29 ธ.ค. 2020 เวลา 01:58 • ประวัติศาสตร์
หากวันหนึ่งเราเดินออกไปนอกบ้าน
แล้วไปเจอกับคนที่หน้าตาเหมือนเราบุคลิกเหมือนเราเป๊ะๆ
เราจะทำยังไง?
1
เหตุการณ์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นจริงมาแล้ว
แถมคนที่ดูเหมือนกันไม่ใช่แค่คนสองคนเท่านั้น
แต่มีถึง 3 คนด้วยกัน
ผมเพิ่งได้ดูสารคดีเรื่อง Three Identical Strangers
ที่กล่าวถึงเหตุการณ์การประหลาดในเช้าวันหนึ่งของปี 1980
“บ๊อบบี้” ได้เดินทางเพื่อมาเข้าเรียนวันแรกในวิทยาลัยชุมชนซัลลิแวนเคาน์ตี้
แต่ตลอดย่างก้าวที่บ๊อบบี้เดินผ่านผู้คน จะมีคนเดินเข้ามาทักทายเขาตลอดทาง
โดยเรียกเขาว่า “เอ็ดดี้” เขาไม่รู้จักคนที่เข้ามาทักเขาเลย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่า “เอ็ดดี้” คือชื่อใคร
1
จนบ๊อบบี้ได้มาเจอเพื่อนสนิทของเอ็ดดี้ถึงได้รู้ว่าตัวเขาและเอ็ดดี้น่าจะเป็นฝาแฝดกัน
เพื่อนเอ็ดดี้จึงได้โทรศัพท์ไปหาเอ็ดดี้และให้ลองพูดคุยกับบ๊อบบี้
ทั้งคู่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันจึงได้รู้ว่าพวกเขาเกิดวันเดียวกัน
และมาจากสถานดูแลเด็กอ่อนหลุยส์ไวส์เซอร์วิสเซส
ที่เดียวกัน
เย็นวันนั้นบ๊อบบี้ขับรถไปหาเอ็ดดี้ที่บ้าน
ทันทีที่ประตูบ้านเปิดออกมา บ๊อบบี้ ได้เห็นชายที่อยู่ตรงหน้าเขา หน้าตาเหมือนเขาทุกอย่าง
อีกทั้งบุคลิกท่าทางก็ยังคล้ายกันอีก พวกเขาคือพี่น้องฝาแฝดที่พลาดจากกันอย่างไม่ต้องสงสัย
เรื่องราวของทั้งคู่กลายเป็นข่าวใหญ่โต หนังสือพิมพ์หลายสำนักได้ตีพิมพ์กันยกใหญ่
แล้วข่าวของทั้งคู่ก็มาถึงมือครอบครัวของ “เดวิด”
พี่สาวของเดวิดหยิบหนังสือพิมพ์ที่ได้ลงรูปข่าวของ “บ๊อบบี้” กับ “เอ็ดดี้” ที่หน้าเหมือนกับ
เดวิดแบบเป๊ะๆ แถมวันเกิดและสถานที่รับเลี้ยงตอนเด็กก็เหมือนกับเดวิด จึงคิดว่า เดวิด ต้องเป็นแฝดคนที่สามของทั้งคู่แน่ๆ จึงได้บอกข่าวนี้ให้กับเดวิด เมื่อเดวิดได้รู้ข่าวว่าเขามีฝาแฝดอยู่ด้วยอีกสองคนจึงทั้งตกใจ และดีใจ
จึงได้โทรศัพท์ไปคุยกับ บ๊อบบี้ และ เอ็ดดี้
แล้วทั้งสามคนก็ได้มาเจอพร้อมหน้าพร้อมตากันเป็นครั้งแรก
ทั้งสามคนเหมือนทั้งหน้าตา และบุคลิกรูปร่าง ความชอบ
การได้มาเจอกันโดยบังเอิญของทั้งสามคน
กลายเป็นข่าวดังระเบิด ทั้งสามได้ถูกเชิญไปออกรายการทีวีทุกช่อง
หัวหนังสือได้สัมภาษณ์ทั้งสามคนทุกฉบับ
โดยทุกสื่อจะมองเห็นถึงความเหมือนกันของทั้งสามคน ทั้งหน้าตา ท่าทาง
รสนิยม ความชอบ สเปคผู้หญิง
ที่ถึงแม้จะถูกเลี้ยงดูมาไม่เหมือนกัน
และเติบโตมาในสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันออกไปก็ตาม
ทั้งสามคนรักใคร่กลมเกลียวตัวติดกันตลอดเวลา
เล่นด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน นอนด้วยกัน ไปไหนไปด้วยกัน
จนในที่สุดทั้งสามคนก็ได้ร่วมกันเปิดร้านอาหาร
“Triplets” ขึ้นมาในปี 1993
ผู้คนต่างให้ความสนใจร้าน Triplets มาก
ต่างพากันมาที่ร้านเพียงเพื่อจะได้เจอตัวเป็นๆ ของทั้งสามคน
เพียงปีแรกที่ร้านเปิดก็ทำรายได้ไปมากกว่าล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งสามคนประสบความสำเร็จอย่างสูงและคิดว่าวันเวลาดีๆ ของทั้งสามคนจะอยู่แบบนี้ไปตลอด
แต่ชีวิตจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น
เมื่อร้านดำเนินกิจการไปเรื่อยๆ ก็ได้พบกับปัญหา
แม้ทั้งสามคนจะเป็นแฝดมีท่าทางเหมือนกัน
แต่จริงๆ แล้วกลับมีความคิดที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง
บ๊อบบี้ เป็นคนนิ่งสุขุม
เอ็ดดี้ เป็นคนสนุกสนานร่าเริง
เดวิด จะเป็นคนกลางระหว่าง บ๊อบบี้ กับ เอ็ดดี้
เมื่อความแตกต่างดำเนินไปจนหาจุดลงตัวไม่ได้
บ๊อบบี้ ก็ขอแยกตัวออกมาจากการทำร้าน
ทำให้เอ็ดดี้กับเดวิดรู้สึกเสียศูนย์
เพราะพวกเขาสามคนหลังได้พบกันแล้วก็ไม่เคยต้องแยกจากกันอีกเลย
อารมณ์ของเอ็ดดี้จากที่เคยร่าเริง
ก็กลายมาเป็นเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไว้หนวดเครารุงรัง
โทรไปหาใครต่อใครเวลาตีสองตีสามโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
เริ่มทำอะไรแปลกๆ ออกมาต่อหน้าลูกและภรรยาของเขา
2
จนในที่สุดทางครอบครัวก็ได้พาเอ็ดดี้ไปโรงพยาบาล
แล้วก็พบว่าเอ็ดดี้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
เมื่อสืบค้นประวัติลงไปก็ได้ค้นพบเรื่องประหลาดของทั้งสามคนที่ว่า
ในตอนเป็นวัยรุ่น ทั้งสามคนได้เคยมีอาการทางประสาทจนต้องเข้ามารับการบำบัดรักษาที่โรคพยาบาลประสาทเช่นกัน เพียงแต่ในรายของ บ๊อบบี้ กับ เดวิด เมื่อเติบโตแล้วอาการนี้ก็ได้หายไป
1
เอ็ดดี้ต้องเข้ารับการบำบัดอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลาสามสัปดาห์
จึงได้ออกมาใช้ชีวิตปกติ เอ็ดดี้ได้กลับมาทำงานที่ร้านอาหารกับเดวิดเหมือนเช่นเดิม
แต่เดวิดก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมของเอ็ดดี้ ที่ไม่ร่าเริงแจ่มใสเหมือนเก่าก่อน
เดวิดมักจะให้ภรรยาเขาและคนรอบข้างคอยสังเกตดูแลเดวิดอยู่ห่างๆ
แล้วลางสังหรณ์ของเดวิดก็เป็นจริง
3
เอ็ดดี้ได้ใช้ปืนยิงปลิดชีวิตตัวเอง สร้างความตกใจให้กับ เดวิด และ บ๊อบบี้ เป็นอย่างมาก
ข่าวเอ็ดดี้ได้กลายเป็นข่าวใหญ่โต
และมันก็ทำให้ได้รับรู้ความจริงเบื้องหลังของปริศนาแฝดสามว่าทำไมต้องแยกจากกัน
ลอว์เรนซ์ ไรท์ นักข่าวและนักเขียนชื่อดัง ได้ทำการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับข่าวแฝดที่ถูกแยกจากกัน
เขาได้ทำการสืบค้นสถานดูแลเด็กอ่อนหลุยส์ไวส์เซอร์วิสเซส
ของแฝดสาม ถึงเหตุผลความจำเป็นที่ต้องจับแฝดแยกจากกัน โดยทางสถานเลี้ยงเด็กได้อ้างว่าการจะหาครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งรับเลี้ยงเด็กทีเดียวเป็นไปได้ยาก การจับแยกจึงเป็นการดีต่อตัวเด็กเอง
6
แต่ยิ่งลอว์เรนซ์ ไรท์ ได้สืบค้นความจริงมากเท่าไรมันกลับไม่ใช่เช่นนั้น
จริงๆ แล้วมันเป็นการทดลองทางวิทยาศาสตร์นำโดยดอกเตอร์ปีเตอร์ นิวเบาเออร์
ที่อยากทดลองว่า กรรมพันธุ์หรือการเลี้ยงดู อย่างไหนจะส่งผลต่อบุคลิกการเติบโตของเด็ก
โดยการเลือกแฝดที่แม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตแล้วทิ้งไว้ในสถานเลี้ยงดูเด็ก นำมาจับแยกให้อยู่กับครอบครัวที่มีฐานะ ความเป็นอยู่และสังคมที่แตกต่างกันไป ซึ่งได้ทำการทดลองกับเด็กจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผยว่ามีทั้งหมดกี่คน
5
ในกรณีของแฝดสามนี้ทางนักวิทยาศาสตร์ได้เลือกครอบครัวที่ฐานะดี มีพ่อเป็นหมอบ้างานให้เลี้ยงดู บ๊อบบี้
ได้เลือกครอบครัวที่ฐานะปานกลาง มีพ่อเป็นครูเจ้าระเบียบเข้มงวดให้เลี้ยงดู เอ็ดดี้
ได้เลือกครอบครัวชนชั้นแรงงาน มีพ่อขี้เล่น ร่าเริงแจ่มใส ให้เลี้ยงดู เดวิด โดยที่ทั้งสามครอบครัวไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันเป็นการถูกเลือกมาก่อนแล้ว
1
ในวัยเด็กนักวิทยาศาสตร์ต่างมั่นเข้าไปทดสอบบันทึกของเด็กทั้งสามว่ามีความเปลี่ยนแปลง แตกต่างกันไปในแต่ละปียังไง โดยอ้างว่าเป็นการติดตามผลจากสถานรับเลี้ยงเด็ก ไม่มีใครได้รู้ความจริงนี้จนเวลาผ่านล่วงเลยมาหลายสิบปี
2
บ๊อบบี้, เอ็ดดี้ และ เดวิด แม้คนภายนอกจะมองว่าเติบโตเหมือนกันทุกอย่าง แต่จริงๆ แล้วนิสัยแตกต่างกันมาก ที่คนอื่นมองว่าทั้งสามคนเหมือนกัน นั่นเป็นเพราะว่าคนเราพยายามจ้องจะหาแต่ในสิ่งที่ทั้งสามเหมือนกัน โดยไม่ได้ดูในสิ่งที่ทั้งสามคนต่างกันเลย
2
จะเห็นได้ว่าทั้งกรรมพันธุ์และการเลี้ยงดูล้วนส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเด็ก
ทั้งสามคนล้วนเคยมีปัญหาทางจิตในตอนเด็กซึ่งอาจส่งทอดมาจากยีนส์กรรมพันธุ์มาจากแม่แท้ๆ
แต่ด้วยการเลี้ยงดูที่ต่างกัน ทำให้นิสัย สุขภาพจิตภายในของทั้งสามคนไม่เหมือนกัน และมีวิธีรับมือกับปัญหาที่แตกต่างกันออกไป
4
ความจริงอันโหดร้ายนี้สร้างความไม่พอใจให้กับ บ๊อบบี้ และ เดวิด เป็นอย่างมาก ทั้งคู่ต่างรู้สึกว่าเป็นเหมือนหนูทดลอง และการทดลองครั้งนี้มันได้สร้างบาดแผลที่ไม่รักษาได้ให้กับพวกเขา หากไม่มีการทดลอง ไม่มีการจับแยกพวกเขาทั้งสามคนตั้งแต่ยังเด็ก บั้นปลายชีวิตของเอ็ดดี้อาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น
1
ทั้งคู่ต่างเรียกร้องให้มีการเปิดเผยข้อมูลการทดลองทั้งหมดให้กับพวกเขา แต่โชคร้ายที่ภายหลังดอกเตอร์ปีเตอร์ นิวเบาเออร์ ได้เสียชีวิตลงจึงไม่มีใครสรุปผลการทดลองครั้งนี้ลงได้ ทำให้ บ๊อบบี้ กับ เดวิด ยิ่งรู้สึกว่าชีวิตของพวกเขาทั้งสามคนสูญเสียไปกับการทดลองอันเปล่าประโยชน์
จากปาฏิหาริย์ที่ทำให้ทั้งสามคนได้มาเจอกันโดยบังเอิญ
กลายเป็นมาได้รับรู้ความจริงอันแสนโหดร้าย
4
บางทีชีวิตก็ชอบเล่นตลกจนเราต้องร้องไห้...
อ้างอิงเรื่องและรูปจากสารคดี
Three Identical Strangers
โฆษณา