2 ก.พ. 2021 เวลา 14:56 • หนังสือ
9 เหตุผลที่ยังชอบอ่านหนังสือเล่ม ของ #ไดอารี่ความฝัน
แล้วคุณชอบอ่านหนังสือเล่มเหมือนกันไหม ?
>> คำเตือน<< -- บทความนี้ค่อนข้างยาว ค่อย ๆ อ่านช้า ๆ นะค้าา
1
สวัสดีค่ะทุกท่านที่แวะมาเจอบทความนี้ของได ฯ และแวะมาอ่าน
ก่อนอื่นต้องขออภัยนะคะหากภาพปกค่อนข้างแสบตา
กำลังอยู่ในช่วงฝึกแต่งภาพปกไปในตัวค่ะ
ก็คิดมานานแล้วว่าอยากจะเขียนเรื่องนี้ แต่วันนี้เพิ่งจะได้ฤกษ์งามยามดีมาเขียน
หากคุณชอบอ่านหนังสือเล่ม แล้วไม่ได้จับมันขึ้นมานานแล้ว ลองหยิบสักเล่มขึ้นมาเปิด บางทีจะทำให้ความรู้สึกหลายอย่างพลั่งพลูกลับมาก็ได้ เราจะได้อะไรหลายอย่างจากหนังสือ นอกจากได้สิ่งที่อยู่ในเนื้อหาของหนังสือ เรายังได้ความเพลิดเพลินในขณะที่กำลังอ่านด้วยเช่นกัน
ได ฯ ขอพูดถึงเหตุผลของตัวเองนะคะ ซึ่งอาจจะตรงหรือแตกต่างกับของหลาย ๆ ท่าน ยังไงก็มาแชร์กันเพิ่มเติมได้เน้อ
แต่ แม้ว่าจะชอบอ่านหนังสือเล่ม ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่อ่านบทแพลตฟอร์มอื่นนะคะ เพียงแค่รู้สึกชอบหนังสือแบบเป็นเล่มมากกว่าเท่านั้นเอง
เหตุผลมีอะไรบ้าง ดังนี้ค่าาาา
กับหัวข้อ 9 เหตุผลที่ยังชอบอ่านหนังสือเล่ม
ของ #ไดอารี่ความฝัน
แล้วคุณชอบอ่านหนังสือเล่มเหมือนกันไหม ?
9 เหตุผลที่ยังชอบอ่านหนังสือเล่ม ของ #ไดอารี่ความฝัน แล้วคุณชอบอ่านหนังสือเล่มเหมือนกันไหม ?
1. ความเคยชิน
คงเป็นเพราะว่าเติบโตมาในยุคที่อินเตอร์เน็ตยังไม่รุ่งเรืองมากนัก โซเชียลมีเดียสมัยนั้นก็มีแต่ Hi5 ซึ่งความแรงอินเตอร์เน็ตก็ถ้าเทียบกับทุกวันนี้สมัยนั้นคงเป็นเน็ตสล็อตไปเลย
ด้วยความที่ไม่รู้จะทำอะไร นอกจากเล่นกับเพื่อน เล่นกับหมา แมว และไก่ แล้วก็อ่านหนังสือนี่แหละเพลินสุดแล้ว
เวลาพักในโรงเรียนก็มักจะเข้าห้องสมุด อ่านจบบ้างไม่จบบ้างแต่ก็ถือว่ารอบตัวมักแวดล้อมด้วยหนังสือตลอด
และยังชอบยืมหนังสือกลับมาอ่านที่บ้านด้วย ทั้งที่แบกหนังสือเรียนแต่ละวันหลังก็แอ่นมากแล้ว
จำได้ว่าตอนนั้นอยู่ช่วงมัธยมปลาย ที่คลุกคลีกับหนังสือมากสุด จะติดพวกวรรณกรรมเยาวชนทั้งหลาย
เรื่องที่ชอบมากที่สุด ติดงอมแงมเลยก็จะเป็น เรื่อง สี่สหายผจญภัย ซึ่งมีหลายตอนมาก ๆ แน่นอนว่าติดตามหาซื้อมาอ่านหมดทุกตอน
1
อีกเรื่องก็จะเป็น แฮร์รี่พอตเตอร์ เล่มหนาแค่ไหนก็อ่านจบ
ตอนที่อ่านไปถึงภาค 6 แล้ว ภาค 7 ยังไม่ตีพิมพ์ รอนานม๊ากก รอหนังสือ เหมือนรอคนรักที่ไปทำงานแดนไกลเลยทีเดียว
วันหยุดก็มีไปเล่นกับเพื่อนบ้าง แต่ส่วนมากจะอยู่บ้าน แล้วหิ้วตะกร้าหวายของแม่ที่ใส่หนังสือไว้ประมาณ 4 - 5 เล่ม ไปหามุมสงบ ๆ ใต้ต้นไม้นอนอ่านเลย จริงจังกับการอ่านสุด ๆ
บางวันก็นอนในเปลยวนใต้ถุนบ้าน อ่านไปอ่านมาหลับไปทั้งอย่างนั้นเลยก็มี
แล้วนิสัยชอบพกหนังสือก็ติดตัวมาถึงทุกวันนี้
แต่ตอนเข้ามหาลัย เวลาอ่านหนังสือก็น้อยลงกว่ามัธยม แต่ก็ยังอ่าน
ในหอพักเต็มไปด้วยหนังสือ แทบจะไม่มีที่ให้คนอยู่
แต่ ดันไม่ขยันอ่านหนังสือเรียน
มันไม่มีความหลงใหลในหนังสือเรียนแต่อย่างใด ฮ่า ๆ
ตั้งใจอ่านหนังสือเรียนมักจะเป็น 1 วันก่อนสอบเสมอ
(น้อง ๆ ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่างนะคะ)
พอเรียนจบมา ทำงาน ก็ยังคงพยายามหาเวลาอ่านหนังสือ
แม้เวลาจะแบ่งมาสำหรับหนังสือจะน้อยลง
แต่ข้อดีคือ เรามีตังค์ซื้อหนังสืออ่านเองแล้วค่าา
(สมัยเรียนก็หมดตังค์ผู้ปกครองไปเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้)
2. รู้สึกมีความสุขเวลาสัมผัสหนังสือ
มันค่อนข้างจะอธิบายยากนิดนึง
มันก็ไม่ได้สุขขนาดจับหนังสือมาแล้วนั่งยิ้มหน้าบานนะคะ
แต่ว่ามันจะให้อารมณ์เหมือนกับเราได้อยู่กับคนที่เราชอบ
ถ้าจะให้เปรียบเทียบกับการอ่านบทความบนเว็บไซต์ บทโซเชียลมีเดียต่าง ๆ จะรู้สึกอยากจะอ่านแบบเป็นเล่มมากกว่า
แต่หลายท่าน อ่านจะชอบอ่านบนออนไลน์มากกว่าก็ไม่ว่ากันค่ะ แบบออนไลน์เองก็มีข้อดีเยอะ
แต่ไม่ว่าจะแบบเล่มหรือแบบไม่เป็นเล่ม
ก็ล้วนมีข้อดีและข้อเสียในตัวเอง
แล้วแต่ว่าเราจะสะดวกหรือชอบอ่านแบบไหนเนาะ
เวลาได้จับหนังสือ
เราอ่านจบไปทีละหน้า ๆ
มันก็สุขเล็ก ๆ ในใจตอนอ่าน
แม้ว่าบางที บางเล่ม บางเรื่องจะอยากกระโดดข้ามไปอ่านตอนจบเลยก็ตาม
ซึ่งมันก็มีความเกี่ยวข้องของประเภทหนังสือด้วย มันอาจจะไม่ใช่ทุกเล่มที่อ่านแล้วชอบ หรือมีความสุขที่อ่าน
แยกประเด็นตรงที่ สุขจากเนื้อหาที่อ่าน หรือสุขที่ได้อ่าน
ในกรณีของได ฯ ในข้อนี้คือ สุขที่ได้อ่านนะคะ
ส่วนที่เป็นเนื้อหานั้นจะได้อารมณ์แบบไหน ก็อยู่ที่ประเภทของหนังสือที่อ่านนั่นเอง
(เอ . . . . จะ งง ไหมนะ .. ? ?)
สุขเกิดตั้งแต่หยิบหนังสือออกมาจากชั้นวาง หรือหยิบออกมาจากกองดอง
แม้ว่าบางครั้งแค่หยิบมาพลิกดู แล้ววางมันลงก็ตาม
ทำให้รู้ตัวเองว่า ยังชอบที่จะจับหนังสืออยู่
ยังชอบที่จัดหนังสือเข้าชั้น แล้วแยกประเภทหนังสือ
หรือบางทีก็แค่ยืนมองชั้นหนังสือเฉย ๆ แบบไม่หยิบเล่มไหนมาอ่านเลยก็มี
ดูพิลึกตัวเองเหมือนกันนะ
ก็พิลึกจริง ๆ นั่นแหละ
ฮ่า ๆ ๆ
ไม่รู้ว่าได ฯ จะส่งต่อความสุขของการสัมผัสหนังสือได้เข้าใจไหมนะคะ
ให้คุณลองหยิบหนังสือสักเล่มที่ดองไว้หรือที่คิดว่าอยากจะอ่าน แต่ยังไม่ได้อ่าน แล้วอ่านมันดู บางทีอาจรู้สึกสนุกและมีความสุขขึ้นมาเหมือนได ฯ ก็ได้นาา
3. มีความสุขเวลาได้เห็นหนังสือบนชั้นวาง
ก็ยังคงความพิลึกอยู่เช่นเดิม
เหตุผลก็ไม่ต่างจากการอธิบายในข้อ 2 นะคะ
เพียงแค่มีหนังสืออยู่บนชั้นวาง เราจะรู้สึกผ่อนคลาย สงบ มันเหมือนอยู่ในโลกที่เราชอบ โลกที่เป็นของเรา เหมือนเป็นโลกที่เราสร้างเพื่อเราโดยเฉพาะ
แม้ว่าความเป็นจริงจะต้องแลกมาด้วย การเปลืองพื้นที่ในบ้าน การทำให้บ้านรก ของเยอะขึ้นก็ตาม ฮ่า ๆ
หนังสือบางเล่ม อ่านจบแล้วเราเก็บไว้ในชั้นวาง บางทีก็หยิบมาอ่านซ้ำค่ะ
เหตุผลคือ ลืมเนื้อหาในนั้นไปแล้ว
กับหนังสือบนชั้นวางอีกประเภทคือ ซื้อมาแล้วยังไม่ได้อ่าน แค่ยืนมองสันปกมันแล้วบอกกับตัวเองว่า อย่าลืมกลับมาอ่านนะ แล้วไปทำงาน
บางเล่มก็ข้ามหลายปีเลย ดองข้ามปีมาก ๆ กว่าจะได้หยิบมาอ่าน
1
ความสุขอีกอย่างคือ เวลามีเพื่อนมาเล่นด้วย แล้วเพื่อนมองหนังสือของเรา แล้วเพื่อนขอยืม เรายินดีมาก ๆ เรามีความสุขมากเวลาเห็นคนอื่นอยากจะอ่านหนังสือ
เราก็มักจะเอาให้เพื่อนยืม
แม้ว่าบางเล่ม จะไม่ได้คืนก็ตาม
เล่มไหนเพื่อนยืมนานไป ลืมคืน
เราก็ซื้อมาใหม่เก็บไว้ในชั้นเหมือนเดิม (พิลึกอีกแล้ว)
4. เป็นกำลังใจให้นักเขียนและสำนักพิมพ์และร้านขายหนังสือ
ข้อนี้ได ฯ คิดเสมอเวลาซื้อหนังสือเล่ม
ไม่ต้องการให้วงการหนังสือซบเซาลงไปมากกว่านี้
แน่นอนว่าหนังสือเล่มก็ยังได้รับความนิยมอยู่ แต่ถ้าเทียบกับสมัยก่อนก็ถือว่าซบเซามาก มีข่าวหลายสำนักพิมพ์ หลายร้านต้องประกาศปิดตัวลงไปแล้ว ด้วยเหตุผลและปัจจัยอะไรหลาย ๆ อย่าง
ที่ซื้อหนังสือเล่มก็เพราะ
ให้นักเขียนมีกำลังใจในการผลิตผลงานได้ต่อ
ให้สำนักพิมพ์ยังคงพิมพ์อะไรที่น่าสนใจออกมาต่อ
ให้ร้านขายหนังสือแบบมีหน้าร้านยังเปิดให้เราเดินเลือกหนังสือได้ต่อ
ฯลฯ
ได ฯ อาจจะไม่ได้ซื้อของนักเขียนทุกคนบนโลกใบนี้
แต่เลือกหนังสือที่ได ฯ อยากอ่าน เลือกหนังสือประเภทที่ชอบ
ซึ่งก็ไม่ซ้ำกัน อ่านค่อนข้างหลากหลายค่ะ
ได ฯ ก็คือว่า ได ฯ คอยเป็นกำลังใจให้กับนักเขียน
โรงพิมพ์ สำนักพิมพ์ และร้านหนังสือ
ให้พวกเขามีกำลังใจในการผลิตหนังสือดี ๆ ออกมา
แม้ได ฯ จะรู้ดีว่าพลังของได ฯ เพียงคนเดียวมันอาจไม่ง่ายนักที่จะทำให้วงการหนังสือเล่มมันยังอยู่
1
แต่ ก็ไม่ได้มีแค่ได ฯ คนเดียวแน่นอน
ยังมีอีกหลายคนมาก ๆ ที่ชอบอ่านหนังสือเล่ม เพราะได ฯ ยังคงเห็นผู้คนเดินเลือกหนังสือในร้านกันอย่างเพลิดเพลิน ยังไม่นับรวมอีกหลายท่านที่ซื้อหนังสือเล่มผ่านทางออนไลน์กัน
อย่างน้อยพลังเล็ก ๆ ของพวกเราทุกคนรวมกัน วงการหนังสือเล่มก็ยังคงความคลึกคลื้นได้
เนาะ
5. สายตาและผิวไม่ต้องเจอกับแสงสีฟ้า
หนังสือมีดีข้อหนึ่งคือ ไม่มีแสงสีฟ้า
ซึ่งได ฯ เองก็ไม่อาจจะยกเหตุผลมาอธิบายว่าแสงสีฟ้าไม่ดีตรงไหนนะคะ
เพราะได ฯ ไม่ได้หาข้อมูลในส่วนนี้ (ต้องขออภัยอย่างยิ่ง)
แต่ถ้าไม่ใช่แสงสีฟ้า ก็คือแสงสว่างจ้า ในจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์ จ้องนาน ๆ ก็แสบตาไม่เบาเลย
แต่การอ่านหนังสือเล่ม ก็ต้องอ่านในที่แสงสว่างเพียงพอด้วยนะคะ เเสงน้อยไปตาก็ล้าได้เหมือนกัน
ได ฯ อ่านผ่านมือถือได้ไม่นาน จะค่อนข้างล้าดวงตามาก ๆ แต่ถ้าอ่านหนังสือเล่มก็ต้องแสงสว่างค่ะ แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องเพ่งมากนัก
แต่นะคะ มือถือรุ่นใหม่ ๆ ก็ทำให้มีระบบกรองแสงสีฟ้าได้ก็อาจจะ รวมถึงมีฟิล์ม Blue Light Cut ช่วยอีกด้วย ก็อาจจะเหมาะกับคนที่ชอบเล่นมือถือ หรืออ่านหนังสือยาว ๆ บนมือถือค่ะ
แสงสีฟ้า ไม่ใช่สีฟ้า สีน้ำเงิน อย่างที่ตาเรามองเห็นกันนะคะ ถ้าเป็นแบบนั้นอะไรที่เป็นสีฟ้าก็ดูอันตรายหมด ไม่ใช่ฟ้าแบบนี้
แต่เป็นเเสงที่มีความถี่สูง
ขออนุญาตตัดจบตรงนี้ เพราะไม่ได้หาข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมมานะคะ แฮ่
แต่เอาเป็นว่าแสงสีฟ้านี้ ไม่ใช่สีฟ้าปกติตาม สีที่เราเห็นกันค่ะ
แต่ว่าก็เคยเห็นในบางข้อมูลก็บอกไม่อันตราย บางข้อมูลบอกอันตราย ได ฯ เลยไม่รู้ว่าจะเชื่อฝั่งไหนดี แต่ยังไงเราก็ต้องป้องกันดวงตาเราไว้ก่อนจะดีกว่าเนาะ
(ข้ออภัยอีกครั้งในความไม่ข้อเอียดในเรื่องนี้นะคะ)
ป่ะไปข้อต่อไปดีกว่า
6. มีสมาธิในการอ่านเต็มที่
ได ฯ ค่อนข้างจะสมาธิสั้นสักหน่อย หากอ่านอะไรในมือถือ บนคอมพิวเตอร์มักจะสติหลุดไปกับ Notifications ต่าง ๆ
โดยเฉพาะเผลอไปเข้าโซเชียลสักตัว ก็แทบจะลืมกลับมาอ่านต่อเลยค่ะ
เลื่อนอ่านโน่น ดูนี่ เพลิดเพลินไปหมด ซึ่งบางทีก็ไม่ได้อ่านอะไรที่จริงจังเลย แต่นิ้วมือถือจอไปได้เรื่อย ๆ เฉยเลย
กินเวลาหมดไปแบบไม่ทันรู้ตัว
เวลาได ฯ จะอ่านหนังสือเล่มก็จะวางมือถือไว้ไกล ๆ หน่อยแล้วก็ค่อยอ่าน แต่ถ้าอ่านบนจอ แจ้งเตือนอะไรมาเห็นหมดเลย
1
7. มอบเป็นของขวัญหรือขายต่อได้ง
เวลาได ฯ เดินทางมักจะมีหนังสือบางเล่มติดตัวเสมอ
อ่านวันละนิดละหน่อย บางครั้งเวลาเดินทางไปเที่ยวแล้วพบเพื่อนใหม่
ได ฯ อยากจะมีของขวัญให้เป็นที่ระลึก ได ฯ มักจะมอบหนังสือให้เสมอ
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาจะชอบอ่านไหม แต่เราก็สุขใจตั้งแต่ตอนให้แล้ว
นอกจากนั้นเราก็ให้เป็นของขวัญแบบยื่นหนังสือที่เราอ่านให้แล้ว
การห่อเป็นของขวัญเลยก็เหมาะมาก ซื้อหนังสือมาเพื่อเป็นของขวัญ
แล้วได ฯ ก็ยังเป็นคนชอบห่อของขวัญ ชอบให้ของขวัญด้วย เป็นอะไรที่ปิติสุขเล็ก ๆ ในใจตัวเองนะคะ
นอกจากนั้นก็เป็นการ "ขายต่อ" ค่ะ
ขายเป็นหนังสือมือสอง
แม้ว่าจะไม่ได้ราคาเต็ม แต่ก็ยังได้เงินกลับมาบ้าง
แต่ก็น้อยนักที่ได ฯ จะขายหนังสือ
ส่วนใหญ่จะชอบเก็บสะสมมากกว่า
หนังสือบางเล่มพอเป็นมือสองแล้วราคายิ่งแพงขึ้นหลายเท่าตัวก็ยังมี
บางเล่มได ฯ ขายไปแล้ว
อยากจะอ่านใหม่ อยากจะมีบนชั้น
ก็ไปหาซื้อกลับมาอีกครั้งก็เคยมีค่ะ
8. ยานอนหลับชั้นเลิศ
1
ง่าย ๆ เลยค่ะ หนังสือบางเล่มอ่านไปอ่านมาก็หลับเลยก็มี
ส่วนใหญ่จะหลับตอนที่อ่านหนังสือในเวลาก่อนนอนค่ะ
ได ฯ จะมีหนังสือวางไว้ในหัวเตียงนอน ก่อนจะนอนจะหยิบมาเปิดอ่านสักหน่อย แล้วความง่วงก็จะค่อย ๆ มาเยือน
แต่จะต้องไม่ใช่เรื่องที่หนักสมองนะคะ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตื่นเต้นตามด้วย มิเช่นนั้นก็มักจะตาสว่างตามเสมอ เลยจะอ่านหนังสือที่เป็นเรื่องอ่านเพลิน ๆ อย่างหนังสือจิตวิทยา หนังสือวรรณกรรมบางเล่ม ค่ะ
แต่ถ้าเป็นการอ่านในช่วงกลางวัน แล้วไปนอนอ่านบนเก้าอี้
บางทีเปลือกตามันก็หนักเองอัตโนมัติก็มีค่ะ
บางเล่มอ่านได้ประมาณ 10 หน้ากระดาษก็ง่วงแล้ว
เวลาง่วงก็ไม่ฝืนค่ะ หลับไปเลย
9. ชอบเดินร้านหนังสือ
ชอบมากค่ะ
เวลาไปเดินห้างจะมักแวะร้านหนังสือเสมอ บางทีก็แวะเกือบทุกร้าน ทั้งที่มันก็ขายหนังสือเหมือน ๆ กัน
แต่ก็มีความเพลิดเพลินตรงที่ได้เดินดูหนังสือนั่นเอง
เพลินเพลินเวลาได้เห็นหนังสืออยู่บนชั้นวางขาย แอร์เย็น ๆ เสียงเพลงคลอเบา ๆ
บางครั้งร้านใหญ่มากเล่นเดินหลายชั่วโมงก็ยังไม่ออกมาค่ะ
พอตอนกลับบ้านก็ปวดขาเลยก็มี
เวลาเดินร้านหนังสือ อาจจะไม่ได้ซื้อเสมอไป บางทีก็แค่เดินดูเฉย ๆ แล้วก็เลือกดูหนังสือแล้วก็มีบางเล่มที่เก็บไว้ในใจ แล้วคิดว่าจะกลับมาซื้อ
แต่เล่นที่ตัดสินใจซื้อทันทีก็เยอะ บางครั้งซื้อหนังสือหมดหลายพันบาทเลย พอซื้อหนังสือเยอะขนาดนั้น ก็ทำให้กองดองใหญ่ขึ้น มีหนังสือให้เลือกอ่านในบ้านเยอะขึ้น
แต่ก็ยังเดินร้านหนังสือเหมือนเดิม
แต่เดินแล้วไม่ได้ซื้อ เดินสำรวจ เดินดู เดินอ่าน เพลินไปหมด
#จบ 9 เหตุผลแล้วค่าา
แน่นอนว่าทั้งหมด 9 ข้อนี้คือเหตุผลของได ฯ เอง นะคะ
และก็ไม่ได้แปลว่าการอ่านหนังสือ อ่านบทความ อ่านอะไรต่าง ๆ บทแพลตฟอร์มอื่นมันผิด ไม่ใช่แบบนั้น
ได ฯ แค่อยากจะเล่าเฉย ๆ ว่าได ฯ ชอบหนังสือเล่มนะ ชอบร้านหนังสือนะ ชอบเปิดหนังสือ หรือชอบอะไร ๆ ที่มันเป็นเล่ม ๆ แบบนี้ค่ะ หากมีอะไรผิดพลาดก็ขออภัย มา ณ ที่นี้นะคะ (ติชมได้ตามสมควรเลยค่าา)
ซึ่งหลาย ๆ ท่านอาจจะชอบหรือไม่ชอบเหมือนได ฯ ก็ได้เช่นกัน
ทั้งนี้ก็ตอบขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านบทความของได ฯ นะคะ อาจจะมีสาระบ้าง ไม่มีบ้าง ซึ่งจะไม่มีเสียส่วนใหญ่ ก็ต้องขอบคุณอย่างยิ่งนะคะ
หากคุณก็ชอบหนังสือเล่มเหมือนกัน
แชร์กันได้นะคะว่า
เหตุผลที่ยังชอบเพราะอะไร
คุยกันแลกเปลี่ยนกันสนุก ๆ ค่ะ
หรือหากไม่ชอบก็แชร์ได้นะคะ
ว่าทำไมถึงไม่ชอบหนังสือเล่มแลกเปลี่ยนกันเพลิน ๆ ได้ค่าาา
สุดท้ายนี้ขอบคุณอีกครั้งที่แวะมา
ขอให้ทุกคนมีความสุขในการเรียนรู้นะค้าา
#ไดอารี่ความฝัน
โฆษณา