26 ม.ค. 2021 เวลา 13:41 • ธุรกิจ
EP6 มหัศจรรย์แห่งการมุ่งมั่น : มหาวิทยาลัยเกียวโต3
(ต่อจากตอนที่แล้ว) เนื่องจากเก็บหน่วยกิตครบแล้ว ทำให้ปี4 ผมจะว่างไปทั้งปี มีเพียงคาบเดียวที่ผมยังอยากไปเข้าร่วมเรียนด้วยต่อ คือชั่วโมงสัมมนาทางธุรกิจ
จึงตั้งใจไปนั่งเรียน แล้วก็ไปขอพบกับอาจารย์ที่ปรึกษา เล่าความตั้งใจของผมให้ท่านฟัง
“ผมอยากไปทำงานเต็มเวลาครับอาจารย์”
“จะรีบทำงานทำไม เรียนเก่งแบบนี้ เรียนต่อปริญญาโทเลยสิ รู้ใช่ไหมว่าทุน Monbusho ที่ได้รับอยู่นี้ ให้สิทธิ์เรียนต่อได้ถึงปริญญาเอกเลยนะ”
“ทราบครับอาจารย์ แต่ผมอยากไปเห็น อยากไปสัมผัส ไปเรียนรู้สังคมธุรกิจของคนญี่ปุ่นในชีวิตจริงลองดูครับ อยู่ที่มหาวิทยาลัย ก็ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของนักศึกษาจากเพื่อนๆคนญี่ปุ่นแล้ว”
“ผมอยากรู้จริงๆครับว่า ที่เขาบอกว่าคนญี่ปุ่นทำงานหนักมาก จริงหรือไม่”
“ที่เขาบอกว่า เลิกงานแล้วไปดื่มเหล้าเมาต่อให้ดึกแค่ไหน ตอนเช้าก็ยังมาทำงานเช้า เข้างานได้ทันอยู่ดี จริงหรือเปล่า”
“ที่เขาบอกว่า ถ้าเราทำงานเสร็จแล้ว แต่เพื่อนๆในทีม ยังทำงานไม่เสร็จ เราก็ไม่ควรกลับบ้านก่อน มันเป็นแบบนั้น จริงหรือ”
“อยากรู้ไปหมดเลยครับอาจารย์” ผมพูดถึงความอยากรู้อยากเห็นให้อาจารย์ฟังอย่างต่อเนื่อง
อาจารย์หัวเราะและหยอกกลับมาว่า
“เชื่อว่าคงอยากรู้จริง ถึงขนาดยอมเหนื่อย ยอมทุ่มเทจนเรียนจบได้ใน3ปี สุวรรณชัยคุง เป็นคนตั้งใจมากๆ”
ผมนิ่งเงียบ ไม่ได้ตอบอะไร แต่อาจารย์ก็อ่านใจผมออก
“เข้าใจละ งั้นก็ไม่ห้ามนะ แต่มีเงื่อนไขข้อนึง ทุกเดือนต้องกลับมาเล่าให้อาจารย์ฟังว่า ทำงานแล้วได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง okไม๊”
“ได้เลยครับอาจารย์”
แล้วผมก็ไปลองหางาน โดยเริ่มสอบถามจากคนญี่ปุ่นที่ผมเคยเจอมาก่อน ทั้งในญี่ปุ่นและที่ประเทศไทย
แล้วมหัศจรรย์แห่งความมุ่งมั่น ก็ทำให้ผู้บริหารท่านหนึ่ง ยอมรับผมเข้าทำงาน แม้รู้ว่าผมจะขอทำงานแค่ปีเดียวก็ตาม
ที่เขายอมให้ทำงานด้วย อาจเป็นเพราะเขามีบริษัทลูกที่เมืองไทย และก็อยู่ในอุตสาหกรรมสิ่งทอเหมือนกับธุรกิจของครอบครัวผม เห็นว่าเคยเจอกับคุณพ่อของผมมาก่อนด้วยเช่นกัน
แต่ปัญหาคือ บริษัทเขาอยู่ที่นาโงย่า ครับ
จากเกียวโต ไปนาโงย่า นั่งรถไฟ ชินกันเซ็น ใช้เวลาประมาณ 40นาที ถ้านั่งรถบัส ก็ประมาณ 3ชั่วโมงกว่ามั้ง
เขาบอกผมเลยว่า “ถ้าไปกลับเกียวโต-นาโงย่าทุกวัน ด้วยรถไฟชินกันเซ็น เงินเดือนที่กำลังจะได้ บวกกับทุนการศึกษาที่ได้รับอยู่ ก็คงไม่พอใช้นะ....ย้ายมาเลยไม๊ เดี๋ยวจะหาห้องเช่าใกล้ๆบริษัทให้”
“ได้ครับ” จริงๆจะตอบว่าได้ ตั้งแต่เขายังพูดไม่จบประโยคเลยครับ5555
“แต่ผมมีเงื่อนไขข้อนึงนะ ถ้าจะมาทำงานด้วยกัน”
“เงื่อนไขว่ายังไงครับ”
“ให้ทำอะไรก็ต้องทำนะ เงื่อนไขข้อนี้ ทำได้มั้ย”
ท่านที่กำลังอ่านอยู่ครับ ถ้าเป็นท่าน โดนบอกให้ทำอะไรก็ต้องทำ ท่านจะยอมรับเงื่อนไขนี้ไหมครับ
ตอนนั้น ผมตอบ “ได้ครับ” เลยทันที โดยไม่ได้คิดอะไรเลย
คิดย้อนกลับไป เราก็เป็นคนคิดบวกสุดๆคนหนึ่งเลยนะนี่5555
1
แล้วผมก็ขนของ ย้ายตัวเองมาอยู่ในเมืองนาโงย่าทันที โดยที่ไม่มีใครรู้ นอกจากอาจารย์ที่ปรึกษาคนเดียว
ทุกเดือนผมยังกลับไปลงชื่อรับซองเงินสด ทุนการศึกษาเหมือนเดิมทุกประการ
แล้วผมก็เริ่มงานวันแรก
หลังจากที่ ฉะโจ 社長 นายใหญ่ เจ้าของบริษัท ผู้บริหารที่รับผมเข้ามาทำงาน ประชุมตอนเช้า ในรูปแบบ Morning Talk เสร็จ ก็เรียกผมไปคุย
“สุวะซัง (ผมบอกเขาไปว่า ผมชื่อเล่นว่าเสือ เขาก็เลยเรียกแบบนี้) อย่าลืมเงื่อนไขของผมนะ ให้ทำอะไรก็ต้องทำนะ”
“แน่นอนครับ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น กึ่งตื่นเต้นว่า เขาจะให้เราไปทำอะไรล่ะเนี่ย
‘เอาน่า เขารู้ว่าเราเป็นเด็กทุน เรียนจบ3ปี จากมหาวิทยาลัยเกียวโตด้วย คงมอบหมายงานที่เหมาะสมให้ล่ะน่า’ ผมคิดแบบนั้นระหว่างรอเขามอบหมายงาน
“สุวะซัง ช่วง3-4เดือนแรกนี้ ให้ไปเป็นเด็กติดรถ ตามหัวหน้าไปส่งของที่โรงงานต่างๆก่อนละกัน”
“ได้ครับ” แต่สารภาพเลยครับว่า มึน และงง มาก แต่ในตอนนั้น ไม่ได้พูดอะไร หรือเพราะพูดอะไรไม่ออก ก็ไม่รู้
เดือนแรกตอนกลับมาเล่าให้อาจารย์ฟังสิครับ ยิ่งมึน ยิ่งงง ยิ่งกว่าเดิม
“คิดบ้าอะไรอยู่ สุวรรณชัยคุง ไปทำงานเป็นเด็กติดรถเนี่ยนะ ความรู้ก็ไม่ได้ใช้ แล้วจะไปทำงานทำไม....ไปลาออกแล้วกลับมาเรียนต่อเลย”
อาจารย์พูดเสียงดังด้วยความโกรธ
แต่ด้วยความที่ผมยังทำงานได้เดือนเดียว ยังไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย จึงขออาจารย์ทำงานต่อไป
เดือนที่2 กลับมาหาอาจารย์ใหม่
“ไหนเล่ามาซิ ว่าทำงานแล้วได้อะไรมาบ้าง”
“สนุกมากครับอาจารย์ ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย เจ้านายสั่งให้ไปไหน ก็ไป เจ้านายพักกินกาแฟ ก็ได้กินด้วย สั่งให้ยกของขึ้นรถ ก็ยก ยกลงก็ยก กลางคืนก็พาไปกินข้าว กินเหล้า กินเบียร์ ฟังพวกผู้ใหญ่เขาคุยสัพเพเหระกัน ทำงานแป๊บเดียวก็ได้เงินเดือนละครับ5555”
ผมพูดอารมณ์ดี เพราะอยากให้อาจารย์อารมณ์ดี แต่อาจารย์ไม่อารมณ์ดีด้วย
ครั้งนี้ยิ่งหนัก ดูหน้าก็รู้ว่า โกรธมาก
“ทำงานได้แต่เงินเดือน ไม่ได้ใช้ความรู้ แล้วจะมีประโยชน์อะไร”
“สนุกพอหรือยัง พอได้แล้ว กลับมาเรียนต่อเลย....ให้ไปนั่งฟังในห้องเรียนสัมมนาปริญญาโทเลยก็ได้ ลอง sit in ดู เผื่อจะเปลี่ยนใจ อาจอยากมาเรียนต่อโทที่นี่เลยก็ได้”
อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมบอกกับอาจารย์ว่า ไม่เรียนต่อโทที่ญี่ปุ่นเลย ก็เพราะว่าผมฝันไปเรียนต่อ MBA ที่อเมริกาครับ
“เพิ่งทำงานได้แค่2เดือนเอง ยังไม่รู้อะไรเท่าไหร่เลยครับอาจารย์ ขอไปทำงานต่อนะครับ” ผมยังยืนยันคำตอบเดิม
“ตามใจ”
อาจารย์คงเริ่มมี ความงอน มาแทนที่ความโกรธแล้วมั้งตอนนี้
แล้วก็มาถึงเดือนที่3
คราวนี้อาจารย์ยื่นคำขาด
“ถ้าไม่กลับมาเรียน ก็จะไม่ถามละนะ”
ผมก็ยังหนักแน่น ยืนกราน เดินหน้าทำงานต่อไป แต่ก็แอบเสียใจเหมือนกันที่ทำให้อาจารย์โกรธและผิดหวัง
ในเดือนที่4 เจ้านายที่ดูแลผมโดยตรง ได้รับคำสั่งจาก ฉะโจ 社長 ให้ผมฝึกดูผ้า วิเคราะห์เส้นด้ายและเรียนโครงสร้างการทอแล้วก็เขียนสูตรการผลิตให้เป็น
ยอมรับเลยว่า เป็นเดือนที่ไม่สนุกเลยครับ
วันๆอยู่แต่ในoffice ใช้สายตาเยอะมาก ส่องผ้าทั้งวัน เห็นแต่เส้นด้าย กับกระดาษเขียนโครงสร้างลายผ้า ไม่ได้เจอใครเลย ไม่ได้ไถลไปพักกินกาแฟด้วย5555
แล้วก็ถึงวันต้องไปหาอาจารย์
แล้วต้องไปเล่าให้ฟังว่า ไม่สนุกเนี่ยนะ
อาจารย์ต้องยิ่งเสียใจแน่ๆ
เวลาที่ผมต้องการหาคำตอบอย่างหนัก แล้วพยายามใช้สติและความคิด ผมจะมีเสือน้อยตัวเล็กๆ คอยมากระซิบบอกคำตอบดีๆให้กับผมเสมอ
แล้วเสือตัวเล็กก็บอกคำตอบกับผม และผมก็ถ่ายทอดให้อาจารย์ฟังทันที
“อาจารย์ครับ ผมรู้แล้วครับว่า 3เดือนที่ผ่านมา ทำไมอาจารย์ถึงโกรธผม
เพราะผมไม่ได้ตอบคำถามอาจารย์เลยครับ ว่าทำงานแล้วได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง มัวแต่เล่าความสนุกที่ได้ทำงานง่ายๆแล้วก็ได้เงินมา
กับความสุขในยามค่ำคืนที่เพื่อนร่วมงานพาไปพบปะสังสรรค์กันหลังเลิกงาน
ถึงผมจะรู้แล้วก็ตามว่า ต่อให้พวกเขากลับดึกและเมากันแค่ไหน ตื่นเช้าขึ้นวันใหม่ พวกเขาก็ไปทำงานทันกันทุกคน
แต่ผมก็ยังไม่ได้ตอบอาจารย์เลยครับว่า ได้เรียนรู้อะไรจริงๆมาบ้าง
เดือนนี้ผมมีคำตอบแล้วครับ
เดือนที่4นี้ทำงานไม่สนุกเลยครับ
แต่ผมได้คำตอบของ3เดือนแรกในฐานะเด็กติดรถส่งของแล้วครับว่าผมได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง
ผมได้เห็น กระบวนการผลิตสิ่งทอ ทั้งกระบวนการเลยครับอาจารย์
ผมรู้แล้วว่า เวลามีคำสั่งซื้อผ้าผืน แล้วเราต้องผลิตขึ้นมาเพื่อส่งให้กับลูกค้า เราต้องซื้อเส้นด้ายที่ไหน ต้องส่งเส้นด้ายไปย้อมที่โรงงานใด เมื่อย้อมเสร็จแล้ว ต้องส่งไปทอเป็นผ้าผืนที่ไหน และเมื่อได้ผ้าดิบที่ทอเสร็จ ต้องส่งไปกระบวนการทำผ้าให้นุ่ม ให้เงา ให้มี finishing ตามที่ลูกค้าต้องการที่ไหนต่อบ้าง
ผมได้เห็น Supply Chain ของการผลิตผ้าผืน ทั้งหมดแล้วครับอาจารย์”
ผมพูดด้วยเสียงฉะฉาน มั่นใจตลอดการนำเสนอ ลึกๆยังคงกลัวอาจารย์โกรธอยู่
แต่ครั้งนี้ อาจารย์นั่งฟัง ด้วยสีหน้าสบายๆ อมยิ้ม และพยักหน้าตลอดระยะเวลาที่ผมเล่าเลยครับ
และอาจารย์ก็พูดประโยคสั้นๆ
“ไปทำงานต่อได้เลย ไป”
เป็นคำพูดที่สั้นที่สุด ของอาจารย์ ตั้งแต่ได้พูดคุยมา
แต่เป็นความสุขที่ยาวที่สุด ของผม ในรอบ4เดือนนี้เลยครับ5555
โปรดติดตามตอนต่อไป ในวันพรุ่งนี้
โฆษณา