9 ก.พ. 2021 เวลา 05:50 • หนังสือ
อันผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน
หากมิยอมตนรับใช้ประชาชนด้วยความเสียสละ
เชื่อฟังแต่คำคนถ่อยโฉดเขลา
เฝ้าแต่หาความสุขสำราญส่วนตัว
บ้านจะไม่เป็นบ้าน และเมืองจะไม่เป็นเมือง
สามก๊ก บทที่ ๑
" ขันทีทั้งสิบ "
เดิมแผ่นดินทั้งปวงนั้นเป็นสุขมานานแล้วก็เป็นศึกครั้นศึกสงบแล้วก็เป็นสุข
ถึงราชวงศ์ฮั่นแผ่นดิน พระเจ้าเลนเต้
ที่ผู้นำมิได้คบหาคนดีมีศีลธรรม
มิสนใจทุกข์สุขของประชาชน
แสวงหาแต่ความสุขส่วนตัว
เชื่อฟังแต่คำคนประจบสอพลอ
มีขันทีเป็นผู้ใกล้ชิด ๑๐ คน คือ
• เทาเจียด • เตียวต๋ง • เตียวเหยียง • ฮองสี
• เหาลำ • เทาสิด • เห้หุย • กุยแสง • เทียควง •
พระเจ้าเลนเต้ยกย่องขันทีทั้ง๑๐ให้เป็นใหญ่และมีอำนาจว่าราชการตามใจตนเอง ทั้งที่มิได้มีความซื่อตรงต่อหน้าที่ รับสินบาทคาดสินบน ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยผู้ซึ่งยุติธรรมที่มิเข้าร่วมด้วย ก็ถูกถอดถอน ถูกไล่ออกจนหมด ราชการบ้านเมืองจึงตกต่ำ ประชาชนมีแต่ความทุกข์ยาก โจรผู้ร้ายเต็มบ้านเต็มเมือง
ครั้งหนึ่ง เตาบูขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายทหาร
กับตันผวนขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายพลเรือน คิดอ่านจะจับขันทีทั้ง ๑๐ ฆ่าเสีย แต่ความลับล่วงรู้ไปถึงหูเทาเจียด เทาเจียดจึงสั่งจับเตาบูกับตันผวนไปประหารชีวิตทันที
นานวันเข้าเหล่าขันทีทั้ง ๑๐ ยิ่งทำการกำเริบยิ่งขึ้น แผ่นดินของพระเจ้าเลนเต้ก็ร้อนระอุด้วยไฟแห่งการขบถจลาจล มีราษฎรคนหนึ่งนามว่า เตียวก๊ก ตั้งตัวเป็นผู้วิเศษซ่องสุมผู้คน คิดการพลิกแผ่นดินโดยอ้างว่าเทวดาส่งให้มาปราบยุคเข็ญ
3
เมื่อเตียวก๊กรวบรวมกำลังได้ ๘ หัวเมือง จึงให้ม้าอ้วนยี่นำเงินทองไปติดสินบนฮองสีขันที ให้เป็นไส้ศึกอยู่ในราชสำนัก ฮองสีก็รับสินบนนั้นไว้ เตียวก๊กจึงสั่งตัดผ้าเหลืองแจกสมัครพรรคพวก
เมื่อถึงวันลงมือทำการจึงสั่งให้ตองจิ๋วคนสนิทถือหนังสือลับไปนัดหมายกับฮองสีขันที ตองจิ๋วกลับทรยศนำหนังสือลับนั้นไปให้ขุนนาง นำขึ้นกราบทูลพระเจ้าเลนเต้
พระเจ้าเลนเต้จึงให้ขุนพลโฮจิ๋นพี่ชายโฮเฮาอัครมเหสีออกปราบจลาจล
ขุนพลโฮจิ๋นยกทัพไปจับม้าอ้วนยี่ฆ่าเสีย แล้วจับฮองสีขันทีขังคุกไว้
เตียวก๊กเมื่อรู้ว่าความแตกจึงประกาศแข็งเมือง เตรียมกำลังพลประมาณสี่สิบห้าสิบหมื่น ที่ล้วนโพกผ้าเหลืองเป็นเครื่องหมาย อีกทั้งราษฎรที่นับถือบูชาเตียวก๊กก็มาอาสาสมัครเป็นทหารเพิ่มขึ้นอีกมาก เหลือกำลังที่กองทหารหลวงจะปราบได้
ขุนพลโฮจิ๋นจึงนำความกราบทูลพระเจ้าเลนเต้ โปรดให้มีสารตราไปถึงทุกเมืองว่า
" ผู้ใดมีฝีมือกล้าหาญ ช่วยจับโจรโพกผ้าเหลืองได้ จะปูนบำเหน็จความชอบให้เป็นขุนนาง "
ขณะนั้นเตียวก๊กยกพลเข้าตีหักพรมแดนด้านเหนือที่มณฑลอิวจิ๋ว
ยังมีผู้กล้าจากเมืองตุ้นก้วน ๓ คนชื่อ เล่าปี่ กวนอู และ เตียวหุย คุมสมัครพรรคพวกฝีมือดี ๕oo คน อาสาเล่าเอี๋ยนเจ้าเมืองอิวจิ๋ว ออกปราบเตียวก๊ก จนเตียวก๊กจำต้องล้นถอยไป
สงครามยืดยื้อเป็นเวลานาน จนในที่สุดกองทหารหลวงและกองอาสาสมัครประชาชนสามารถเอาชนะและฆ่า เตียวก๊กได้สำเร็จ และนำหัวเมืองต่างๆที่พวกกบฏได้ยึดไว้กลับคืนมาเป็นของพระเจ้าเลนเต้
เมื่อบ้านเมืองสงบลง ขันทีทั้ง ๑o ยิ่งมีอำนาจมากขึ้น เตียวต๋งกับเตียวเหยียงขันทีผู้ใหญ่ ใช้ทนายสองคนไปเรียกร้องแก่ขุนนางแม่ทัพนายกองทั้งปวงที่ไปรบกับพวกโพกผ้าเหลืองว่า
" ถ้าผู้ใดให้ทรัพย์สินเงินทองแก่ขันทีผู้เป็นนายของเราแล้วไซร้
นายของเราจะช่วยกราบทูลเสนอความดีความชอบให้ ถ้าผู้ใดมิยอมให้ นายของเราจะกราบทูลให้ถอดเสียจากตำแหน่ง "
ฝ่ายห้องหูโก๋กับจูฮีซื่งเป็นนายทหารใหญ่ ไม่ยอมทำตาม เตียวต๋งกับเตียวเหยียงจึงกราบทูลยุยงพระเจ้าเลนเต้ให้ถอดห้องหูโก๋กับจูฮีเสีย พระเจ้าเลนเต้ก็หูเบาทำตาม และเลื่อนขั้นให้ขันทีทั้ง ๑o เป็นขุนนางผู้ใหญ่ทั้งสิ้น
ราชการงานเมืองยิ่งฟั่นเฟือน ประชาชนได้รับความเดือดร้อนยุ่งยากยิ่งขึ้น พวกโพกผ้าเหลืองจึงกำเริบขึ้นอีกครั้ง หัวเมืองต่างๆ รายงานมายังพระนครหลายครั้ง ขันทีทั้ง๑o เกรงพระเจ้าเลนเต้จะไม่โปรด ก็ช่วยกันปิดเป็นความลับ มิได้กราบทูลให้ทราบ
ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่พระเจ้าเลนเต้เสวยน้ำจันทร์อยู่เป็นที่เพลิดเพลินกับเหล่าขันทีทั้ง ๑o เล่าโต๋เจ้ากรมตรวจราชการผู้เป็นพระพี่เลี้ยงพระเจ้าเลนเต้รู้ข่าวการจลาจล จึงรีบนำความมา
กราบทูลพระเจ้าเลนเต้
เล่าโต๋กราบทูลว่า
" พระองค์ไม่ทราบดอกหรือ บัดนี้หัวเมืองทั้งปวงเกิดจลาจลอีกแล้ว เหตุไฉนพระองค์จึงยังมัวเสวยสุราสุขสำราญอยู่เล่า "
พระเจ้าเลนเต้ตรัสว่า
" ที่ว่าหัวเมืองทั้งปวงเกิดจลาจลนั้น เราได้ใช้ทหารไปปราบสงบราบคาบแล้ว ไฉนเจ้าจึงมาพูดซ้ำอยู่อีก "
เล่าโต๋กราบทูลยืนยันว่า
" บัดนี้การจลาจลเกิดขึ้นใหม่ เหตุเพราะขันทีทั้ง ๑o กินสินบาทคาดสินบน ก่อกรรมทำเข็ญแก่ประชาราษฎร์ กดขี่ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยทั่วไป และปิดบังข้อเท็จจริง มิได้กราบทูลให้พระองค์ทราบ คนดีทนอยู่ในราชการไม่ได้ ต้องออกไปเกือบหมดสิ้น ข้าพเจ้าทนดูไม่ได้ จะมิกราบทูลให้ทรงทราบ ก็เหมือนหนึ่งหามีความจงรักภักดีต่อพระองค์ไม่ "
ขันทีทั้ง ๑o ได้ฟังเล่าโต๋กราบทูลดังนั้น ตกใจแทบสิ้นสติ ทำมารยาทถอดหมวกแล้วซบหน้าร้องไห้กราบทูลว่า
" ข้าพเจ้าทำราชการโดยสุจริต ขุนนางทั้งปวงกับเล่าโต๋มีใจริษยาข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าจะขืนรับราชการสืบไปนั้น เห็นชีวิตจะไม่รอด ข้าพเจ้าทั้ง ๑o คนจึงขอกราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่ง ทรัพย์สมบัติของข้าพเจ้าทั้งหลายนั้นขอถวายพระองค์ไว้ทะนุบำรุงเหล่าทหารทั้งปวงสืบไป ตัวข้าพเจ้าจะไปทำไร่ไถนาจนกว่าชีวิตจะหาไม่ "
แล้วขันทีทั้ง ๑o ก็ทำท่าทีร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ไปมา พระเจ้าเลนเต้ได้ฟังดังนั้น ทรงพระพิโรธเล่าโต๋หนัก แล้วสั่งบู๋ซูฝ่ายซ้ายให้เอาตัวเล่าโต๋ไปประหาร แล้วบู๋ซูก็คร่าตัวเล่าโต๋ไป พอจะลงดาบ ตันต่ำองคมนตรีเห็นเข้าร้องห้ามไว้ว่า
" อย่าเพ้อฆ่า ข้าจะเข้าไปกราบทูลพระเจ้าเลนเต้ให้รู้ความจริงเสียก่อน "
แต่ถึงจะเพ็ดทูลอย่างไรนั้นเห็นขัดสน ตันต่ำแค้นใจ จึงเอาศรีษะชนแท่นซึ่งพระเจ้าเลนเต้ประทับอยู่ จนศรีษะแตกเลือดไหลโซมหน้า พระเจ้าเลนเต้ทรงพิโรธ สั่งบู๋ซูฝ่ายซ้ายเอาตัวตันต่ำไปใส่คุกไว้กับเล่าโต๋ ค่ำคืนนั้นขันทีทั้ง ๑o คบคิดสั่งการให้ผู้คุมประหารตันต่ำกับเล่าโต๋เสีย ผู้คุมจัดไปตามสั่ง
ครั้นแล้วขันทีทั้ง ๑o รีบแอบอ้างพระบรมราชโองการ ตั้งให้ซุนเกี๋ยนไปเป็นเจ้าเมืองเตียงสา และดำเนินการปราบปรามพวกโจรโพกผ้าเหลืองให้ราบคาบ ซุนเกี๋ยนมีฝีมือและสติปัญญามาก สามารถปราบสำเร็จในเวลา ๒ เดือน จึงได้กินเมืองกังแหซึ่งเป็นหัวเมืองเอก
ณ เดือน ๓ พระเจ้าเลนเต้ประชวรหนัก เกิดปัญหาการสืบราชสมบัติเป็นความยุ่ง
ยาก ด้วยพระเจ้าเลนเต้มีพระราชบุตร ๒ องค์ องค์หนึ่งเกิดจากพระนางโฮเฮาอัครมเหสี ชื่อ หองจูเปียน อีกองค์หนึ่งเกิดจากนางอองบีหยินสนมเอก ชื่อ หองจูเหียบ
พระนางโอเฮานั้นมีความหึงสาแก่นางอองบีหยิน ลอบสังหารอองบีหยินด้วยยาพิษ
หองจูเหียบจึงอยู่ในความเลี้ยงดูของพระนางตังไทฮอ ผู้เป็นมารดาของพระเจ้าเลนเต้ พระนางตังไทฮอได้อ้อนวอนให้พระเจ้าเลนเต้มอบราชสมบัติแก่หองจูเหียบ พระเจ้าเลนเต้มีความเมตตาหองจูเหียบอยู่แล้ว จึงรับคำพระนางตังไทฮอ
เกนหวนขันทีกราบทูลพระเจ้าเลนเต้ว่า
" ซึ่งจะให้หองจูเหียบเสวยราชสมบัตินั้นจำต้องคิดอ่านฆ่าขุนพลโฮจิ๋นเสียก่อน เพราะเป็นผู้คุมกำลัง อาจจะขัดขวางการแต่งตั้งได้ "
พระเจ้าเลนเต้เห็นชอบด้วย
จึงให้หาโฮจิ๋นเข้าเฝ้า ลวงว่าจะปรึกษาราชการ พอโฮจิ๋นมาถึงประตูวัง พัวอิ๋นขุนนางฝ่ายในได้แอบกระซิบเตือนไว้ซะก่อน โฮจิ๋นจึงไหวตัวทัน
เมื่อพระเจ้าเลนเต้สวรรตแล้ว โฮจิ๋นจึงตัดสินใจประกาศสถาปนาหองจูเปียนพระราชบุตรเอกผู้เป็นหลานขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อไป อ้วนเสี้ยวนายทหานคนสนิทอาสาคุมทหาร ๕,ooo คน เข้ายึดพระราชวัง แล้วเชิญเสด็จหองจูเปียนขึ้นเสวยราชย์ และตามฆ่าเกนหวน
อ้วนเสี้ยวได้เสนอต่อขุนพลโฮจิ๋นว่า
" เราได้ทำการลุล่วงมาถึงเพียงนี้แล้ว จำต้องฆ่าขันทีทั้ง ๑o กับสมัครพรรคพวกของมันเสียให้สิ้น ราชการบ้านเมืองจึงจะเรียบร้อย "
ขันทีทั้ง ๑o ได้ยินดังนั้นจึงตกใจกลัววิ่งหนีไปพึ่งบารมีพระนางโฮเฮา ช่วยเกลี้ยกล่อมขุนพลโฮจิ๋นให้ไว้ชีวิต พวกตนทั้ง ๑o คน โฮจิ๋นจำรับคำพระนางโฮเฮา แล้วออกมาชี้แจงแก่อ้วนเสี้ยวและขุนนางทั้งปวงให้ทราบพระราชเสาวนีย์
อ้วนเสี้ยวจึงว่า
" ธรรมดาทำการสิ่งใด หากมิสำเร็จก็หาสิ้นวิตกไม่ เกนหวนเปรียบเหมือนต้นหญ้า ขันทีทั้ง ๑o เปรียบเหมือนราก ตายแต่ต้น รากก็จะงอกแทนขึ้นมา ภายหน้าเห็นอันตรายจะมีแก่ท่านเป็นแน่ "
โฮจิ๋นจึงปลอบว่า
" เรื่องนี้ท่านอย่าวิตกเลย ไว้เป็นธุระของข้าพเจ้าเอง "
ครั้นเวลารุ่งเช้า พระนางโฮเฮาให้หาโฮจิ๋นเข้ามาปรึกษาราชการแต่งตั้งให้เป็นสมุหนายก โฮจิ๋นก็แต่งตั้งขุนนางตงฉินที่ถูกขันทีทั้ง ๑o ถอดออกเสียจากตำแหน่งในครั้งโน้นเป็นเสนาบดี และดำรงตำแหน่งต่างๆ
ฝ่ายพระนางตังไทฮอ ครั้นเห็นการณ์มิได้เป็นไปอย่างที่คิดไว้ จึงเรียก ขันทีทั้ง ๑o มาหาตีโพยตีพาย เตียวเหยียงขันทีผู้ใหญ่จึงแนะนำว่า
" พระองค์ควรใช้อำนาจประกาศตั้งหองจูเหียบเป็นเจ้าต่างกรม แล้วตั้งตังต๋งน้องของพระองค์เป็นผู้บัญชาการทหาร และตั้งข้าพเจ้าทั้ง ๑o ดำรงตำแหน่งเสนาบดีให้หมด การข้างหน้าก็จะปลอดโปร่งลุล่วงไปได้ "
พระนางตังไทฮอฟังแล้วยินดีนัก จึงมีพระราชเสาวนีย์ตามคำแนะนำของขันทีทั้ง ๑o
ฝ่ายพระนางโฮเฮาเห็นพระนางตังไทฮอทำดังนั้นเกรงว่าจะเป็นการเสียหายแก่ราชการบ้านเมือง
จึงเชิญพระนางตังไทฮอมากินโต๊ะ แล้วร้องขอว่า
" เราเป็นหญิงหาควรจะเข้าไปยุ่งกับการเมืองไม่ ปล่อยให้เป็นธุระของผู้ชายดีกว่า "
พระนางตังไทฮอก็โกรธ ตัดพ้อพระนางโฮเฮาอย่างรุนแรง เตียวเหยียงกันขันทีอีก ๙ คน เห็นการจะเสีย ก็เข้ามาไกล่เกลี่ยห้ามปรามทั้งสองข้าง
รุ่งขึ้นโฮจิ๋นออกคำสั่งให้เชิญพระนางตังไทฮอ
ออกไปอยู่ตำหนักกลางสระนอกเมือง
เมื่อสิ้นพระนางตังไทฮอเสียแล้ว ขันทีทั้ง ๑o เกรงภัยจะมาถึงตัว จึงเอาสินบนไปให้โฮเบี้ยว น้องชายโฮจิ๋น กับนางบูยงก๋งมารดา ขอฝากเนื้อฝากตัว
ครั้นอยู่มา ณ เดือน ๘ โฮจิ๋นแต่งทหารคนสนิทไปลองฆ่าพระนางตังไทฮอ ณ ตำหนักกลางสระ ขันทีทั้ง ๑o แพร่ข่าวลือให้ร้าย โฮจิ๋นฆ่าพระนางตังไทฮอเพื่อแย่งราชสมบัติ
อ้วนเสี้ยวได้ข่าวดังนั้นจึงไปบอกโฮจิ๋นว่า
" ขอให้เร่งฆ่าขันทีทั้ง ๑o เสียเถิด ขืนเอาไว้ก็หนักแผ่นดิน "
โฮจิ๋นขอทุเลาตรึกตรองสักเพลาหนึ่งก่อน ขณะนั้นสายลับรายงานข่าวไปให้ขันทีทั้ง ๑o ทราบ
ขันทีทั้ง ๑o จึงจัดเงินทองของตระการไปให้โฮเบี้ยว อ้อนวอนโฮเบี้ยวไปขอร้องพระนางโฮเฮาให้เมตตาช่วยเหลือ โฮเบี้ยวเห็นแก่สินบนก็รับปาก
ครั้นอ้วนเสี้ยวถามโฮจิ๋นว่า
" ซึ่งข้าพเจ้าเสนอไว้นั้น ท่านตกลงใจประการใด "
โฮจิ๋น ตอบว่า
" พระนางโฮเฮาไม่ยอมให้ฆ่า ข้าพเจ้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี "
อ้วนเสี้ยวจึงว่า
" ถ้าเช่นนั้นขอให้ท่านทำพระบรมราชโองการสั่งหัวเมืองทั้งหลายยกทัพเข้ามายังเมืองหลวง และให้ประกาศว่าจะเอาตัวขันทีทั้ง ๑o ฆ่าเสีย พระนางโฮเฮาคงกลัว
อันตราย เห็นจะยอมให้เราจับขันทีได้โดยสะดวก "
โฮจิ๋นเห็นชอบด้วย
ฝ่ายตันหลิม เจ้ากรมอาลักษณ์ ได้ยินดังนั้น จึงทักขึ้นว่า
" ท่านมิควรจะทำการอย่างลับตา โบราณย่อมว่า คนที่ปิดตาจับนกกระจอก ก็จะเสียแรงเปล่า เพียงแต่เรื่องขี้ปะติ๋วเท่านี้ยังทำไม่ได้ เรื่องใหญ่ๆ จะทำได้อย่างไร ท่านมีอำนาจราชศักดิ์ มีกองทัพอยู่ในมือ จะทำอะไรก็ทำได้ดั่งใจ ไฉนจึงต้องใช้กำลังอันมากล้นพ้นกระทำแก่พวกขันที เหมือนหนึ่งตั้งเตาเผาขนหูเส้นเดียว จงลงมือทันที ตีให้อยู่เสียเดี๋ยวนี้ แล้วแผ่นดินก็จะตกเป็นของท่าน การเรียกกองทัพหัวเมืองเข้ามายังพระนคร เท่ากับไปเรียกคนกล้าหลายคนมาไว้แห่งเดียวกัน ภายภาคหน้าจะมีแต่ความเสียหาย มีแต่ความวุ่นวายไม่เป็นการ
แต่โฮจิ๋นไม่รับฟังคำทักท้วงนั้น เยาะว่าตันหลิมคร่ำครึ แล้วสั่งให้มีพระบรมราชโอง
การลอบให้ทนายรีบถือไปแจ้งแก่หัวเมืองทั้งปวงตามคำแนะนำของอ้วนเสี้ยว
ฝ่ายตั๋งโต๊ะ เจ้าเมืองซีหลงได้รับหนังสือรับสั่งดังนั้น มีความยินดีนัก ก็แต่งหนังสือ
เข้าไปกราบทูลว่า
" อาณาประชาราษฎร์ในเมืองหลวงและหัวเมืองทั้งปวงได้รับความเดือดร้อนเพราะ
ขันทีทั้ง ๑o ทำการกดขี่ข่มเหงให้ผิดขนบธรรมเนียม บัดนี้ข้าพเจ้าขอยกกองทัพเข้าไปในเมืองหลวงแล้วจะจับตัวเตียวเหยียงกับขันทีทั้ง ๙ คนฆ่าเสีย พระองค์และ
อาณาประชาราษฎร์จะได้อยู่เย็นเป็นสุขสืบไป "
เมื่อส่งหนังสือกราบทูลแล้ว ตั๋งโต๊ะก็ยกกองทัพมาตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองลกเอี้ยง
ก่อนกองทัพเมืองอื่น
ฝ่ายขันทีทั้ง ๑o รู้กลของโฮจิ๋น เห็นว่าอันตรายจะมาถึงตัวแล้ว จำใจคิดสู้ ให้แต่งคนสนิท ๕o คนถือศัสตราวุธแอบอยู่ข้างซุ้มประตูวังชั้นใน และเกลี้ยกล่อมพระนางโฮเฮาให้เชิญโฮจิ๋นเข้ามา แสร้งทำยอมจำนน พอโฮจิ๋นเดินเข้าไปถึงซุ้มประตูชั้นใน
เตียวเหยียงกับต๋วนกุยก็ปราดเข้าขวางกั้น พลางพยักหน้าให้คนสนิท ๕o คนเข้า
ล้อมไว้
แล้วเตียงเหยียงร้องว่า
" ตัวมึงแต่ก่อนนั้นก็เป็นผู้น้อยอยู่ กูได้ช่วยทำนุบำรุงช่วยเหลือพิดทูล จึงได้เป็น
ใหญ่ขึ้นถึงเพียงนี้ ตัวมึงกลับกำเริบให้คนไปลอบฆ่าพระนางตังไทฮอ ซึ่งเป็นมารดาพระเจ้าเลนเต้ อันหาความผิดมิได้ แล้วแอบรับสั่งออกไปเรียกหัวเมืองทั้งปวงยกทหารเข้ามาจะจับกุมกูผู้มีคุณฆ่าเสียอีก ไหนๆมึงจะฆ่ากูแล้ว กูจะเอาชีวิตมึงเสียก่อน "
แล้วโฮจิ๋นก็ถูกฆ่าตายอยู่ ณ ที่นั้น
ฝ่ายอ้วยเสี้ยวคอยโฮจิ๋นอยู่นอกประตู เห็นช้านัก จึงร้องตะโกนเรียกว่า เชิญออกมา
เร็วๆ หน่อย เตียวเหยียงได้ยินดังนั้น ก็ตัดศรีษะโฮจิ๋นโยนออกไป แล้วร้องว่า
" อ้ายโฮจิ๋นคิดขบถ กูฆ่ามันเสียแล้ว มึงเอาศรีษะไปเถิด ผู้ใดซึ่งมิได้สมรู้ร่วมคิดเป็นขบถด้วย จงถอยกลับไปเสีย อย่าได้มาวุ่นวายที่นี้ "
ครู่นั้น การรบพุ่งก็เกิดขึ้น ทหารฝ่ายโฮจิ๋นเอาเพลิงจุดประตูวัง อ้วนเสี้ยวฟันประตู
ชั้นในลง เห็นเตียงต๋ง เทียควง เห้หุย กุยแสงขันทีวิ่งหนีเข้าไปในสวนดอกไม้
ก็ตามเข้าไปฆ่าเสีย แล้วสับเนื้อจนละเอียดมิให้กากลืนแค้น เพลิงไหม้ลามเข้าไปถึงที่ข้างใน เตียวเหยียง ต๋วนกุย เทาเจียด เหาลำจึงพาพระนางโฮเฮากับหองจูเปียน หองจูเหียบหนี ฝ่ายเง่าของนายทหารของโฮจิ๋นคุมกำลังเข้าไปในวัง พบโฮเบี้ยว
น้องชายโฮจิ๋น ก็ล้อมจับฆ่าเสียฐานเอาใจเผื่อแผ่ขันทีทั้ง ๑o
พระนางโฮเฮาหนีไปได้ไม่ไกล ถูกทหารฝ่ายอ้วนเสี้ยวเข้าคุมตัวไว้ได้ ส่วนต๋วนกุยกับเตียวเหยียงพาหองจูเปียน หองจูเหียบหนีออกนอกเมืองไปได้ในเวลาค่ำ
พอได้ยินเสียงทหารตามมาค้นหา จึงทิ้งพระราชบุตรทั้งสอง แล้วหนีเอาตัวรอด
ภายหลังเตียวเหยียงเห็นหนีไม่พ้นก็โจนน้ำตาย ส่วนต๋วนกุยนั้น ทหารฝ่ายอ้วนเสี้ยวฆ่าเสียแล้วตัดเอาศรีษะผูกคอม้ากลับมา
ขันทีที่เหลือนอกนั้นล้วนตกเป็นเหยื่อแก่คมดาบ ทหารฝ่ายอ้วนเสี้ยวเข้าประหารพรรคพวกของขันทีทั้ง ๑o หมดสิ้น สักแต่ว่าเป็นคนไม่มีหนวดไม่มีเครา
ก็มิได้ไว้ชีวิตเลย
เมื่อการภายในวุ่นวายอ่อนแอลง ตั๋งโต๊ะซึ่งยกทัพมาคอยอยู่ภายนอก จึงยึดอำนาจในเมืองหลวงไว้ได้อย่างง่ายดาย
****ถ้าพระเจ้าเลนเต้ตั้งอยู่ในขัตติยราชธรรม
ขันทีทั้ง ๑o ก็มิอาจก่อความเดือดร้อนแก่แผ่นดินได้
ถ้าขันทีทั้ง ๑o ไม่ก่อความเดือดร้อนแก่แผ่นดิน
เตียวก๊กก็มิอาจก่อจลาจลใหญ่ขึ้นได้
ถ้าพระเจ้าเลนเต้ตั้งหองจูเปียนเป็นราชทายาทตามราชประเพณี
ความวุ่นวายในราชสำนักก็ย่อมไม่เกิด
ถ้าโฮจิ๋นไม่เรียกกองทัพหัวเมืองเข้ามาปราบขันที
โฮจิ๋นก็จะไม่ตาย และคงเป็นใหญ่อยู่นาน****
อ้างอิง : หนังสือ พิชัยสงคราม สามก๊ก ฉบับบูรณาการ โดย สังข์ พัธโนทัย
ขอเดชะคุณพระศรีรัตนตรัยจงประจักษ์เป็นอติพลวิสัยให้คุณ สังข์ พัธโนทัย
ถึงซึ่งสุคติ ร่มเย็นอยู่ในสันติสุขแห่งสัมปรายภพ และเป็นมิ่งมงคลคุ้มครองรักษาแก่บุตรหลานเหลนและญาติมิตรทั้งมวลในโลก ให้ประสบซึ่งอิฏฐคุณมนุญผล
ชั่วกาลนานเทอญ
เดชาธร จิตต์ดี
หองจูเปียนพระราชบุตรของพระเจ้าเลนเต้กับพระนางโฮเฮาอัครมเหสี
โฆษณา