5 ม.ค. 2021 เวลา 13:45 • ปรัชญา
# Evan Spiegel กับปัญหาในการก่อตั้ง Snapchat
Evan Spiegel เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง และซีอีโอของ Snap Inc. ซึ่งได้รับการตั้งชื่อตามผลิตภัณฑ์หลักอย่าง Snapchat แอปแชร์รูปภาพ และวิดีโอ ชื่อดัง แล้วเขาทำได้อย่างไรกันนั้น อ่านเรื่องราวต่อไปนี้แล้วคุณจะเข้าใจ
*****
Evan Thomas Spiegel เกิดเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 1990 ที่ ลอสแองเจลิสแคลิฟอร์เนีย โดย Evan เป็นลูกคนโตของทนายความที่ประสบความสำเร็จ เขาได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดีใน Pacific Palisades และมักจะได้ไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวอยู่เสมอ เช่นใน ยุโรป ,บาฮามาส และเมาอิ
Evan เป็นเด็กเนิร์ดและขี้อาย เขาผูกพันกับคุณครูสอนคอมพิวเตอร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อย่างมาก เนื่องจากคุณครูช่วยเขาสร้างโมเดล และเว็บไซต์ของเขามาตั้งแต่เริ่มต้น
และเมื่อ Evan โตเป็นวัยรุ่น เขาก็กลายเป็นผู้สนับสนุนจนนำมาซึ่งการจัดงานปาร์ตี้ขึ้นมาใหญ่โต หลังจากที่ผ่านการฝึกงานกับบริษัท Red Bull
Evan ยังเริ่มพัฒนาทักษะการเจรจาต่อรองที่อาจจะช่วยให้เขาได้รับประโยชน์มากขึ้นในโลกธุรกิจด้วย แต่ หลังจากพ่อแม่ของเขาหย่าร้างกันในปี 2007 เขาก็ได้อยู่กับพ่อของเขาจนได้รถ BMW คันใหม่มา หลังจากนั้นเขาก็ไปอยู่กับแม่ของเขาทันทีที่ทราบว่า แม่ต้องการที่จะเช่ารถคันนี้
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักเรียนที่เก่งที่สุดใน Crossroads School for Arts and Sciences แต่ Evan ก็มีความเชี่ยวชาญในฐานะนักออกแบบกราฟิก จึงทำให้เขาเดินตามรอยเท้าพ่อของเขาได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเขายังได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในปี 2008 อีกด้วย
Evan เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Snap Inc. ซึ่งเป็น บริษัท แม่ของ Snapchat Spiegel ที่ได้พัฒนาแนวคิดสำหรับแอป แชร์รูปภาพและวิดีโอยอดนิยม
ขึ้นมาขณะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดย Evan Spiegel เข้าร่วมกับพี่น้อง Kappa Sigma ซึ่งเป็นเหตุให้เขาได้พบกับ Bobby Murphy CTO ของ Snapchat ในอนาคต
ทั้งสองทำงานร่วมกันในโครงการอื่น ๆ จนถึงจุดหนึ่ง พวกเขาก็ได้เริ่มสร้างเว็บไซต์ที่ รวบรวมไว้ซึ่งการรับสมัครนักศึกษาที่ชื่อว่า Future Freshmen แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ละทิ้งความพยายามนี้ไป
ทว่าในฤดูใบไม้ผลิของปี 2011 Reggie Brown น้องชายของ Kappa Sigma เกิดไอเดียเกี่ยวกับแอปโซเชียลมีเดีย ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถโพสต์รูปภาพและวิดีโอลงไปในเว็บแล้วรูปหรือคลิปนั้นสามารถหายไปจากเว็บไซต์เองได้
Evan ที่ได้ฟังก็เห็นด้วยและสนใจในความคิดนี้ ทั้งสองจึงได้ไปเชิญชวนให้ Murphy ที่จบการศึกษาแล้วมาเข้าร่วมโครงการด้วย
ฤดูร้อนนั้น ทั้งสามตั้งแคมป์ที่บ้านของ Evan ใน Pacific Palisades พวกเขาเริ่มสร้างธุรกิจโดยมี Evan อยู่ในฐานะซีอีโอและนักออกแบบ ,Murphy อยู่ในตำแหน่ง CTO และผู้พัฒนา
ส่วน Brown อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการตลาด ในเดือนกรกฎาคม พวกเขาได้เปิดตัว Snapchat เวอร์ชั่นแรก ภายใต้ชื่อว่า Picaboo ซึ่งเป็นแอปที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานส่งรูปภาพในช่องแชท หลังจากนั้นภาพจะยังคงอยู่ 1-10 วิ แล้วภาพจะหายไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่ผู้อ่านเปิดอ่านแล้ว อีกทั้งพวกเขายังไม่สนับสนุนกิจกรรมที่ผิดกฎหมายภายในแอฟนี้ด้วย
จนกระทั่งถึงเดือนสิงหาคม สัญญาเริ่มต้นของโครงการก็ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง Evan ,Murphy และ Brown จนเป็นเหตุให้ Brown ต้องออกจากบริษัทไป
หลังจากนั้น Picaboo ก็เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Snapchat
แม้ว่ายอดขายหลังจากการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้จะลดลงเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นในช่วงฤดูหนาว แอปนี้ ก็มีผู้ใช้มากถึง 20,000 คน ในเดือนมกราคม 2012 ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นถึง 100,000 คนในเดือนเมษายน
ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ ทำให้ค่าเซิร์ฟเวอร์ เพิ่มขึ้นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ผู้ก่อตั้งทั้งสองคน จึงได้รับเงินทุนสนับสนุนมากถึง 485,000 ดอลลาร์จาก Lightspeed Venture Partners ในเดือนพฤษภาคม
หลังจากนั้น Evan ก็ได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ไม่กี่สัปดาห์หลังจบการศึกษา เพราะเขาอายที่จะรับปริญญา
แต่ทว่า Snapchat ที่ในตอนนี้ได้แสดงสัญญาณของการพัฒนาไปสู่ ​​บริษัท เทคโนโลยีรายใหญ่ ผู้ที่มีส่วนร่วมในการก่อตั้ง อย่าง Brown จึงออกมาแสดงความไม่พอใจกับข้อตกลง ทางด้านส่วนแบ่งของเขา ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2013
โดย Reggie Brown ได้ยื่นฟ้องในข้อหาที่เขาได้รับการแบ่งปันสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาที่ Evan และ Murphy พัฒนาขึ้นอย่างไม่เป็นธรรม
ซึ่งในบรรดาคำกล่าวอ้างของ Brown ได้กล่าวว่า “บริษัท สร้างขึ้นจากแนวคิดของเขา และเขามีส่วนร่วมในโลโก้ผีที่เป็นเอกลักษณ์นี้ด้วยเช่นกัน”
แม้ว่าจดหมายจากทนายความของ Snapchat ถึง Brown จะอ้างถึงการดำเนินการทางกฎหมายของเขา ว่าเป็น "ความพยายามอย่างโปร่งใสในการกวาดล้าง Mr. Evan และ Mr. Murphy
เพื่อขอส่วนแบ่งใน บริษัท ที่ไม่ได้ให้การสนับสนุน จึงทำให้ทั้งสองฝ่ายตกลง และยุติด้วยการมอบเงิน 157.5 ล้านเหรียญ ให้กับ Brown ไป ในเดือนกันยายน 2014
หลังจากนั้นบริษัทก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Snap Inc. ในเดือนกันยายน 2016
พร้อมกับการเปิดตัว Spectacles ที่ติดตั้งกล้อง หลังจากนั้นสองเดือนต่อมา บริษัทก็ออกมาเปิดเผยรายได้ว่า ตอนนี้พวกเขาทำรายได้ไปแล้วกว่า 400 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตามในเดือนมีนาคม 2017 บริษัท ก็ต้องพบกับความล้มเหลวอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากผลประกอบการรายไตรมาสลดลงไปอย่างมหาศาล จนส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทต่ำกว่า $ 12 ต่อหุ้น ภายในเดือนสิงหาคม
ซึ่งการลดลงส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่งเช่น Facebook ซึ่งได้คัดลอกเรื่องราวและคุณสมบัติอื่น ๆ ของ Snapchat ไป จึงทำให้ความสนใจของกลุ่มเป้าหมายลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในช่วงปลายปี Evan จึงได้ออกมาประกาศว่า Snap จะเปิดตัวฟังชั่นใหม่ ที่สามารถกรองอัลกอริทึมสำหรับเนื้อหาต่าง ๆ และยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม ใหม่ อย่างเลนส์ Augmented Reality ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2013 Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Facebook ได้เสนอซื้อ Snapchat ในราคา 3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งการประเมินมูลค่าส่วนใหญ่ตรึง บริษัท ไว้ในมูลค่าที่ต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ณ เวลานั้น
และแม้ว่าบริษัทจะมีประสิทธิภาพ ที่จะได้รับมูลค่าสูงกว่า 750 ล้านดอลลาร์ ต่อคนจากข้อตกลง ผู้ร่วมก่อตั้งทั้งคนจึงปฏิเสธข้อเสนอนี้ไป
"มีน้อยคนในโลกที่จะสร้างธุรกิจแบบนี้" Evan บอกกับ Forbes ในภายหลัง "ซึ่งผมคิดว่าการซื้อขายเพื่อผลกำไรระยะสั้นนั้นมันไม่น่าสนใจเท่าไหร่"
ในปี 2018 Evan คาดการณ์ว่าบริษัทของเขาจะมีมูลค่ามากกว่า 3.2 พันล้านดอลลาร์ จากการเป็นเจ้าของ 18 เปอร์เซ็นต์ใน บริษัทที่เขาร่วมก่อตั้งด้วย
แต่นั้นก็นับเป็นการลดมูลค่าลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อ Snap เผยแพร่สู่สาธารณะในเดือนมีนาคม 2017 ขณะนั้น Snap ปิดการซื้อขายวันแรกที่ 24.48 ดอลลาร์ ต่อหุ้น และเพิ่มขึ้น เป็น 44 เปอร์เซ็นต์จากราคา IPO
ซึ่งต่อมา Evan ก็ได้รับรางวัลเป็นหุ้นเพิ่มอีก 37 ล้านหุ้น จนผลักดัน มูลค่าสุทธิของเขาให้อยู่ที่ 5.5 พันล้านเหรียญ
ความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมของ Evan กับ Snapchat ทำให้เขาเพลิดเพลินไปกับวิถีชีวิตเหมือนดังเช่นร็อคสตาร์ ซึ่งรวมถึงความรักของเขากับ มิแรนดา เคอร์ นางแบบชาวออสเตรเลียด้วย
ซึ่งในเดือนกรกฎาคมปี 2016 พวกเขาได้ซื้อบ้าน เพื่ออยู่ร่วมด้วยกันในย่าน แอลเอ ที่สวยงาม ของ Brentwood อีกทั้งในปลายปีนั้นพวกเขาก็ได้แต่งงานกันที่สวนหลังบ้านในเดือนพฤษภาคม 2017
นอกจากนี้ ภรรยาของ Evan ยัง สนับสนุนธุรกิจของเขา ในทุกวิธีที่เธอสามารถช่วยได้ อีกด้วย
*****
ดังที่ Evan Spiegel กล่าวไว้ว่า “ผมคิดว่าทุกคนเกิดมามีความคิดสร้างสรรค์ เหลือเพียงแค่ความสามารถในการระงับความกลัว และลงมือทำให้ได้เท่านั้นเอง”
*****
แปลและเรียบเรียงโดยเรื่องเล่าจากดาวนี้
ที่มา:
ติดตามเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย 😄
โฆษณา