24 ม.ค. 2021 เวลา 14:21 • ความคิดเห็น
EP4 มหัศจรรย์แห่งความรัก : มหาวิทยาลัยเกียวโต
ตอนที่ได้ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น ไปเรียนปริญญาตรีที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น ทราบแค่ว่า ต้องเรียนภาษาที่โตเกียวก่อน1ปี แล้วค่อยไปเรียนที่มหาวิทยาลัยต่ออีก4ปี
ในคณะที่เราเลือก ตั้งแต่ตอนสมัครสอบเพื่อเข้ารับคัดเลือกให้เป็นผู้มีสิทธิ์ได้รับทุน Monbusho
ผมเป็นเด็กสายวิทย์ แต่ก็ตัดสินใจตั้งแต่ ม5 แล้วว่า อยากเป็นนักธุรกิจ จึงคิดเรียนด้านบริหารธุรกิจ หรือเศรษฐศาสตร์ ตั้งแต่ตอนนั้น
ตอนสมัครเข้าสอบทุนญี่ปุ่น ผมจึงเลือกเรียน 経営 บริหารธุรกิจ กับ 経済 เศรษฐศาสตร์ครับ
จำได้ว่าปีแรกที่อยู่ญี่ปุ่นนั้น สนุกมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้กลายเป็นเด็กหอ5555 หอนักเรียนต่างชาติด้วย สนุกสุดๆครับ
ในรุ่นของผม มีชาวสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ปาปัวนิวกินี อาร์เจนตินา บราซิล เม็กซิโก แล้วก็ไทย รวมเด็กทุนรุ่นนี้ ทั้งหมดมี34คนครับ
จึงได้เรียนรู้ อยู่กับความแตกต่าง ระหว่างชาติ ระหว่างวัฒนธรรม ได้อย่างสนุกสนาน มีเรื่องให้คิด ให้ทำ ให้ศึกษา ให้เรียนรู้ และที่สำคัญ ให้สนุกมากมาย
เป็นช่วงชีวิตที่หวนคิดกลับไปเมื่อไหร่ ก็ยังสร้างรอยยิ้มในหัวใจของตัวผมเองได้เสมอครับ
เพราะทุกเรื่องเป็นเรื่องใหม่ในตอนนั้น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิน เรื่องเล่น เรื่องการขึ้นรถไฟ ยังได้ตื่นเต้นเลย แล้วการได้อยู่ กับชีวิตประจำวันแบบนั้นทุกวัน ทั้งปี จะสนุกแค่ไหน
ถ้าสมัยนั้นมี Social Media เหมือนกับในปัจจุบัน ผมว่า ผมคงมีเรื่องเล่าสนุกๆ เรื่องสุขอย่างเสือ โพสต์ให้อ่าน เล่าให้ฟังได้ทุกวันแน่นอนเลยครับ
เอาไว้จะมาแยกเล่าเรื่องเกี่ยวกับญี่ปุ่นที่ผมรัก ให้ฟังนะครับ
ตอนนี้เอาเรื่องมหัศจรรย์แห่งความรักของผมในปีนี้ก่อนครับ
ด้วยความที่ไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นกันมาก่อน ทุกคนจึงต้องเรียนหนักมาก ไหนจะยากเรื่องวิชาการ ไหนจะยากเรื่องภาษา ถ้าไม่ขยันกันจริงจัง เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยไปแล้ว จะเรียนไม่รู้เรื่องและตามเพื่อนๆไม่ทันแน่นอน
นั่นน่าจะเป็นความกลัวของพวกเรา ในตอนนั้น
แต่เอาจริงๆ ตอนเป็นวัยรุ่น พวกเราเคยกลัวอะไรด้วยเหรอ5555
กังวลใจมากกว่านะครับ
กังวลว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้
กังวลว่าถ้าเกิดสอบเข้าไม่ได้แล้วจะถูกส่งไปไหน ยังมีสิทธิ์เลือกมหาวิทยาลัยอยู่หรือเปล่า
เหตุที่ต้องกังวลใจ เพราะผมดันเลือกอยากเข้าไปเรียนในคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกียวโตครับ
อาจารย์ที่ปรึกษาถามผมว่า
“จะเอาแน่หรือ ที่นี่โหดนะ เพราะต้องมีการสอบข้อเขียนด้วย และก็เคยมีเด็กทุนเดียวกันกับเรานี่แหละ สอบไม่ได้ ถูกส่งไปเรียนที่มหาลัยอื่นเลยนะ ที่คิวชิว (เกาะใต้สุดของญี่ปุ่น) มั้ง”
ในขณะที่ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยอื่นๆ คะแนนผมก็ถึงเกณฑ์แล้วนะ ก็เข้าได้เลย ไม่ต้องสอบด้วย เพราะมีโควต้าเด็กทุนให้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่โอซาก้า โยโกฮาม่า นาโงย่า โกเบ หรือที่อื่นดีๆอีกหลายที่ เลือกได้เลย
“เอาไงดี สุวรรณชัยคุง”
ตอนนั้น ผมหลงเสน่ห์ ต้นไม้ใหญ่ หน้าหอนาฬิกา หน้ามหาวิทยาลัยเกียวโต เข้าอย่างจัง เลยตั้งใจว่า จะต้องเข้าที่นี่ให้ได้
แต่ผมไม่กล้าบอกอาจารย์ท่านนั้นหรอกครับ ว่าทำไมถึงอยากเข้าที่นี่
เพราะดูไม่ค่อยจะเป็นเหตุผลที่ดีเท่าไหร่
เพราะหลงรักต้นไม้หน้าหอนาฬิกาหน้ามหาวิทยาลัยเนี่ยนะ5555
แต่ด้วยความรักนี้แหละครับ มหัศจรรย์ของชีวิตของผมก็เลยเกิดขึ้น
ข้อสอบที่ต้องใช้ในสอบเข้านั้น จะเป็นข้อสอบแนวอัตนัย โดยทุกปี จะเป็นการคัดลอก บทความทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น อาจเป็นคอลัมน์ธุรกิจจากหน้าหนังสือพิมพ์ในช่วงนั้นมาให้ผู้เข้าสอบได้อ่าน แล้วให้แสดงความคิดเห็น บรรยายลงไปในกระดาษคำตอบ ในเวลาที่กำหนดไว้
ปัญหาอยู่ที่ว่า พวกเราเพิ่งเรียนภาษาญี่ปุ่นไม่ถึงปี จะอ่านหนังสือพิมพ์ออกได้ยังไง
เพิ่งเริ่มเรียน อะอิอุเอะโอะ เหมือน ก ข ค ง ในภาษาไทย ด้วยซ้ำ แล้วจะให้มาอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาญี่ปุ่นเนี่ยนะ
แค่คิดก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
แต่
เมื่อรุ่นพี่ๆ ทุนญี่ปุ่นรุ่นก่อนๆก็เคยมีผู้สอบผ่านและเข้าไปได้มาแล้ว ทำไมเราจะไม่ลองดูล่ะ
ดังนั้น ผมจึงตอบอาจารย์ไปอย่างหนักแน่นว่า
“จะพยายามให้ดีที่สุดครับ 頑張ります”
แล้วเราก็โดนผลักเข้าหลักสูตร intensive พร้อมกับเพื่อนๆจากประเทศอื่น กลุ่มที่เลือกสอบเข้ามหาวิทยาลัยนี้เหมือนกัน
ทุกวันหลังเลิกเรียนคาบวิชาปกติ ผมจะถูกเรียกให้ไปรับบทความมาเพิ่มเติม ให้ไปอ่านต่อ ไปท่องศัพท์ต่อเป็นการบ้าน
จำได้ว่า แค่เปิด dictionary หาคำศัพท์ ตัวคันจิ ต่างๆในนั้น ก็แทบจะถึงเช้าแล้วทุกวัน
นอน2-3ชั่วโมงเป็นเรื่องธรรมดา ของคนบ้าที่กล้าฝันไกล ไปให้ถึงดวงดาวอย่างเรา
สมัยนั้น ไม่มี Google search หรือ Translation App เหมือนในตอนนี้ด้วย
การเปิด dictionary 3เล่มไปด้วยกัน จึงเป็นความสามารถพิเศษสำหรับคนรุ่นเรา
เปิด dic คันจิ หาคำอ่าน
เปิด dic ญี่ปุ่น-อังกฤษ เอาคำอ่าน มาหาคำแปลและความหมาย
เปิด dic ญี่ปุ่น-ไทย หรือ อังกฤษ-ไทย มาหาความมั่นใจ ว่าเข้าใจถูกต้องแล้วชัดเจน5555
แล้วเวลาก็ผ่านไป ถึงช่วงสอบ
1
ตอนสอบเขียนบรรยายอะไรไปบ้างก็ไม่รู้ แต่มารู้อีกที อาจารย์ที่ปรึกษาเรียกไปแสดงความยินดี
“สอบเข้าได้แล้วนะ ยินดีด้วยสุวรรณชัยคุง”
ดีใจที่สุดเลยครับ
แต่มาดีใจน้ำตาไหล ตอนโทรทางไกลมาบอกป๊าม๊าว่าสอบติดแล้วนี่แหละครับ
ป๊าม๊าของผมไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่ามหาวิทยาลัยเกียวโต เป็นอย่างไร ดีแค่ไหน หรือเก่งเรื่องอะไรบ้าง
แต่น้ำเสียงของท่านดีใจ
และมีความยินดีในน้ำเสียงนั้น ที่ชัดเจนมากสำหรับผม
‘รู้นะว่าลูกตั้งใจ’
‘รู้นะว่าลูกดีใจ’
‘เชื่อนะว่าลูกทำได้’
ผมก็เลยรู้ว่าป๊าม๊าภูมิใจ น้ำตาก็ไหลออกมาเอง Tear of Joy อย่างแน่นอน
ไม่ใช่เพราะลูกเข้ามหาวิทยาลัยดีหรือดังได้ แต่เพราะ ลูกตั้งใจสุดๆ ต่างหากที่ป๊าม๊าดีใจ
แค่นี้แหละ ที่พ่อแม่ทุกคนดีใจ และภูมิใจ
ตอนปิดเทอมใหญ่ ผมกลับบ้านมา
ป๊าม๊าก็ถามนะว่า ทำไมถึงอยากเข้าที่นี่
“ผมหลงรักต้นไม้ใหญ่ หน้าหอนาฬิกา หน้ามหาวิทยาลัยเกียวโตครับป๊าม๊า”
‘ลูกมีความรักที่ดีมากนะ’55555
โปรดติดตามตอนต่อไป
โฆษณา