22 ธ.ค. 2020 เวลา 12:11 • สุขภาพ
เรื่องเล่าเม้าท์ไปเรื่อย ตอน.......โควิดกำลังกลายพันธุ์
ในช่วงที่ทั่วโลกกำลังประสบปัญหาการระบาดที่ยังไม่สามารถหยุดยั้งได้ของโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด 19 ก็มีข่าวดีขึ้นมาว่า วัคซีนสามารถผลิตขึ้นมาได้แล้วและกำลังแจกจ่ายฉีดให้กับประเทศยักษ์ใหญ่หลายประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร อิสราเอง จีนและแคนาดา รวมกว่า 2 ล้านคน
แต่ก็ดีใจได้แป๊บเดียว เพราะประเทศอังกฤษประกาศพบการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 ซึ่งเชื่อว่าทำให้แพร่กระจายได้ง่ายขึ้น 70% การกลายพันธุ์นี้มีชื่อสายพันธุ์ย่อยว่า "B.1.1.7" หรือ “VUI-202012/01”
เจ้าเชื้อโควิดกลายพันธุ์นี้เท่าที่ทราบข้อมูลพบกว่า สามารถติดเชื้อได้ง่ายขึ้น แพร่ระบาดได้เร็วขึ้น แต่ความรุนแรงนั้นยังไม่มีข้อมูลที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าอันตรายมากกว่าเดิม เพราะอัตรการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์ยังไม่ได้เพิ่มอย่างชัดเจน
การระบาดเริ่มขึ้นในนครลอนดอนช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน พบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ B.1.1.7 เพียง 28 % แต่เดือนธันวาคมนี้พบว่าผู้ติดเชื้อโควิดกายพันธุ์เพิ่มขึ้นเป็น 60% เลยทีเดียว
โควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษที่กลางพันธุ์นี้ยังพบทั้งในออสเตรเลีย เดนมาร์ก และเนเธอร์แลนด์ อีกสายพันธุ์หนึ่งที่ยีนกลายพันธุ์คล้ายๆ กัน เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในแอฟริกาใต้
นั่นทำให้ประเทศต่าง ๆ เกือบ 40 แห่งทั่วโลก ต้องประกาศห้ามหรือจำกัดการเดินทางจากสหราชอาณาจักร เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ใหม่ และส่งผลให้รัฐบาลอังกฤษต้องประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ระดับ 4 ในกรุงลอนดอน และพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ตั้งแต่วันเสาร์ (19 ธ.ค.) ที่ผ่านมา และกวดขันชาวอังกฤษทั้งหมดไม่ให้เกิดการมั่วสุม ชุมนุมในช่วงใกล้เทศกาลส่งท้ายปี
1
คำถามที่ตามมาคือแล้ววคัซีนที่เป็นความหวังของคนทั้งโลก สามารถป้องกันโควิดกลายพันธุ์ได้หรือไม่ ???!!!!
เอ็มมา ฮอดครอฟต์ นักวิจัยด้านสาธารณสุขระดับโมเลกุลจากมหาวิทยาลัยเบิร์น ในสวิตเซอร์แลนด์ ระบุว่าการฉีดวัคซีนให้ได้ประมาณ 60% ของประชากรทั้งหมดภายในเวลาประมาณหนึ่งปี และการจำกัดจำนวนผู้ป่วยให้น้อยลง จะช่วยลดโอกาสที่ไวรัสจะกลายพันธุ์ได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ถึงกระนั้นนักวิทยาศาสตร์จะต้องติดตามการพัฒนาของไวรัสอย่างใกล้ชิดเพื่อตรวจหาการกลายพันธุ์ที่อาจยับยั้งประสิทธิภาพของวัคซีน
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยืนยันว่าต้องใช้เวลาหลายปีไม่ใช่เพียงไม่กี่เดือนกว่าที่ไวรัสจะมีวิวัฒนาการพอที่จะทำให้วัคซีนในปัจจุบันไร้ประสิทธิภาพ
ดังนั้นเชื่อได้ว่าวัคซีนยังมีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันโรคอย่างแน่นอน
1
เจสซี่ บลูม นักชีววิทยาวิวัฒนาการจากศูนย์วิจัยมะเร็งเฟร็ด ฮัตชินสัน ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ไม่ควรกังวลว่าการกลายพันธุ์เพียงครั้งเดียวจะทำให้ภูมิคุ้มกันและแอนติบอดีทั้งหมดไร้ประโยชน์ เพราะนั่นเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาหลายปี และต้องมีการสะสมของการกลายพันธุ์ของไวรัสหลายๆ ครั้ง แม้แต่ไวรัสไข้หวัดใหญ่ยังต้องใช้เวลา 5 ถึง 7 ปีกว่าที่จะกลายพันธุ์จนสามารถยับยั้งการป้องกันของภูมิคุ้มกันทั้งหมดได้"
หันกลับมามองที่ประเทศไทยที่กำลังพบการระบาดระลอกใหม่กันบ้าง ........
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล แถลงผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ของ Mahidol university ว่า สายพันธุ์ที่แพร่ในพม่าเป็นคนละสายพันธุ์กับอู่ฮั่นที่ระบาดในช่วงแรก D614 แต่พม่าเป็นสายพันธุ์ G614 ที่พบแพร่ระบาดในประเทศแถบตะวันตกและทั่วโลกขณะนี้ ซึ่งความต่างคือสายพันธุ์ที่แพร่ในพม่า ตัวเชื้อสามารถเพิ่มจำนวนได้เร็วกว่า 20% ทำให้แพร่ได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดิม
จึงไม่แปลกที่เชื้อโควิดกำลังกระจายไปทั้งประเทศและทำท่าจะควบคุมไม่อยู่ !!!!
เพื่อเป็นการป้องกันตนเองที่ดี ทุกคนต้องไม่ลืมใส่หน้ากากอนามัย สวมปากและจมูกให้ดี อย่านำไปไว้ใต้คางด้วยความเคยชิน อย่าลืมเว้นระยะห่างทางสังคมกันด้วยนะครับ
รักและปรารถนาดีจาก เรื่องเล่าเม้าท์ไปเรื่อย......
โฆษณา