24 ก.พ. 2021 เวลา 03:04 • นิยาย เรื่องสั้น
2.6. ปักษาก่อกวนทัพ
ฮองตง จ้าวแห่งเกาทัณฑ์ - เงียมหงัน ขุนพลพรานป่า - เล่าเจี้ยง เจ้าเมืองเสฉวน
หลังจากโจโฉสามารถยึดครองพื้นที่ใจกลางประเทศไปถึงทะเลฝั่งตะวันออกได้แล้ว หากละทิ้งขุมกำลังฝั่งตะวันตกที่ห่างไกลกันดารออกไปก่อน ทางเลือกต่อไปคือ ทิศเหนือ อ้วนเสี้ยว เจ้าของพื้นที่ปศุสัตว์อันกว้างไกล หรือ ทิศใต้ เล่าเปียว เจ้านครเชื้อพระวงศ์ ร่วมราชวงศ์ฮั่น กับซุนกวน ทายาทลำดับถัดไปของสหายเก่า ผู้ครอบครองเศรษฐกิจการค้าอันสมบูรณ์มั่งคั่งแล้ว
หากนับความทะเยอทะยานแล้ว อ้วนเสี้ยว สหายเก่าย่อมห้าวหาญกว่าสองเจ้าเมืองทางใต้อย่างแน่นอน แต่การศึกน่าจะเป็นไปด้วยความยากลำบาก และสุ่มเสี่ยงอันตราย เพราะกำลังทหารฝ่ายตรงข้ามมากมายกว่าหลายเท่าตัว อีกทั้งยังมีม้าศึกพันธุ์ดีจากแดนเหนือ ไว้ใช้สอยเป็นจำนวนมาก ทำให้มีกองทัพอาชาที่แข็งแกร่งยอดเยี่ยมอย่างลงตัวที่สุด ยิ่งเนิ่นนานก็จักยิ่งเข้มแข็งมากขึ้น
แต่ในทางกลับกัน ครั้นจะบุกเล่าเปียวทางใต้เพื่อสะสมกำลังเพิ่มเติมก่อน ก็ต้องตระเตรียมยุทโธปกรณ์ และฝึกปรือการรบทางน้ำเพิ่มเติมเป็นเวลาเนิ่นนาน และเมื่อเกิดศึกแดนใต้ติดพันขึ้นแล้ว อาจจะโดนอ้วนเสี้ยวฉวยโอกาสตลบหลังเอาง่ายๆเพราะเหมือนเป็นการเปิดช่องว่างให้ถูกจู่โจม
นับเป็นสองทางเลือกที่ยากจะตัดสินใจได้จริงๆ ทางแรก คือ การนำกำลังเจ็ดส่วนไปตีกองทัพอ้วนเสี้ยวที่มากกว่าเป็นสิบเท่าด้วยตนเอง โดยวางสามส่วนไว้ป้องกันแนวชายแดนอื่นๆ ซึ่งอาจจะมาหรือไม่มารุกล้ำพื้นที่ ส่วนทางที่สอง คือ การนำกำลังสามส่วนหรือมากกว่า ไปตีกองทัพที่มีจำนวนที่ทัดเทียมกัน หากแต่กองกำลังที่เหลือต้องเผชิญกับการจู่โจมจากกองทัพสิบกว่าเท่าอย่างแน่นอน
หากแต่อ้วนเสี้ยวกลับไม่รั้งรอที่จะเป็นฝ่ายตั้งรับอีกต่อไป กลับเป็นฝ่ายรุกฆาตก่อน ด้วยการเริ่มต้นเปิดสงครามจิตวิทยาเข้าใส่โจโฉ โดยให้ตันหลิม กุนซือสายบัณฑิตชื่อดัง ประสานงานกับไส้ศึกซุนฮก ช่วยกันปล่อยข่าวบ่อนทำลายความมั่นคงของโจโฉในเมืองฮูโต๋ ทั้งใส่สีตีข่าวเรื่องความประพฤติแต่หนหลัง เช่น คดีใช้เส้นสายขันทีเฒ่าโจเท้งขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญในเมืองหลวง คดีสังหารลิแปะเฉียทั้งครอบครัว คดีหลงสาวงามจนเสียทายาทที่เมืองอ้วนเซีย เป็นต้น ไปจนถึงเรื่องความเหิมเกริมดึงฟ้าต่ำ เช่น บังอาจใช้เกาทัณฑ์ฮ่องเต้ยิงกระต่าย สร้างพระราชโองการโลหิตปลอมเพื่อสังหารคนฝ่ายตรงข้าม เป็นต้น
หลายเรื่องเป็นเรื่องเท็จเหลวไหลที่ถูกปั้นแต่งขึ้นเอง แต่ด้วยความสามารถของตันหลิมก็สาธยายได้น่าเชื่อถือจนทำเอาวีรบุรุษกู้ชาติโจโฉที่สู้อุตส่าห์ปกครองแผ่นดินโดยสุจริตใจ กลายเป็นคนชั่วช้าสารเลวไปในชั่วเวลาเพียงข้ามคืน ชื่อเสียงเลวร้ายด้วยเรื่องราวความลับที่อื้อฉาวและประเด็นร้อนแรงต่างๆ ยิ่งกว่าครั้งก่อนที่อ้วนสุดเคยพยายามป้ายสีใส่ไคล้อย่างลอยๆ เพียงเพราะโจโฉก้าวขึ้นมาสืบทอดตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนลิฉุย กุยกี
เมื่อประกาศความผิดของโจโฉจนเกิดเป็นกระแสร่ำลือเชื่อถือกันไปทั่วทั้งแผ่นดินแล้ว อ้วนเสี้ยวจึงอ้างความชอบธรรม เพื่อระดมทัพพันธมิตรจากกองทัพหัวเมืองต่างๆอันมี เล่าเปียวแห่งเกงจิ๋ว ซุนกวนแห่งกังตั๋ง เล่าเจี้ยงแห่งเสฉวน เตียวล่อแห่งฮันต๋ง และแม้แต่ ม้าเฉียวแห่งเสเหลียง ให้เป็นหกกองทัพพันธมิตร ร่วมกันกำจัดจอมทรราชย์คนใหม่ โดยนัดหมายให้บุกเมืองหลวงพร้อมกันเป็นสามทิศทางอีกครั้ง และคาดไม่ถึงว่า จะได้รับการตอบรับด้วยดีจากทุกฝ่าย
ส่วนกองทัพในมือ ที่จริง จำนวนก็มากมายมหาศาลอยู่แล้ว แต่อ้วนเสี้ยวยังจงใจกะเกณฑ์กองทัพม้าอันเกรียงไกรจากชนเผ่านอกด่านภาคเหนือมาเสริมเติมขึ้นไปอีก ทำให้ขุมกำลังกิจิ๋วครั้งนี้ มีทั้งทหารกิจิ๋ว ทหารปักเป๋ง ทหารซงหนู ทหารเซียนเปย และกองทัพรับจ้างอื่นๆ ปะปนกันเป็นจำนวนนับร้อยหมื่นคน พร้อมจะบุกเข้าเมืองหลวง จัดการกับจอมเผด็จการโจโฉ และยึดกุมเมืองหลวงเอาไว้ในกำมือให้จงได้
อ้วนเสี้ยวย่อมประเมินสืบต่อ หลังจากเอาชนะโจโฉได้แล้ว ยังต้องระมัดระวังหกพันธมิตรด้วยกันเอง มิให้ใครชุบมือเปิบจากสถานการณ์คับขัน มันจึงต้องการกำลังพลที่ควบคุมได้จริง และมากที่สุด เพื่อมิให้ถูกคนอื่นแย่งชิงอำนาจไปอีก
ก่อนเคลื่อนทัพใหญ่ของตนเองออกจากเมืองกิจิ๋ว อ้วนเสี้ยวยังป้องกันความผิดพลาด จากข้อมูลประวัติศาสตร์ด้วยการสั่งคุมขังเขาฮิว กุนซือผู้ที่จะแปรพักตร์ไปเข้ากับโจโฉ จนอ้วนเสี้ยวโดนเผาเสบียงใหญ่ตามประวัติศาสตร์ดั้งเดิม อย่างกระทันหัน ด้วยข้อหาเป็นไส้ศึกจารชนเอาไว้ก่อน ดังนั้น สงครามยุทธภูมิกัวต๋อจะต้องไม่มีบทสรุปเช่นเดิมอีกต่อไปในเมื่อตัวแปรสำคัญถูกกำจัดออกไปแล้ว
กระสา-อ้วนเสี้ยวเป็นนายทหารสายนักกลยุทธ์จากโลกอนาคต ยามไม่ลงมือก็แล้วไป แต่เมื่อตัดสินใจจะกระทำแล้ว ย่อมรุกให้ถึงที่สุด การระดมหกทัพพันธมิตร และการรวมพลร้อยหมื่นจากชนเผ่าต่างๆ รวมทั้งการกำจัดกุนซือทรยศ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงกลายเป็นความพยายามที่จะควบคุมสถานการณ์ความได้เปรียบให้ได้มากที่สุด แม้จะต้องปรับเปลี่ยนประวัติศาสตร์ไปจากเดิมอีกครั้งหนึ่ง
...
หากแต่ขุมกำลังลับอย่างหน่วยปักษาสวรรค์ ต้นสังกัดเดิมของกระสาย่อมไม่อาจปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ ผู้วิเศษกระเรียน หมอฮัวโต๋หรือนกฮูก ลิซกหรืออีกา เตียวหุยหรือนางแอ่น และเหยี่ยวดำ ห้าปักษาสวรรค์นั่งปรึกษากันอยู่ในห้องลับแห่งหนึ่ง เพื่อหาหนทางคลี่คลายศึกหกเมืองใหญ่ให้กับโจโฉอยู่อย่างเคร่งเครียด เพราะเหตุการณ์ช่วงนี้ไม่มีอยู่ในคู่มือปฏิบัติการ
นับจากความตายของเกียดเป๋ง ศิษย์เอกคนโตของนกฮูกเกิดขึ้นเหนือความคาดหมาย บันทึกประวัติศาสตร์ก็เริ่มผิดเพี้ยนเปลี่ยนแปลงไป ผลงานการกระทำของหมอหลวงเลื่องชื่อแห่งแผ่นดินเริ่มเลือนหาย และส่งผลกระทบต่อราชสำนักกับคนดังในยุคสามก๊กเป็นวงกว้าง เมื่อหมอใหญ่แห่งแผ่นดินสิ้นอายุขัยก่อนจะได้รักษาบุคคลสำคัญ เช่น โจโฉ กุยแก หรือกษัตริย์เหี้ยนเต้ ตามเนื้อเรื่องที่เคยเกิดขึ้นนั้น จึงเป็นดั่งหยดน้ำค้างที่หลุดร่วงไปกระทบแผ่นน้ำบึงใหญ่ที่สงบนิ่ง จนเกิดระลอกน้ำแผ่ขยายออกไปอย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด
เหล่าสมาชิกปักษาสวรรค์เคยเชื่อมั่นในการกระทำของตนเอง จัดการเรื่องเล็กปลีกย่อย จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวม แต่ยามนี้ พวกมันกลับตกอยู่ในโลกประวัติศาสตร์ที่ผิดเพี้ยนแตกต่างไปจากเดิมอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ตัวอย่างที่เกิดขึ้นจากอิเกียด และเกียดเป๋ง กลายเป็นข้อเตือนใจที่น่าขบคิด
อีกทั้ง ยังต้องเดินหน้าทำภารกิจต่อไปให้คงสภาพเรื่องราวเค้าโครงหลักให้ได้ดีที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องคนทรยศอย่างอ้วนเสี้ยวหรือกระสา ที่พาออกนอกเรื่องไปไกลแล้วจริงๆ
พวกมันต้องช่วยกันระดมความคิดกันเอง และร่างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ไม่ให้เกิดผลกระทบต่ออนาคตมนุษยชาติเสียแล้ว ไม่เช่นนั้น หากโครงสร้างประวัติศาสตร์เสียหายมากจนเกินไป พวกมันเองอาจจะตกเป็นเป้าหมายการทำลายจากองค์กรต้นสังกัดเสียเอง
“หกทัพแบ่งเป็นสามทิศทาง ทางทิศใต้ จุดอ่อนคือความหวาดระแวง ให้นางแอ่นกับ เหยี่ยวดำใช้วิทยายุทธ์ล้ำเลิศ ลอบปะปนอยู่ในทัพเล่าเปียว – ซุนกวน พยายามตอกย้ำความบาดหมางให้เกิดความขัดแย้งกันเอง สุดท้าย เล่าเปียวย่อมเกิดความระแวงในทัพซุนกวน ไม่ยอมให้ผ่านทางข้ามน้ำมาจนเป็นเภทภัยต่อตนเองได้
ทางทิศตะวันตก จุดอ่อนคือความไม่เต็มใจร่วมรบ ท่านพี่กระเรียนก็อาศัยกลยุทธ์การพรางกายเข้าไปเผาเสบียง และแพร่พิษของพี่นกฮูกในกองทัพฝั่งเล่าเจี้ยง – เตียวล่อ ให้ทั้งสองทัพปั่นป่วนวุ่นวาย ไม่อาจเคลื่อนพลเข้ามาใกล้เมืองหลวงตามนัดหมาย เพราะมีข้ออ้างที่เหมาะสม
ส่วนเรากับพี่นกฮูกจะเดินทางล่วงหน้าไปใกล้ทัพม้าเฉียว – อ้วนเสี้ยวทางทิศเหนือ ถ่วงเวลาดูท่าทีว่าจะดำเนินการเช่นไรให้กองทัพชะลอช้าลง เมื่อทางอื่นทำงานลุล่วงแล้ว ก็ให้มาสมทบกันกับพวกเราทางทิศเหนือ เผื่อว่าเจ้ากระสาอาจจะมีแผนการอื่นแอบแฝงอยู่อีก จะได้ช่วยกันแก้ไขได้ทันเวลา หากมีเรื่องอื่นๆแทรกซ้อนขึ้นมา เราเชื่อว่าพี่กระตั้วคงหาทางจัดการได้เอง” อีกาในฐานะกุนซือเก่าระดับลิซกเป็นผู้วางแผนฉุกเฉิน
กระตั้ว-กาเซี่ยง หนึ่งปักษาที่ถูกจัดวางอยู่ข้างกายโจโฉ จนไม่อาจมาร่วมประชุมได้แล้ว จะสามารถช่วยทำภารกิจสำเร็จลุล่วงได้หรือไม่ และปัญหาเฉพาะหน้านี้จะลุกลามไปมากมายเพียงไร คงต้องให้เวลาเป็นบทพิสูจน์แล้ว
...
กระแสการเมืองกำลังรุมเร้าเข้าใส่กาเซี่ยง กุนซือเงาปีศาจอย่างหนักหน่วง ข่าวกองกำลังใต้ดินภายในเมืองหลวง และข่าวลือป้ายสีที่แพร่สะพัดไปทั่ว ร่ำลือกันว่าตัวการใหญ่ครั้งนี้ คือ กาเซี่ยง ผู้เป็นอดีตกุนซือเก่าของลิฉุย กุยกี และเตียวสิ้ว ศัตรูเก่าฝั่งตรงข้ามกับโจโฉทั้งสิ้น คาดว่าเป็นหมากกลอีกตาหนึ่งของอ้วนเสี้ยว-กระสา
ยังดีที่โจโฉให้ความไว้วางใจกับกาเซี่ยงอย่างที่สุด เพราะถือเป็นผู้มีพระคุณ เคยช่วยชีวิตในยามคับขันมาโดยตลอด กาเซี่ยงจึงยังปลอดภัย และรักษาตำแหน่งอยู่ได้ต่อไปท่ามกลางมรสุมข่าวลือระลอกนี้
สำหรับมันแล้ว ย่อมต้องช่วยโจโฉอย่างสุดชีวิต เพราะงานหลักของมันคือ การผลักดันจนทายาทสกุลโจโค่นล้มราชวงศ์ฮั่น ก่อตั้งราชวงศ์วุยได้สำเร็จ เพื่อก่อให้เกิดสถานการณ์สามก๊กอย่างแท้จริง
มันคือ นกกระตั้ว สมาชิกลำดับห้า หนึ่งในหน่วยปักษาสวรรค์ที่ชำนาญเรื่องการเมืองเป็นที่สุดแล้ว และมันย่อมรู้ซึ้งด้วยว่า ด้วยการช่วยเหลือของหน่วยปักษาสวรรค์คนอื่นๆ โจโฉย่อมชนะศึกครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน ข่าวคราวกระแสการเมืองที่เกิดขึ้นนี้ คงเป็นฝีมือของอ้วนเสี้ยว-กระสา ซึ่งเคยเป็นพวกพ้องเดียวกันมาก่อน
แต่เรื่องสำคัญที่มันยังไม่รับรู้ก็คือ การเคลื่อนไหวของเครือข่ายสุมา และขุมกำลังสัตตดารา รวมทั้งขบวนการฟ้าดิน ที่แทรกซึมอยู่ในกลุ่มขุนศึกโบราณทั้งหลายเหล่านี้ ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในศึกใหญ่ครั้งนี้ในอีกรูปแบบหนึ่ง
เพื่อรับมือกับสงครามหกทัพรอบทิศทาง โจโฉจึงจำเป็นต้องกระจายกำลังพลออกไปรับมือตามที่เคยคำนวนไว้ โดยสั่งการให้ตันกุ๋น กุยแกคุมกำลังพลหนึ่งส่วนเฝ้ารักษาการณ์ในเมืองหลวงร่วมกันกับ อิกิ๋ม งักจิ้น ซึ่งไว้วางใจได้ ควบคุมเมืองศูนย์กลาง และคอยช่วยเหลือเสริมเติมกำลังพล เสบียง และยุทโธปกรณ์ให้กับทุกด้าน
ส่วนสี่เทวะให้จับคู่แยกกันคุมกำลังหนึ่งส่วนออกไป แฮหัวเอี๋ยน โจหยินกับกาเซี่ยง ดูแลเมืองเตียงอันทางทิศตะวันตก แฮหัวตุ้น โจหองกับซุนฮกดูแลเมืองอ้วนเซียทางทิศใต้ เน้นการตั้งรับ ไม่ต้องรุกคืบ ดึงเวลาให้เนิ่นช้า มิให้สุ่มเสี่ยงใดๆโดยพลการ
ฝ่ายโจโฉเองนำกองทัพราวเจ็ดส่วนไปต้านกองทัพทางเหนือพร้อมกับกวนอู เตียวเลี้ยว เคาทู ซิหลง ขุนพลและกุนซือที่เหลือแทน ซึ่งหากเขาสามารถเอาชนะศึกทิศเหนือที่เป็นจุดสำคัญที่สุดได้แล้ว ข้าศึกในทิศอื่นๆก็ย่อมจะล่าถอยกันไปเอง
ในการศึกครั้งนี้ มันคิดการณ์จะอาศัยฝีมือของกวนอู-เผิงเสียนเป็นกำลังหลักในการต่อสู้ ทางหนึ่งเพื่อหยั่งเชิงดูกำลังของฝ่ายอ้วนเสี้ยว อีกทางหนึ่งก็เพื่อให้กวนอูมีเหตุบาดหมางกับฝ่ายกองทัพพันธมิตรทั้งหลายให้มากขึ้น เพื่อปิดทางถอยของกวนอูอย่างสิ้นเชิง เพราะสายข่าวรายงานมานานแล้วว่า เล่าปี่หลบหนีไปอาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยวนี่เอง
"หากอ้วนเสี้ยวเห็นว่าเป็นกวนอูออกรบ อาจจะระแวงเล่าปี่จนถึงขั้นสั่งฆ่าทิ้งไปเลยก็ได้" โจโฉคิดหมากสองชั้นเอาไว้ในใจ จึงวางตำแหน่งสี่เทวะให้อยู่ไกลห่างออกไป เปิดทางให้ตนเองสามารถเรียกร้องความเห็นใจจากกวนอู หรือหากจำเป็น การข่มขู่ด้วยเรื่องอื้อฉาวก็อาจจะใช้ได้ผล
...
กองทัพของเล่าเจี้ยงครั้งนี้ นำมาโดยฮองตง และเงียมหงัน สองขุนพลในวัยกว่าห้าสิบปี ครั้งก่อนเมื่อมือปราบฮองตงตามล่าเผิงเสียนในคดีวางเพลิงฆ่าขุนนางนั้น เขาโดนกลลวงของฝ่ายตรงข้ามให้สะกดรอยไปผิดเส้นทาง ออกมาทางทิศตะวันตกอันกันดาร และโดนพิษไข้ป่าเล่นงานเข้าจนเป็นไข้หมดสติไป
โชคดีที่นายพรานเงียมหงันกำลังพาเล่าเอี๋ยน เจ้าเมืองเสฉวนกับกองทหารล่าสัตว์ผ่านทางมาพบเข้า จึงช่วยชีวิตไว้ และวางใจมอบตำแหน่งทางทหารให้ดูแลแทนงานมือปราบ ซึ่งฮองตงก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ซ้ำยังชักชวนเงียมหงัน ผู้มีพระคุณนั้น ให้มาฝึกฝนฝีมือเพิ่มเติมกับตนเอง และเข้ามารับราชการด้วยอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นสองนักรบคู่หูสูงวัย กำลังสำคัญให้กับคนสกุลเล่ามาเนิ่นนาน
ผู้วิเศษกระเรียน อาศัยการพรางกายลอบวางยาพิษในลำธาร และเผาเสบียงในกองทัพของเล่าเจี้ยงหลายครั้ง สามารถล่องหนเดินเข้าออกกองทัพได้อย่างง่ายดาย ทำให้แม่ทัพสูงวัยฝ่ายเล่าเจี้ยงทั้งสองคนต่างชะลอทัพให้ช้าลง เพื่อดูท่าทีของเตียวล่อ พันธมิตรอีกฝ่ายหนึ่งว่าเกิดเหตุร้ายเช่นเดียวกันกับพวกตนหรือไม่
แต่เตียวล่อกลับตีความไปว่า ทัพเล่าเจี้ยง หาเหตุถ่วงเวลา ไม่ได้เต็มใจไปร่วมรบ จึงพลอยระแวง และตั้งทัพรั้งรอไปด้วยอีกข้างหนึ่ง ทำให้ฝ่ายป้องกันอย่างแฮหัวเอี๋ยน โจหยิน และกาเซี่ยงมีเวลาในการตั้งรับและซ้อมรบได้อย่างสบายใจ ไม่เปลืองเรี่ยวแรงต่อสู้เลย
ที่จริงแล้ว เตียวล่อ ที่เป็นดาวปกครองแห่งกลุ่มสัตตดารา ยึดครองเมืองฮันต๋งมาเนิ่นนาน คงเริ่มเคยชินกับความสุขสบายตามแบบฉบับเจ้านครทั่วไป แลเห็นแต่ความพยายามที่สูญเปล่าของพรรคฟ้าเหลือง และกลุ่มสัตตดาราบ่อยครั้งจนเหนื่อยหน่าย หรือมีวาระอื่นใดแอบแฝงอยู่ จึงไม่ใคร่เต็มใจให้ความร่วมมือกับท่านประมุขจูล่งเหมือนเมื่อก่อน แต่ทางหนึ่งก็ยังไม่กล้าแสดงตนออกมาให้ชัดเจนเกินไป เมื่อมีสาเหตุให้บ่ายเบี่ยงการศึกได้ จึงรีบใช้โอกาสนั้นทันที
หากนับเตียวสิ้วแห่งอ้วนเซียที่ตายไปก่อน และเตียวล่อแห่งฮันต๋งที่เริ่มตีตนออกห่างแล้ว กลุ่มสัตตดาราก็เท่ากับสูญเสียเมืองที่มั่นทั้งสองเมืองไปในเวลาไล่เลี่ยกัน คงเหลือแต่ประเภท กุนซือ ขุนพล และนางงามที่แฝงตัวอยู่ตามขุมกำลังต่างๆเท่านั้นแล้ว เป็นสาเหตุให้การทำงานใต้ดินของขุมกำลังนี้เริ่มเกิดปัญหาแล้ว
...
ฝ่ายนางแอ่นเตียวหุยกับเหยี่ยวดำลอบปลอมปนเป็นนายกองในกองทัพของเล่าเปียว ชักนำให้กองทหารของทัพซุนกวนเคลื่อนเข้าไปใกล้กองทัพฝ่ายเล่าเปียวจนผิดสังเกต สร้างความระแวงให้กับชัวมอ เตียวอุ๋น แม่ทัพฝ่ายเล่าเปียว จนต้องส่งคนติดตามความเคลื่อนไหวของทัพซุนกวนอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
ฝ่ายซุนฮก ผู้เป็นจารชนสองหน้า เชื่อมโยงทั้งฝ่ายสกุลอ้วนและสกุลซุน มีปัจจัยซ่อนเร้นในการช่วยเหลือฝ่ายซุนกวนเป็นทุนเดิม จึงผลักดันให้ แฮหัวตุ้น โจหอง ยกทัพเข้าปะทะกับชัวมอ เตียวอุ๋นในทันที ทำให้ทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อกองทัพของจิวยี่ อุยกายมาถึง ซุนฮกกลับให้ตั้งรับนิ่งเฉยเสีย ทำให้ทัพเล่าเปียวอ่อนล้า ทัพซุนกวนสดชื่น เป็นที่ขัดตาขัดใจของฝ่ายเล่าเปียวเป็นยิ่งนัก จนสงสัยในท่าทีของทัพซุนกวนมากยิ่งขึ้น
เพื่อแสดงความจริงใจในการร่วมรบแบบพันธมิตรระหว่างซุนกวนกับเล่าเปียว ในค่ำคืนนั้น จิวยี่ พร้อมกับไทสูจู้ กำเหลง จิวท่าย นำทหารจำนวนน้อย จัดทัพแบบกองโจรตามแบบที่ฝ่ายกังตั๋งฝึกฝนมานาน ลอบบุกเข้าไปหมายจะสังหารคนสำคัญ ในกองทัพอย่างเช่น แฮหัวตุ้น โจหอง และซุนฮก สักคนสองคน
แต่เหมือนกับซุนฮกจะเตรียมพร้อมการตั้งรับไว้ก่อนแล้ว จัดวางกองทหารยามซ้อนเป็นวงๆหลายชั้นซ้อนทับไปมา ทำให้พวกจิวยี่ไม่อาจบุกเข้าไปถึงวงในได้อย่างที่คาดหวัง และการต่อสู้ยืดเยื้อกันไปจนเกือบสว่าง จนทั้งสองฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บ อาบเลือดกันถ้วนหน้า พวกหน่วยกล้าตายฝ่ายกังตั๋งที่พยายามถอนตัวก่อนฟ้าสว่างก็ล้มตายจนเหลือเพียงไม่กี่สิบคนแล้ว
ครั้นฟ้าสว่างจนเห็นว่าใครเป็นใครชัดตา ซุนฮกกลับสั่งการให้เปิดทางถอยแก่ข้าศึก โดยอ้างกับแฮหัวตุ้นว่า เป็นเพียงนายทหารไร้ชื่อเสียงเพียงไม่กี่คน จึงให้ปล่อยไปเสียก่อน จะทำให้ฝ่ายเล่าเปียว เกิดความระแวงสงสัย การศึกด้านใต้นี้ก็จะผ่อนคลายลงไปเอง
ด้วยเหตุนี้ พวกจิวยี่จึงรอดตัวจากความตายไปอย่างหวุดหวิดที่สุด ด้วยความคิดพิสดารของซุนฮกคนเดียวแท้ๆ ฤาซุนฮกตาต่ำ ถึงกับดูไม่ออกว่า กลุ่มคนเดนตายตรงหน้า คือ พวกขุนพลชั้นเอกของพวกกังตั๋งแทบทั้งสิ้น
แต่เมื่อทัพเล่าเปียว ซุนกวนต่างก็มีการสูญเสีย และเกิดความหวาดระแวงต่อกัน การศึกทางด้านใต้นี้ จึงตกอยู่ในภาวะตั้งยันกันต่อไปตามแผนของซุนฮกอีกเช่นกัน นับว่า ซุนฮกลงทุนครั้งนี้ไม่เสียเปล่าจริงๆ
...
ทางด้านอีกา-ลิซกกับนกฮูก-ฮัวโต๋ กลับปล่อยทัพหน้าของอ้วนเสี้ยว คือ งันเหลียง บุนทิว เดินทัพผ่านเลยออกไป เป้าหมายของทั้งสองคือการมุ่งหน้าไปสกัดทัพหลวงของโจโฉ โดยหมอฮัวโต๋แยกไปทางต้นลำธาร เพื่อลอบวางยาพิษในน้ำดื่ม ส่วนอีกานั้น ปีนขึ้นเขาไปเพื่อเรียกพายุฝนมาสกัดให้ทัพหลวงเดินทางด้วยความลำบาก และบังคับให้ต้องหยุดพักทัพลงในจุดที่มีลำธารพิษไหลผ่านทางด้านหลังพอดี
หน้าผาแห่งนี้ ในอดีต เคยเป็นสถานที่ที่พระเจ้าฮั่นบู๊เต้ตั้งทัพ และเอาชนะศึกเผ่าซงหนูในอดีตกาล รอยจารึกเฉลิมพระเกียรติยังคงปรากฏให้เห็นชัดเจน ขณะที่อีกากำลังชื่นชมทิวทัศน์ และผลงานการเรียกลมฝนของตนเองอยู่นั้น เสียงยะเยียบที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นด้านหลังฝ่าเสียงพายุฝนที่ยังคงกระหน่ำลงมา
อ้วนเสี้ยวโผล่มาจากที่ซ่อนตัว ใบหน้าเครียดขึ้ง ราวมัจจุราชจากดินแดนโลกันต์ “เมื่อเห็นเค้าฝนใหญ่เคลื่อนมาใกล้ทัพอย่างผิดธรรมชาติ ข้าก็นึกได้แล้วว่าจะเจอเจ้าที่นี่ อีกาน้อย”
อีกาสะดุ้งใจ เมื่อหันมาเผชิญหน้ากับอ้วนเสี้ยวในชุดขุนศึกเต็มยศ ประกายรังสี อำมหิตชัดเจนจนไม่ต้องคาดเดาอันใดอีก คราวนี้ คงเป็นวาระตัดสินชีวิตของเขาแล้ว
“พี่ท่านคิดจะฝืนชะตาฟ้าดินจริงหรือ ท่านลืมพันธะสัญญาที่มีต่อองค์กรเราแล้วหรือ” อีกาลองท้วงติงครั้งสุดท้าย
“แนวความคิดของข้า คือ ลิขิตใหม่บนหน้าประวัติศาสตร์ สกุลอ้วนเพียบพร้อมสมบูรณ์ สามารถยุติศึกชิงแผ่นดินได้ในเร็ววัน ไม่จำเป็นต้องทิ้งช่วงให้เกิดเป็นสถานการณ์สามก๊ก ใครตาม คงอยู่ ใครขวาง ต้องตาย”
“ความตายของข้าจะทำให้ท่านกลับตัวกลับใจไม่ได้อีกแล้ว พี่น้องจะล่วงรู้การกระทำความผิดของท่าน”
“เรื่องนั้นข้าย่อมได้คิดอยู่ก่อนแล้ว และข้าก็คิดเห็นเช่นเดียวกันกับเจ้า อีกาน้อย เดินหน้าเปลี่ยนแปลง ไม่คิดเปลี่ยนใจ”
กระบี่ของอ้วนเสี้ยวพุ่งวาบเข้าใส่กลางอกของอีกาอย่างแรง ปลิดชีพคนในหน่วยปักษาสวรรค์คนแรกในทันที พร้อมกับเสียงฟ้าผ่าฟาดเปรี้ยงลงที่ก้อนหินด้านหลังอ้วนเสี้ยว เหมือนพลาดเป้าหมายที่มุ่งหวังไปอย่างเฉียดฉิว
ที่แท้ อีกาก็พยายามใช้ความสามารถพิเศษของตนในการพลิกสถานการณ์เช่นกัน แต่ช้าไปเพียงชั่ววูบเดียวเท่านั้น พอคนตาย สายฟ้าจึงไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ มิเช่นนั้น กระสาคงถูกผ่าไหม้เป็นตอตะโกไปแล้ว
อ้วนเสี้ยว-กระสาเหลือบมองรอยฟ้าผ่ากับซากร่างของอีกาอย่างขบคิด แล้วค่อยล้วงเอายาละลายซากศพที่เคยได้รับมาจากหมอนกฮูก บรรจงโรยทำลายหลักฐาน จนร่างของอีกาสลายกลายเป็นเพียงกองน้ำเลือดที่ถูกน้ำฝนชะล้างก่อนจะซาหายไป
“คนที่ป้องกันได้ยากสำหรับกองทัพรูปแบบโบราณเช่นนี้ มีเพียงสามคน อีกา ผู้เรียกลมฝนได้ ก็ตายไปแล้ว อีกคนก็คือ กระเรียน ผู้วิเศษนักล่องหน ส่วนอินทรี ผู้นำหน่วย จะยังไม่ปรากฏกายอีกนานหลายปีตามแผนที่ระบุไว้ นอกนั้น ก็เพียงมีความสามารถเฉพาะด้านธรรมดาๆ เท่านั้นเอง” อ้วนเสี้ยวพึมพำเบาๆ ขณะเดินจากไป “เป้าหมายคนต่อไป ย่อมเป็นท่านแล้ว เฒ่ากระเรียน”
สายลมพัดผ่านร่างวูบใหญ่ หมอฮัวโต๋ แอบซ่อนกายในพุ่มไม้ด้านหลัง ตัวสั่นระริกอย่างมิอาจควบคุม แต่สงบเสียงไว้ มองเห็นเหตุการณ์สังหารโดยตลอดอย่างหวาดกลัวเป็นที่สุด บัดนี้ หน่วยปักษาสวรรค์เริ่มฆ่าฟันกันเองเสียแล้ว
การที่คนในหน่วยปักษาสวรรค์แตกแยก ทำลายล้างกันเอง ย่อมกระทบต่อแผนการที่วางไว้ หากเป็นเช่นนี้ พวกมันคงต้องปรับเปลี่ยนแผนไปตามสถานการณ์เฉพาะหน้า ไม่อาจพึ่งพาแผนเดิมที่ต้นสังกัดเตรียมการไว้เสียแล้ว
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา