4 ก.พ. 2021 เวลา 16:14 • นิยาย เรื่องสั้น
The Adventures of จ.Jump ตอน พ่อแม่เปลี่ยนไป
สวัสดีผู้อ่านในเดือนที่มีวันน้อย ๆ กับ mr.jump ครับ หลังเหยียบย่ำโดนกับดักที่วางไว้เล่นจนอ่วมเรียบร้อย ตอนนี้ก็ถึงคราวที่จะเล่าถึงครอบครัวผมกันบ้าง เมื่ออยู่ ๆ พฤติกรรมของพ่อและแม่ที่ทำจนเป็นนิสัยกลับมีท่าทีแตกต่างไปจากเดิม ซึ่งเบื้องหลังความไม่ชอบมาพากลนี้จะจบลงยังไงคงต้องตามอ่านกันต่อได้กับตอนที่ชื่อว่า พ่อแม่เปลี่ยนไป
กี่เดือนแล้วนะที่ไม่ได้กลับมาบ้านตัวเองตั้งแต่เริ่มออกเดินทางผจญภัยในต่างประเทศ นี้คงเป็นอีกครั้งที่ต้องโดนแม่บ่นแหงว่าทำไมไม่ยอมหางานทำซะที ดีแต่เที่ยวเล่นไปวัน ๆ(ซึ่งจริง ๆ คือหลายเดือน)
พอคิดได้แบบนั้นเท้าของผมก็เผลอหยุดชะงักตรงทางออกของสนามบิน พลางปันใจหรือจะไปเที่ยวที่อื่นอีกดี
เพราะทุกครั้งตอนกลับถึงบ้านแม่เป็นต้องบ่นอย่างน้อยเกือบหนึ่งวันเต็มเกี่ยวกับเรื่องการงานที่ผมไม่ยอมหาสมัครทำซะที
ก็แหม่เวลาไปสัมภาษณ์ทีไหร่ต้องเจอพวกความสามารถไม่ถึงถามเกี่ยวกับเรื่องไม่เป็นเรื่องตลอดเลย แถมไอ้ใบสมัครงานยิ่งแล้วใหญ่ กว่าจะกรอกเสร็จแต่ละรอบปาไปกว่าครึ่งชั่วโมง พอเจอบอกไม่รับมันก็น่าหงุดหงิดชะมัดที่เสียเวลาทั้งวันให้กับบริษัทเอกชน
ตรงจุดนี้พอเข้าใจความรู้สึกของแม่อยู่หรอกที่อยากให้มีงานประจำทำ แต่เอาเป็นว่าผมควรกลับไปบ้านก่อนดีไหมหรือเลือกไม่กลับดี เพราะการยืนขวางทางออกระหว่างหัวสมองกำลังแล่นมีแนวโน้มที่จะถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยของสนามบินเรียกไปคุยเป็นการส่วนตัวจากที่เห็นสายตาจ้องไม่กระพริบมาตั้งแต่เมื่อกี้
จนแล้วจนรอดหลังจากทบทวนผลได้ผลเสียในห้องน้ำสาธารณะผมก็เลือกจะกลับไปยังบ้านตัวเองที่อยู่ในซอยลาดพร้าว
เมื่อกลับมาถึงโดยรถแท็กซี่สิ่งแรกที่ผมเห็นคือความเปลี่ยนแปลงของสีรั้วบ้านและต้นไม้ที่ปลูกตามแนวกำแพง มีบางอย่างแปลก ๆ เกี่ยวกับความรู้สึกที่สัมผัสได้ในตอนนี้
ถ้าจะให้พูดการที่บ้านมีสีรั้วออกม่วงเข้มดูจะขัดกับความต้องการดั่งเดิมของบุพการีไม่น้อยหากคิดจากอดีตที่เคยใช้ชีวิตร่วมกัน แม่ผมไม่ใช่คนชอบอะไรที่มันอึมครึม ดังนั้นการที่บ้านมีบางอย่างผิดสังเกตจึงชวนให้ตงิดสะกิดใจไม่น้อย แล้วยิ่งเป็นต้นไม้ที่มีหนามแหลมยื่นโผล่ออกมายิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าไม่น่าใช่รสนิยมของมารดาแน่นอน
และในตอนที่ผมเลื่อนประตูเปิดออกก้าวขาเข้าไปในบ้าน ผู้หญิงที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นแม่ก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้จับจ้องไปยังผู้ชายอีกคนที่ดูแล้วไม่น่าจะใช่ใครอื่นนอกจากพ่อ
ทั้งสองคนดูแตกต่างไปมากในความคิดของผม บางทีการที่ลูกชายออกไปเที่ยวนอกบ้านไม่กลับมาแรมเดือนคงสร้างผลกระทบให้พ่อและแม่ดูเปลี่ยนไปจากภาพในอดีตที่จำได้
กระนั้นเมื่อเห็นคนทั้งคู่ผมก็รีบผวาตรงเข้าไปกอด แต่แทนที่จะได้ความรักตอบกลับกลายเป็นฉากบู๊ที่คนเริ่มก่อนโดนมือผลักกระแทกหงายหลัง
เกิดอะไรขึ้นทำไมพ่อและแม่ต้องผลักผม !?
ไม่มีคำตอบใด ๆ จากการกระทำนั้น หมายความว่าไง หรือนี้คือบทลงโทษที่ผมไปตะลอนเที่ยวมาหลายเดือน
ยังมีแต่ความเงียบงันเช่นเดิมกับคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ พอเจอแบบนี้เข้าไปผมจึงลองโทรหาพี่สาว ปรากฎว่าสายถูกส่งต่อไปยังระบบฝากข้อความ ดูท่าพี่สาวทั้งสองคนคงกำลังทำงานไม่ก็ประชุมอยู่ถึงได้ปิดโทรศัพท์ทั้งคู่
ครั้นไม่รู้ความผิดพลาดเริ่มจากตรงไหน พอโดนพ่อแม่แสดงท่าทีรังเกียจเดียดฉันท์ผมก็ได้แต่มองตาปริบ ๆ ก้าวขึ้นห้องแบบงง ๆ
พอเก็บกระเป๋าเดินทางเสร็จอาการกระหายของเหลวที่ไม่ได้ดื่มอะไรมาตั้งแต่ตอนบ่ายจึงชักชวนให้ผมต้องลงไปหาอะไรมาบรรเทาสนองความอยาก
ช่วงที่ย่องลงมาแบบเงียบ ๆ พ่อแม่หาได้อยู่ในห้องนั่งเล่นอีกต่อไป ผมรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกหากต้องเผชิญหน้ากับคนทั้งสองอีกครั้ง เพราะจากเหตุการณ์เมื่อซักครู่เป็นไปได้ว่าจะเกิดจากอารมณ์โมโหที่เห็นหน้าลูกคนสุดท้องกลับมาบ้านแบบไม่บอกกล่าว
ขณะเดียวกันเบื้องหน้าบนโต๊ะทานกับข้าวมีขวดน้ำวางตั้งอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่ามีใครลืมวางไว้หรืออย่างไรผมจึงฉวยโอกาสที่มีคว้าแกะมาดื่ม
แต่ทันใดนั้นเองจังหวะที่น้ำกำลังจะไหลเข้าปาก มือที่ชูเครื่องดื่มก็โดนหวดเข้าอย่างจังจนน้ำกระเซ็นนองกระจายไปทั่วบ้าน
ผมตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นและยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่เมื่อมือที่ตบนั้นฉุดกึ่งลากกึ่งจูงพาคนที่เดินตามกลับขึ้นไปยังบนห้องที่พึ่งออกมา
พ่อ ! ทำอะไรนะ ปล่อยผมซิ !!
ไม่แม้แต่จะเหลียวมองหลังจากพ่อพาผมขึ้นมาได้ก็จัดแจงลงกลอนขังลูกชายไว้ในกรงผนังสี่ด้าน
เพราะออกจากห้องไปไหนไม่ได้สิ่งที่ผมทำได้จึงมีเพียงการตะโกนเรียกพ่อแม่คาดคั้นเอาคำตอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ไม่เข้าใจเลยทำไมพ่อแม่ถึงต้องขังผมไว้อย่างนี้ เหมือนกับว่าคนที่เห็นตรงหน้าไม่ใช่พ่อแม่ตัวจริง
!?
เดี๋ยวก่อน...ไม่จริงใช่ไหม ไม่ซิ จากที่ลองคิดดูถ้าเป็นเมื่อก่อนอย่างน้อยตอนกลับถึงบ้านต้องมีใครซักคนทักเราแล้ว แล้วไอ้ท่าทีเหินห่างนั้นอีก ล...และที่ติดต่อพวกพี่สาวไม่ได้หรือว่าจริง ๆ แล้วครอบครัวของผมกำลัง....ม...มีอันตราย
จะมัวชักช้าอยู่อย่างนี้ไม่ได้แล้ว คนที่จะช่วยครอบครัวนี้ได้มีแค่ลูกชายที่พึ่งกลับมาบ้านคนเดียว พ่อครับแม่ครับรอก่อนนะผมจะรีบไปช่วยเดี๋ยวนี้
ผ่านไป 3 ชั่วโมง
ด้วยความที่ประตูค่อนข้างหนาส่วนหน้าต่างติดเหล็กดัดไว้ รวมถึงข้าวของที่แบกไปเที่ยวก็ไม่ได้มีอุปกรณ์งัดแงะ ผมจึงติดอยู่ในห้องเหมือนเดิมมีเพียงแค่เวลาเท่านั้นที่ต่างออกไป
กรี๊ก !!
เสียงของกลอนถูกไขออก เบื้องหน้าที่เคยถูกปิดตายกำลังเผยโฉมคนใส่หน้ากากกำลังแง้มบานประตู ผู้ซึ่งเดินมาพร้อมถาดบรรจุอุปกรณ์การแพทย์
พ่อกับแม่ตัวปลอมนั้นเอง !! ไม่รู้หรอกว่ากำลังคิดอะไรแต่เห็นจากหน้ากากที่ใส่บางทีคงคิดจะกำจัดผมแหง ไม่มีทางซะหรอก อย่าฝันไปหน่อยเลย !!
พริบตาเดียวฝ่ายที่อายุเหนือกว่าก็กำชัย ผมโดนพ่อตัวปลอมกดทับส่วนแม่ตัวปลอมก็หยิบเข็มมาทิ่มใส่แขน
บ้าเอ๊ย ! ลืมไปเลยว่าตัวเองขยับไปไหนไม่ได้เพราะปวดฉี่ สรุปนี้เราจะตายเพราะเหตุผลไม่ได้เข้าห้องน้ำเหรอเนี่ย
***เฉลยปม***
หลังโดนเข็มฉีดยาแทงเข้าที่แขนเสร็จพ่อแม่ตัวปลอมก็เลิกกดทับแล้วทำท่าถอดถอนใจ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นแต่พอเห็นอย่างนั้นผมรีบกุลีกุจอวิ่งเข้าห้องน้ำปลดทุกข์ที่อั้นมานานกว่า 4 ชั่วโมง
เมื่อออกมาจากห้องน้ำคนทั้งคู่ก็ยังนั่งรออยู่ในห้อง แล้วพอมองดูให้ดีผมถึงพึ่งเห็นกระดาษที่อยู่ในมือของแม่ที่เขียนอธิบายเหตุผลของเหตุการณ์ข้างต้น
ด้วยความที่โควิดระบาดหนักพ่อแม่ที่เริ่มมีอาการคล้ายกับผู้ป่วยจึงลงทุนซื้อหน้ากากกันแก๊สมาใช้เพราะกลัวลูก ๆ จะติดถ้ายังอยู่บ้านเดียวกัน
เหตุนั้นระหว่างที่ผมกลับมาบ้านโดยไม่ได้บอกล่วงหน้าทั้งสองคนเลยมีพฤติกรรมผลักไสลูกชายจนกระเด็น และที่ตบน้ำกระจายเพราะขวดน้ำที่วางบนโต๊ะแม่ดื่มไปแล้วเรียบร้อย
และที่ไม่ยอมส่งเสียงทักทายเพราะทั้งคู่มีอาการเจ็บคอค่อนข้างมาก ที่สำคัญเนื่องจากเหตุผลที่ว่าเลยหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่รั้วบ้านจะสีลอกและต้นไม้ตายเหลือไว้แต่หนาม
สุดท้ายเรื่องทุกอย่างก็จบลงด้วยความรักตามแบบฉบับครอบครัวจั๊มพ์ ๆ ที่เผลอคิดไปว่าคนในบ้านที่นิสัยไม่เหมือนเดิมมาจากเหตุที่พ่อแม่เปลี่ยนไป

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา