19 ก.พ. 2021 เวลา 01:25 • ประวัติศาสตร์
💐บทความ_(ภาค1)ผ่าตัดครั้งแรกของชีวิต31/3/62👪
✍️บทความสำหรับคนชอบอ่านค่ะ
🎶หากชอบฟัง ติดตามพอดแคสต์ได้อีกทางนะคะ (เรื่องราวเหมือนกันแต่อารมณ์เข้มข้นกว่า😁
😱ตอนนั้นกลัวไหม?
💖ความรู้สึกตอนนั้นไม่ได้โฟกัสไปจุดที่ว่ากลัวไหม จะเจ็บไหม ยังไม่มีเวลาคิดตรงจุดนั้นเลย แต่ความรู้สึกเดียว คือ ฉันปวดท้องงงง
💗เมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้าห้องผ่าตัดหลังจากพยาบาลเตรียมพร้อมร่างกายให้เราเรียบร้อยแล้วโดยสอดท่ออะไรเยอะแยะไปหมด และก็เป็นครั้งแรกที่เจอกับการสอดท่อลงในจมูกเช่นกัน ทุกอย่างในท้องตอนนั้นก็ออกมาจนหมด อีกอย่างเป็นครั้งแรกที่ต้องสอดท่อปัสสาวะ ความรู้สึกเหล่านี้ต่างหากที่ทำให้รู้สึกไม่โอเคเลย
💗จากนั้นก็ถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัด คุณหมอและพยาบาลเข้ามาพูดคุยและซ้อมการฟื้นว่า"ถ้าได้ยินเสียงหมอเรียกชื่อ ให้ตอบรับด้วยนะ จากนั้นก็มีอุปกรณ์มาครอบที่จมูก คือขั้นตอนดมยาสลบนั่นเอง สูดลมหายใจเข้าไป 2 ครั้ง คุณหมอก็ชวนคุย เราก็ตอบกลับสักพักจอภาพทุกอย่างดับเป็นสีดำ นานเท่าไหร่ไม่รู้ เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ มารู้อีกทีคือสามีบอกว่าใช้เวลาผ่าตัด 4 ชม.
💖ตอนที่ฟื้นขึ้นมาแรกๆเหมือนฝันเลย หูได้ยินเหมือนมีคนมาเรียกชื่อ รู้สึกตัวแบบงงๆ มองเห็นตัวเอง สายอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด ซึ่งตอนที่ตื่นขึ้นมา เราถูกนำตัวย้ายจากห้องผ่าตัดมาที่ห้องไอซียูแล้วเพื่อพักฟื้นดูอาการ ในระหว่างที่ฟื้นขึ้นมา มีคำถามเยอะเลยแต่เสียงไม่ออก คอแห้งมาก พูดไม่ได้อึดอัดกับท่อที่เขาสอดลงไปในรูจมูกเอาไว้มาก พยายามจะพูด อ้าวไม่มีเสียง
💖เวลาต้องการอะไรก็ใช้ภาษาใบ้ อยากจะเรียกพยาบาลก็ต้องใช้ขาไปกระทบกับเหล็กที่เตียงให้มีเสียงดังขึ้นมา เพราะแขนโดนมัดไว้ เนื่องจากกลัวผู้ป่วยไม่มีสติแล้วเผลอดึงสายท่ออันนี้เราเข้าใจ
💗แต่จะทำให้เสียงดังมากก็ไม่ได้เพราะกลัวพยาบาลเข้าใจผิดว่าคนป่วยคลั่งหรือเปล่า😅เดี๋ยวผิดประเด็น ความจริงเมื่อฟื้นขึ้นมามีสติดีนะและเป็นคนไข้ที่เรียบร้อยด้วย
💖การที่เราคอแห้งก็เป็นผลมาจากการดมยาสลบ ท่อที่จมูกพยาบาลแจ้งว่าถ้าอยากให้เอาออกให้ต้องฝึกการหายใจตัวเองให้ได้ดีก่อน เพราะตอนนี้การหายใจยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จึงต้องนอนนิ่งเพื่อฝึกลมหายใจ-ออก เพื่อพิชิตนำท่อออกจากจมูกให้เร็วที่สุด คือ รำคาญมาก
💗จากนั้นเมื่อพยาบาลเห็นว่าเรามีสติดีขึ้น ก็ให้ญาติเข้าเยี่ยมในห้องไอซียู ครั้งละ 2-3 คน พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นสามียืนอยู่ที่ขอบเตียง เมื่อมองมาอีกทางก็เห็นพ่อยืนมองเราด้วยความเป็นห่วงมากๆ แววตารู้เลยว่าผ่านการร้องไห้มา
💖 พ่อจะค่อนข้างอ่อนไหวกับความรู้สึก พอเห็นสภาพลูกน่าสงสาร ลูกคงจะเจ็บน่าดูเลย ถึงเราจะอายุมากขนาดไหนพ่อแม่ก็ยังมองว่าเป็นเด็กวันยังค่ำ ส่วนแม่ยังไม่เข้ามารู้นะว่าไปแอบร้องไห้ แม่ชอบเก็บไว้ไม่ค่อยให้ใครเห็นมุมนี้สักเท่าไหร่
💗พอเห็นพ่อร้องไห้ ก็อยากบอก อยากพูด อยากปลอบนะไม่อยากให้พ่อร้อง แต่เสียงไม่มีเลยต้องส่งภาษาใบ้กัน พ่อยิ่งร้องหนักไปใหญ่
💖ทันใดนั้นเองก็มองไปเห็นเด็กคนหนึ่งเดินเข้ามา สิ่งที่เราคิดตอนนั้น คือแม่จะสู้เพื่ออยู่ดูแลหนูนะ แค่เห็นเขาเราก็มีแรงสู้ ความอ่อนไหวทุกอย่างจะหายไป ถ้าไม่ได้ไปยึดหรือจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ผ่านมา แต่จะทำอย่างไรให้ฟื้นฟูสิ่งที่ถูกทำลายให้เร็วที่สุด
💗ตอนที่อยู่ในห้องไอซียูยังไม่รู้เลยว่าร่างกายตัวเองเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ไม่รู้ว่าตัวเองมีถุงหน้าท้อง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ คือการที่เราต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตประจำวันเลย เดี๋ยวจะมาพูดถึงในบทความต่อไปนะคะว่าถุงหน้าท้องคืออะไร ต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างไร
🥰อยากจะบอกกับทุกคนว่า "กำลังใจจากตัวเองก็เหมือนยาพาราเซตามอลรักษาทุกโรค ส่วนกำลังใจจากคนรอบข้างก็เหมือนวิตามินถ้าขาดชีวิตก็ไม่สดชื่น"
💝💝ปัญหาที่เข้ามาในชีวิตเป็นเพียงแบบทดสอบความอดทน ถ้าคุณทำแบบทดสอบนั้นผ่าน นั่นคือ ความสำเร็จที่ภาคภูมิใจ
💕ไม่อยากให้เครียด มีคลิปน่ารักๆมาฝากด้วยนะ👇
โฆษณา