี มีวัตถุอะไรต่างๆ ต่างๆกัน มันมีความสุข..เสร็จแล้ว...จิตเราถูกอารมณ์..ดึงไปยึดในสิ่งที่มีความสุข..ต้องมาเกิดแก่เจ็บตายอีก จึงสละเรื่องราวของตัวยึดไม่ได้
ต้องให้รูปสอนจิต..ทิ้งรูปได้แล้ว สิ่งต่างๆ ก็มีแค่ประทังสังขาร เพื่อประกอบคุณความดีให้แก่จิตของตัวเอง เพื่อมีความนึกคิดต่างๆ แล้วก็จะต้องไป ..จิตก็จะรู้เรื่องราวของการสละ สละเรื่องของอารมณ์ อารมณ์ตัวกระทำที่เกิด เกิดก็มีสิ่งที่..รูปที่ดีเกิดขึ้น อารมณ์ตัวกระทำดีๆ เกิดขึ้น จิตก็จะรู้ว่า อ้อ..นี่เราสร้างรูป รูปที่ดี..จิตของเรา จะต้องไปอยู่ในรูปที่ดีต่อไปในวันข้างหน้า
คราวนี้ โดยมากจะมีความยึด ยึดเรื่องราวของเงินทอง มั่งมีศรีสุข ฉันต้องมียศฐาบรรดาศักดิ์ พอยึดเช่นนี้ จิตก็ไม่รู้ ตามอารมณ์ไป อารมณ์ก็หมกมุ่น..ได้เงินได้ทอง ร่ำรวย มียศฐาบรรดาศักดิ์ที่ใหญ่โตเกิดขึ้น
อารมณ์ก็พาจิตไปยึดอยู่เช่นนั้น มันก็เกิดเป็นกรรมเกิดขึ้น ต้องระมัดระวัง ในการใช้ยศฐาบรรดาศักดิ์ ต้องระมัดระวังเงินทองที่มีอยู่แล้ว จะหายหรือสาบสูญไป ต้องเฝ้ามองมันตลอดเวลา การใช้จ่ายก็ไม่กล้าจะใช้ จะกินจะอยู่ก็ไม่กล้าจะใช้จ่าย เรียกว่าอดๆอยากๆ เพราะไม่รู้จัก คำว่าประทังสังขาร ก็เลยเก็บแต่ ไอ้เงินทองที่ตัวเองยึด มันก็อันตรายเกิดขึ้น
...ตัวยึด ยึดไปหมดทุกอย่าง แม้แต่บ้านช่องที่มีอยู่ ถ้ายึดมากๆ แม้แต่พ่อแม่ญาติพี่น้องอะไรต่างๆ จะมาขออาศัยนอนซักคืนซักวัน ก็ไม่ได้หาว่าเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ไม่สามารถให้ที่มาปะทะปะทังได้ เพราะไอ้ตัวยึดของเรา เสร็จแล้ว พอยึดไปยึดมามันก็เกิด..
เกิดการเป็นทุกข์ขึ้นมาอีกว่า เมื่อสิ่งเหล่านี้วัตถุต่างๆทรัพย์สินเงินทองต่างๆ กลัวคนโน้นลูกเต้าคนโน้นคนนี้จะมายื้อแย่งเกิดขึ้น ก็เลยเฝ้าทะนุถนอมมันยึดมันมากขึ้น เวลาตายจิตออกจากร่างมันไม่ไปไหน มันก็เป็นปลวกเป็นมด คอยจะมาเฝ้ากัดกินทรัพย์สมบัตินั้นๆ เพราะได้ตัวยึดมันพาไป เปลี่ยนจากสังขารมนุษย์ กลายเป็นสัตว์ ที่ลำบากลำบน
แล้วก็พอถึงเวลา เค้าก็ทุบตาย เค้าให้กินยาตาย..อะไรบ้างแล้วแต่ ..ทุกข์ทรมาน แล้วมันก็เกิดมาเฝ้า..จนกว่าสิ่งที่สร้างบ้าน หรือ ทรัพย์สินของตัวเอง กว่าจะหมดไป ละลายไป เกิดๆตายๆ อยู่อย่างนั้น เป็นมด..เป็นปลวก..เป็นมด..เป็นปลวก..อยู่อย่างนั้นหรือเป็นจิ้งจกตุ๊กแกมาเกาะอยู่อย่างนั้น ไม่ไปไหน พอจบสิ้นตรงนี้ ก็ต้องไปเกิดอยู่ในแดน อบายภูมิอีก ทุกข์ทรมาน ต่อไป ไม่มีวันจบสิ้น
นี่เพราะ เกิดจากคำว่า”ตัวยึด” ยึดเรื่องราวต่างๆ มาศึกษาธรรมเนี่ย เพื่อต้องการ แก้ไข..ให้รูปสอนจิต..เพื่อแก้ไข นิสัยของตัวเอง..ที่มีแต่ความสร้างตัวทุกข์ให้แก่จิตของตัวเอง..ซึ่งไม่ได้ ดูแลอารมณ์ของตัวเองว่าเป็นอย่างไร
เพราะฉะนั้น..ต้องปราบอารมณ์ให้ได้ โดยการใช้กายของเรามาทำให้ มีความเข้มแข็งเกิดขึ้น
จิตต้องทน ต้องมีความเข้มแข็งที่จะต่อสู้เรื่องราวของกาย ให้ถึงที่สุด ให้กายนี้ไม่ใช่กายของเรา เราผู้..จิตมาอาศัยเท่านั้น จนจิตดวงนั้นได้เป็นผู้อาศัย สิ่งนั้นคือ สิ่งที่ผู้นั่นจะหมดทุกข์ในวันข้างหน้า ในกาลข้างหน้าต่อไป สิ่งทั้งหลายก็จะไม่โลภอีกต่อไปแล้ว จะไม่หลง ไม่ทิฐิ ไม่โกรธไม่เกลียดใคร มันรวมๆอยู่ใน..กับไอ้ตัวยึดเนี่ย เพราะยึดกายนี่ ไปไหนต่อไหนมันก็มีเรื่องใหญ่โตนะ เป็นเรื่องของเรา เรื่องโลภโกรธหลง เรื่องความทิฐิ เรื่องความเห็นตัวเองดีแล้วมากมายก่ายกอง
เพราะฉะนั้น เราก็ต้องให้รูป ..ใช้กายให้เป็นประโยชน์เลย ให้รูปสอนจิตของเราให้ได้ ให้จิตของเรามีความอดทนเกิดขึ้น
เราจะดี..จิตของเราจะดีได้ ต้องใช้คำว่า ขันติเป็นหลัก
ถ้าจะให้จิตของเราไม่ดี ขันติเราไม่มี จิตเราก็จะไม่มีโอกาสดีได้เลย เพราะมัวแต่ไปยึดเรื่องราวต่างๆ ยึดไปยึดมา เห็นตัวเองดีแล้ว อะไรก็ไม่มีใครจะดีเท่ากับเรา มีเงินเฟื้องสองเฟื้องก็บอกว่าดี ไม่ใครจะมีมากกว่าเรา ทั้งที่คนอื่นมีมากกว่าเราเยอะแยะไป บางทีคิดอะไรได้มาอย่างหนึ่ง เป็นอรหันต์แล้ว เป็นโสดาแล้ว อะไรต่างๆ
นั่นมันความนึกคิดเท่านั่น ไม่มีการประพฤติปฏิบัติ คนที่ปฏิบัติเค้าไม่พูด เค้าจะคอยชี้ว่า สิ่งนั้นควรจะเดินทางไปไหน เค้าไม่เก็บไว้เฉยๆหรอก เค้าให้เหมือน เมื่อได้มาจากคำสอนการชี้แนะ จากคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพทธเจ้า เค้าก็ต้องชี้ต่อๆไป แต่เค้าไม่อวดว่า เค้าเป็นผู้สำเร็จ หรือเป็นผู้ดี ผู้อะไรต่างๆ ให้ใครเค้ามายกย่อง อะไรเค้า เค้าก็ไม่ยอมรับ
เนี่ย ..ท่านเป็นอรหันต์แล้ว เป็นไอ้โน้นไอ้นี่ เพราะจิตของเค้า เค้าจะต้องรู้ ว่าจิตของเค้าถึงไม่ถึง ไปยอมรับเค้าเอง เค้าก็อุปโลกน์ขึ้นมา ตัวเองก็เลยอุปโลกน์ไปใหญ่ นั้นในที่สุด จิตออกจากร่างไปที่ศูนย์ ไปที่ศูนย์..เค้าชี้ให้เห็น ตัวกระทำของตัวเอง เป็นอย่างไร ตอบเค้าไม่ได้ ไหนว่ารู้เป็นอรหันต์ ทำไมมีโกรธ มีตัวโลภ ไปทำให้คนอื่น มียึดตัวโลภตัวหลงอยู่อย่างนั้น ตัดสินให้ไปคาบไฟเสีย ไฟก็ลุกโพรงอยู่ที่ปาก เพราะไปทำให้เค้าหลง หลงในความทุกข์
ตัวเองทุกข์ไม่พอ แต่หลงในสิ่งที่เค้าเยินยอเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ...นี่มันอันตราย..เราอย่าไปรับ สิ่งที่เรารู้ตัวเองว่าเราดีหรือไม่ดีอย่างไร เค้าบอกว่าเราดี เราก็ทำดีให้เพิ่มขึ้น ละออกเพิ่มขึ้น
และสิ่งที่ไม่น่าฟัง ..ไม่น่าฟังที่สุด คือ อาตมามาอย่างนี่ มาพูดๆอย่างนี่ นี่ท่านเป็นโสดาหรือพระอรหันต์แล้ว เราต้องปราม บอกว่าจิตของข้าพเจ้ายังเป็นเด็กอยู่ ยังทำอะไรไม่ได้
ถ้ารู้ก็อยู่ที่ตัวตนของตัวเองว่าทำได้หรือไม่ได้ ไม่ต้องให้คนอื่นเค้าประกาศ นอกจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ที่จะประกาศรับรองเราได้
แล้วคนอื่นมา ญาติโยมที่เค้ายังโลภโกรธหลงอยู่มาประกาศ ให้เราเป็นโน้นเป็นนี่ แล้วเราก็เหมือนญาติโยมนั้นแหละนะ ญาติโยมเค้าโลภหลงเกิดขึ้น เราก็เหมือนกับเค้า เพราะเค้าประกาศ จากวาจาของเค้า ยกย่องเรา เราพลอยไปตามเค้า ก็เป็นอารมณ์กรรม ที่ตัวเองไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ก็เกิดขึ้นได้ เพราะไอ้ความโลภความยึดในสิ่งที่ไม่ควรยึด ต้องปล่อยวางได้ เป็นเรื่องที่ดี
นี่พยายามเรียนศึกษาอยู่แค่นี้ อาตมาสอน ..จะชี้ให้รูปสอนจิตให้ได้ เมื่อรูปสอนจิตได้ เราก็ทนอยู่กับรูปนั้น เราก็จะบรรลุเรื่องราวสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ถ้าไม่ให้รูปสอนก็ไปยากนะ ความขันติมันไม่มี ขันติอยู่ที่กายนี่ ก็ฟังกันมามาก ก็ขอจบแค่นี้ ก็ให้ผู้ที่อนุโมทนาเกิดขึ้น
@ จิตใด หมั่นในบุญ จิตใดสร้างบารมี จิตนั้นจงมีธรรมเป็นที่พึ่ง ตลอดไปทุกชาติทุกภพ จนบรรลุธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สาธุ สาธุ สาธุ พุทธังวันทามิ ธ้มมังวันทามิ สังฆังวันทามิ...
โฆษณา