21 ม.ค. 2021 เวลา 15:42 • ธุรกิจ
EP1 จุดเริ่มต้นของการเป็นผู้ประกอบการ
การส่งออกครั้งแรกในชีวิตของผม เริ่มต้นที่นี่ Siam Intercontinental Hotel ครับ
เห็นรูปนี้แล้วนึกถึงเรื่องราวครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ผมไม่เคยลืม เป็นเรื่องที่เล่าอีกกี่ครั้ง ผมก็ยังมีความสุขทุกครั้งที่ได้เล่าเรื่องนี้ครับ
ในปี1997 ที่เกิดวิกฤติฟองสบู่แตก ค่าเงินบาทลอยตัว จาก 1US$ ที่มีค่าประมาณ 25บาท กลายเป็น 50กว่าบาทในช่วงหนึ่งนั้น ธุรกิจโดยรวมประสบปัญหาอย่างมาก ผมก็เช่นเดียวกัน เพิ่งเปิดบริษัทปีแรกแท้ๆ ก็มาเจอกับปัญหาที่ไม่คาดฝัน
ผมต้องปรับตัว เปลี่ยนทิศธุรกิจอย่างรวดเร็ว ผันตัวจากธุรกิจการค้าในประเทศ กลายมาเป็นผู้ส่งออกอย่างเร่งด่วน เพราะระหว่างที่ค่าเงินอยู่ในอัตราแบบนี้ การส่งออกคือโอกาสเดียวที่พลิกเกมธุรกิจให้รอดจากวิกฤติครั้งนี้ได้ดีที่สุด สำหรับผู้ประกอบการ SME อย่างเราในช่วงนั้น
เมื่อได้รู้ว่าจะมีงานแสดงสินค้า ระดับภูมิภาค ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ก็ไม่ลังเลเลยที่จะสมัครเข้าร่วมทันที
ตอนนั้น ผมทำธุรกิจ Textile ครับ
ผมรีบเตรียม collection จัดผ้าตัวอย่างครบครัน สินค้าเก่าใหม่จัดไปอย่างพร้อมเพรียง พร้อมกับออกแบบ design ลายผ้าใหม่ๆ ตาม trend fashion และเตรียมการนำเสนอ presentation ไปแบบเต็มที่ที่สุด
ประมาณว่า ถ้ามีใครเดินผ่านบู้ธผม จะต้องแวะชมอย่างแน่นอน นั่นคือความมั่นใจก่อนการเดินทางของผมครับ
แต่เมื่อไปถึงแล้ว ปรากฏว่าคนแวะชมน้อยมากครับ ไม่ใช่เพราะสินค้าเราไม่น่าสนใจ หรือการตกแต่งบู้ธไม่สวยนะครับ แต่ตลอดทั้งงาน มีลูกค้าและคนเดินในงานน้อยมากๆๆ คนบางตาสุดๆครับ เรียกว่าตบยุงรอ คุยกับบู้ธข้างๆไปหลายคน ไปเดินเล่นหลายรอบ ก็ยังไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครเดินผ่านบู้ธเราครับ5555
คิดแล้วก็เศร้า สมแล้วที่เป็นมือใหม่ เริ่มธุรกิจปีแรก ร่วมออกบู้ธในงานต่างประเทศครั้งแรก ก็แทบจะตกม้าตายเลยครับ
การลงมือทำอย่างเต็มที่ ไม่มีค่าเลยถ้าเราไม่หาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อน
ไม่ว่าจะเป็นสภาวะของตลาด การวิเคราะห์ตลาด ความเข้าใจในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและสภาพแวดล้อมโดยรวมของตลาดนั้นๆ ก่อนที่จะเดินทางเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศครับ
ความมุ่งมั่นอย่างเดียวไม่พอจริงๆครับ
1
อาจเป็นเพราะยุคนั้น ยังไม่มี internet หรือ google search รวมถึง social media ต่างๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะไม่หาข้อมูล
ตอนนั้นยังไม่รู้จัก หน่วยงานดีๆของกระทรวงพาณิชย์ที่ช่วยผู้ส่งออกมือใหม่ อย่างกรมส่งเสริมการส่งออก DITP ด้วยซ้ำ
จบงาน4วัน แทบจะหมดแรง
แต่....
คนคิดบวกอย่างเรา มีหรือที่จะถอดใจง่ายๆ ยังไงก็ต้องคิดในแง่ดีไว้ก่อน ว่างานนี้ เราได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง
ได้นามบัตรมา25ใบ ของลูกค้าที่สนใจมาก น้อยตามลำดับ
ได้เพื่อนต่างประเทศ ผู้ร่วมชะตากรรมแห่งความเหงาอีก2คนจาก2ประเทศ มาเลเซียและฮ่องกง
ได้ไปเที่ยวเกนติ้งฟรี 1คืน ผู้จัด organizer งานเขามีโควต้าพาคนไปเที่ยวได้2-3คน แล้วเขาก็เลือกผมไป คงเพราะรู้สึกผิดแน่ๆ555 ที่เห็นเรามุ่งมั่นตั้งใจขนาดนี้ แม้ไม่มีลูกค้าเดินมาแต่ยังเดินหน้าทักทายผู้คน ส่งยิ้มรับแขก ไม่มีท้อตลอดงานอยู่คนเดียว5555
แต่ยังไงก็ตาม สุดท้ายก็ยอมรับกับตัวเองครับว่า งานนี้ผมพลาดอย่างแรง ที่ไม่รอบคอบ เลยลงทุนลงแรงไปแบบเรียกได้ว่าเหนื่อยเปล่า ไม่คุ้มค่ากับเวลากับความตั้งใจที่ใส่พลังลงไปอย่างเต็มที่เต็มพลัง
แต่คิดอย่างเสืออย่างเรา ไม่มีวันท้อแท้ ไม่มีวันลดความพยายาม
“ยังมีอีกหนึ่งวันในกัวลาลัมเปอร์ ขอได้ไปเสนองานสักที่ในวันพรุ่งนี้เถอะน่า” ผมคิดแบบนั้น ก่อนที่จะหมดวันและเข้านอนอย่างมีความหวัง แม้ว่าความหวังนั้นมันจะน้อยนิดก็ตาม
การได้รู้จักเพื่อนร่วมอุตสาหกรรมที่เป็นคนท้องถิ่น เป็นข้อดีอย่างหนึ่ง อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าใครเป็นใครในตลาด
ผมจึงปรึกษาเขาและให้เขาวิเคราะห์นามบัตรแต่ละใบ และชี้แนะให้เราว่าควรสนใจใคร จากนามบัตร25ใบนั้น
วันรุ่งขึ้น ผมเริ่มทยอยโทรนัดลูกค้าที่คาดว่าน่าจะตรงกลุ่มเป้าหมายของสินค้าของผม
เผื่อว่าได้เข้าไปเสนองาน คุยงานเพิ่มเติมกับใครสักคน อย่างมีความหวัง
แต่ไม่มีใครรับนัดสักคน5555
ลืมคิดไปว่า ใครจะมารับนัดกันด่วนๆแบบนี้
ผิดหวัง หมดหวัง แต่ยังเหลือนามบัตรอีกใบ ที่ยังไม่ได้ติดต่อ
เพราะนามบัตรใบนั้น เป็นของบริษัทแฟชั่นขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในสิงคโปร์
กะว่ากลับถึงเมืองไทย ค่อยโทรไปนัดอีกที
เอาวะ
ความหวังยังไม่หมด อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ความหวังสุดท้ายของผม อยู่ที่สิงคโปร์55555
แล้วผมก็โทรนัดได้สำเร็จ
เขารับนัด ให้ผมเข้าไปพบ ที่สิงคโปร์
เย้ๆๆๆๆ
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
1
โฆษณา