25 ม.ค. 2021 เวลา 14:21 • ปรัชญา
EP5 มหัศจรรย์แห่งความตั้งใจ : มหาวิทยาลัยเกียวโต ตอน2
ปี1 ในมหาวิทยาลัย ไม่ง่ายเลย
เรียนไม่รู้เรื่อง ฟังไม่เข้าใจ ตามไม่ทัน
จะว่าไปแล้ว ก็ไม่แปลกหรอกครับเพราะเพิ่งเรียนภาษาญี่ปุ่นมาปีเดียว พอเข้าห้องเรียน ฟัง Lecture ก็เลย งง ไม่หมด แต่ก็ไม่ยอมแพ้นะครับ
ทุกเช้า ผมจะขี่จักรยานเสือหมอบคู่ใจ ไปมหาวิทยาลัยแต่เช้า เพื่อจะไปเข้าห้องเรียนเร็วขึ้น และไปจองโต๊ะเรียนหน้าห้อง เอาที่ใกล้อาจารย์ที่สุด แล้วก็เอา Walkman เข้าไปอัดเสียงของอาจารย์ไว้ทุกวิชา
พอว่าง เป็นต้องเข้าห้องสมุด ไปนั่งอ่าน Textbook
พอตกกลางคืน ก็เอาเทปมาฟังใหม่อีกรอบ
วนแบบนี้ไปซ้ำๆ จนมีเทปเต็มห้องนอนในหอพักเลยครับ
น้องๆคนรุ่นใหม่ อาจจะไม่รู้จัก Tape cassette กับ Walkman นะครับ
สมัยนั้น ใครไม่มี walkman นี่ เรียกว่า เชย เลยล่ะครับ เดี๋ยวนี้ มือถือแทนได้ทุกสิ่ง สบายกว่ากันเยอะเลยครับ
ด้วยความที่หอพักอยู่ไกล ต้องข้ามภูเขาหนึ่งลูก ขี่จักรยานไปกลับทุกวันเช้าเย็น กับ การเรียนหนังสือแบบฟังเทปวนไปจนดึกจนดื่นทุกคืนที่ห้องตัวเอง
ทำให้ระหว่างวัน ผมได้เปลี่ยนสถานะห้องสมุด จากที่อ่านหนังสือ เป็นที่งีบ หลับ พักเอาแรงทุกวันเลยครับ
ครั้งล่าสุดที่ไปเที่ยวมหาวิทยาลัย ผมก็ตั้งใจเข้าไปในห้องสมุดนี่แหละครับ อยากเข้าไปสำรวจดู ‘ความเหมือนเดิม’ ของสถานที่ที่เข้าไปใช้บริการมากที่สุด ตอนที่เป็นนักศึกษาที่นี่ครับ
1
ปี2 เริ่มเข้าที่เข้าทาง พอจะรู้เทคนิคการเรียนให้ผ่านแล้ว5555
ย้ำครับ เรียนให้ผ่านจริงๆ ไม่ได้สนใจเกรดเฉลี่ยเลยครับ เพราะที่นี่ มีกิจกรรม นอกมหาวิทยาลัย เยอะมากจริงๆ สำหรับคนอย่างผมครับ
เสาร์อาทิตย์ ผมก็ไปโอซาก้า สนุกกับพี่น้องคนไทย ที่เป็นเด็กทุน Monbusho ด้วยกัน
วันธรรมดา ก็ตีเทนนิส ที่หอพัก แล้วยังได้เข้าร่วมชมรมเทนนิสกับเพื่อนๆคนญี่ปุ่นด้วย
ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ผมอยากมาอยู่เกียวโตครับ
ผมชอบ วัดน้ำใส 清水寺 กับตรอกซอกซอย เก่าแก่ในเมืองมากๆ
เวลาเดินเล่นทั่วไปเรื่อยๆในเมืองเกียวโต จะได้เจอเสน่ห์ของเมืองเก่าที่ซ่อนไว้ในมุมต่างได้อย่างน่าหลงไหลกันเลยทีเดียวครับ
ว่างเมื่อไหร่ ผมก็จะขี่จักรยานเสือหมอบคู่ใจ เดินทางไปในจุดต่างๆที่ไม่ได้อยู่ในหนังสือแนะนำการท่องเที่ยวใดๆ
เป็นความสุขใจในการเดิน ดู และรู้สึก เมืองเกียวโตนี้ ด้วยความรักอย่างใจจริง
นี่ ถ้าคนเกียวโตมาอ่านบทนี้ คงต้องรักผมด้วยแน่นอน
ทั้งยังได้มีโอกาส สอนภาษาไทย ให้กับบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น สัปดาห์ละ2ครั้งๆละ 2ชั่วโมง สอนให้กับพนักงานที่จะถูกส่งตัวมาทำงานที่สำนักงานประเทศไทยครับ
อีกสัปดาห์ละ2วัน ตอนเย็นก็จะไปเป็นครูสอนพิเศษวิชาเลขกับภาษาอังกฤษ ให้กับเด็กญี่ปุ่น ป5-ป6 ครอบครัวหนึ่ง
ปี2 จึงทั้งยุ่ง ทั้งสนุก ทั้งยังหาเงินเก็บเงินได้มากขึ้นอีกด้วยครับ
พอปิดเทอมเล็ก ก็เดินทางไปเที่ยวที่ต่างๆในญี่ปุ่น ส่วนปิดเทอมใหญ่ ก็กลับมาเมืองไทยเหมือนเดิม
ปี3 เป็นปีที่ผมมุ่งมั่น ตั้งใจหักดิบกับชีวิตตัวเอง5555 เพื่อเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ เก็บหน่วยกิตให้ครบ แล้วเรียนให้จบให้ได้ภายใน3ปีครับ
ข้อดีมากๆของมหาวิทยาลัยเกียวโต คือ แม้ดูเหมือนจะสอบเข้ามาได้ยาก
แต่เมื่อเข้ามาแล้ว ชีวิตมีอิสระมากครับ
วิถีทางความคิด ของพวกเรานักศึกษา น่าจะได้รับอิทธิพลจาก ความคิด ของ First President อาจารย์ Hiroji Kinoshita ที่ว่าด้วยการพึ่งพาตัวเอง Self Reliance และการเคารพในตัวเอง Self Respect โดยไม่รู้ตัว
ถ้าบริหารจัดการเวลาตัวเองเป็น สามารถเข้าเรียนเข้าสอบกี่วิชาก็ได้ ตามความตั้งใจ (โดยต้องลงทะเบียนเรียนตอนต้นเทอมก่อนนะครับ) โอกาสที่จะจบ3ปี จึงเป็นสิ่งที่วางแผนได้ และทำได้จริงครับ
ปี3 ผมจึงย้ายตัวเองออกจากหอพัก แล้วไปเช่า apartment ที่อยู่ใกล้ๆมหาวิทยาลัย เพื่อประหยัดเวลาการเดินทางต่อวัน และก็นับว่าได้ผลมากครับ
อยากเปลี่ยนแปลง ก็ต้องก้าวออกจากความเคยชิน
ถึงแม้จะอดตีเทนนิส
ถึงแม้จะอดสังสรรค์กับเพื่อนๆร่วมหอ
ถึงแม้จะต้องกลับมานอนน้อย เพื่อจัดหนัก ในการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบทั้งวันทั้งคืน เกือบทั้งปี
แต่เพื่อเป้าหมายใหญ่แล้ว เราทำได้
วางแผนและจัดการทุกอย่างไว้เรียบร้อย รวมทั้งการให้ของขวัญตัวเอง ด้วยการเดินทางไป LA สหรัฐอเมริกา หลังสอบเสร็จ เพื่อได้เที่ยวยาว พักผ่อนยาวก่อน ค่อยกลับมาลุ้นผลสอบทีหลัง5555
5
พอสอบวิชาสุดท้ายเสร็จ ประมาณบ่ายแก่ๆ รีบกลับห้อง ไปจัดกระเป๋าเดินทาง เพื่อไปขึ้นเครื่องที่สนามบินนาริตะ คืนนั้นเลย
พอขึ้นเครื่องปุ๊บ ผมบอกกับพนักงานให้บริการบนเครื่องบินว่า
“ถ้าผมหลับไป ไม่ต้องปลุกผมนะครับ ผมขอไม่ทานอาหารทุกมื้อครับ”
คืออยากนอนครับ5555
พอเครื่องบิน เหินบินขึ้นสู่ฟากฟ้า ผมมารู้ตัวอีกที ก็จะถึงสนามบิน Los Angeles แล้วครับ หลับยาวเป็น10กว่าชั่วโมง โดยไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด
ด้วยความที่ก่อนหน้านี้เตรียมตัวสอบ ได้นอนวันละ2-3ชั่วโมงต่อเนื่องหลายเดือน
ตอนมีเป้าหมาย ร่างกายก็ทนได้ พอเสร็จภารกิจเท่านั้น หลับยาวเลยครับ5555
1
ผมว่า นี่ก็เป็นอีกหนึ่งมหัศจรรย์ของชีวิตวัยหนุ่มของผมครับ
เวลาที่ใจ ต้องการจะสู้เต็มที่ ไม่มีอะไรมาหยุดเราได้จริงๆ
แต่ตอนนี้ให้ทำแบบนั้นอีกที ผมว่าทำไม่ได้แล้วครับ ไม่ใช่ใจไม่สู้นะครับ สังขารไม่ให้มากกว่า5555
แต่หัวใจนักสู้ ที่มีอยู่ในพวกเราทุกคนนั้น ยิ่งใหญ่สุดๆครับ
จบการพักผ่อน และกินเที่ยวอย่างเต็มที่ ในอเมริกาแล้ว ก็กลับมาญี่ปุ่น
ตอนเปิดเทอม ก็ไปรับผลการเรียน
ไม่ต้องบอก ก็เดาได้นะครับ
ผมเก็บหน่วยกิตครบ เรียนมหาวิทยาลัยจบแล้วใน3ปีครับ
ครั้งนี้ ไม่ได้โทรบอกป๊าม๊านะครับ
ไม่อยากให้รู้ว่า เราหักโหม เดี๋ยวท่านจะเป็นห่วง
ป๊าม๊ามารู้อีกที ผมจะย้ายที่อยู่แล้ว
ปี4 ผมจะย้ายไปอยู่ที่นาโงย่า ไปทำงาน Full time เป็นพนักงานประจำบริษัทญี่ปุ่นทั้งปี ที่นั่นครับ
ผมรักการเดินทางจริงๆเลยครับ
โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้
1
โฆษณา