19 ก.พ. 2021 เวลา 09:07 • ความคิดเห็น
ว่าด้วยหุ้น กับ การตรวจสอบแผนธุรกิจ....
1
บทความนี้นอกจากจะใช้สำรวจบริษัทในตลาดหุ้นแล้วยังสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจของท่านเองได้ด้วย
ในตลาดหุ้นหรือตลาดทุนนั้น....มีบริษัทมากมายที่เข้ามาระดมทุน แน่นอนว่าในจำนวนกว่าร้อยบริษัทเหล่านั้น มีหลายบริษัทที่ไม่ประสบความสำเร็จในการดำเนินกิจการ และที่เลวร้ายกว่านั้น ก็มีที่หวังแค่เงินในกระเป๋าของนักลงทุนเพื่อผลกำไรของตนเองเพียงอย่างเดียวก็มี
แล้วเราจะมีวิธีตรวจสอบหรือรู้ได้อย่างไรว่า กิจการไหนน่าลงทุน จริงหรือหลอก เก่งจริงหรือแค่ลมปาก เพราะแต่ละบริษัทที่เข้ามาล้วนแต่มีแผนงานชั้นเลิศทั้งนั้นเลย นักวิเคราะห์หลากหลายสำนักก็ล้วนแต่การันตรีว่าดี ว่าน่าลงทุน
แน่นอนว่าเป็นเรื่องยากที่เราจะรู้ได้ค่ะ สิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เพราะเป็นเรื่องของอนาคตที่ไม่มีใครคาดการณ์ได้ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกจริงไหม ?
แต่ถึงกระนั้นมันก็พอมีกรอบมีหลักคร่าวๆให้เราได้ยึดถือเป็นแนวทางกันค่ะ
หลักเกณฑ์ที่เคทใช้ยึดถือ เป็นเรื่องที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อนนัก
1. เริ่มจากการตรวจสอบรายได้งบประมาณย้อนหลังก่อนค่ะ
 
รายได้ย้อนหลัง 3-5 ปีที่ผ่านมานั้น มีแนวโน้มเป็นอย่างไร เติบโตดีไหม เมื่อเทียบกับกลุ่มธุรกิจเดียวกัน ในช่วงที่บริษัทมีปัญหาหรือเผชิญวิกฤตมีวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างไร ?
2. ตรวจสอบเป้าหมาย แผนงานในอดีตที่เคยเสนอไว้
กลับไปตรวจสอบข้อ 1 ดูอีกครั้ง แต่ให้เราดูที่แผนงาน หรือเป้าหมายในอดีต จริงอยู่ที่บริษัทอาจมีการเติบโตที่ดี แต่...มันเป็นไปตามที่วางแผนไว้ไหม หรือ เป็นไปตามที่ "โม้" ไว้รึเปล่า ดูความสอดคล้องกัน ระหว่าง เป้าหมายกับผลประกอบการที่เกิดขึ้นจริง ตรงนี้เราจะได้เข้าใจพฤติกรรมขององค์กรได้ระดับนึง มิเช่นนั้นแล้ว อาจจะทำให้เราตีมูลค่า(valuation)ของบริษัทผิดไป
ข้อนี้แหละที่สำคัญมาก เพราะมันจะเป็นการวัดผลของการตั้งเป้าหมายขององค์กร
องค์กรที่ดี จะมีการวัดผลอยู่ตลอดเวลา
อย่างในตลาดหุ้นเอง เราก็ทำเช่นนั้นกับบริษัทจดทะเบียน เราจะคอยดูผลประกอบการรายไตรมาส แล้วประเมินผลงานของบริษัทว่ายังเป็นไปตามแผนงานไหม หากมีเหตุที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เราก็พิจารณารายงานคำอธิบายของบริษัทว่าสอดคล้องกันไหม มีวิธีแก้ไขอย่างไร นี่เป็นวิธีการวัดผลแบบง่ายๆค่ะ ติดตามเป็นลำดับ ทีละสเต็ป
แผนธุรกิจที่ดีจะทำให้เราเห็นทิศทางของบริษัท เห็นภาพของผลลัพธ์ หรือผลตอบแทนในอนาคตได้ระดับนึง
3. ตรวจสอบ "การกระจาย หรือ การบริหารความเสี่ยง"
องค์กรที่ดี หรือบริษัทที่ดีที่แข็งแกร่ง มักจะให้ความสำคัญกับสิ่งนี้มากค่ะ การกระจายความเสี่ยง นับเป็น หัวใจหลักในการลงทุนเลยทีเดียว
ผลลัพธ์หรือผลตอบแทนจะผิดแผกไปจากเป้าหมายมากน้อยเพียงใด ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการรองรับความเสี่ยง หรือการจำกัดความเสี่ยง
ความเสี่ยงในธุรกิจนั้นมีอะไรบ้าง ?
หากสาธยายคงยาวยืดมากค่ะ ขึ้นอยู่กับรูปแบบเฉพาะตัวของธุรกิจนั้นๆ
ซึ่งเราก็ต้องเข้าใจมันระดับนึง แต่หลักใหญ่ๆของความเสี่ยงที่พอจะยึดเป็นแนวทางภาพกว้างๆได้ มีประมาณนี้ค่ะ
อันดับแรก ที่เคทให้น้ำหนักมากที่สุดคือ
- ความเสี่ยงทางการเงิน
เงินทุนสำรองมีพอเพียงไหม หลักประกันของสินทรัพย์มีไหม สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเครดิตหรือเงินสดในยามฉุกเฉินได้ระดับไหน กรณีมีหนี้สิน มีภาระจ่ายผูกพันธ์ระดับไหน ขยายเวลาได้สูงสุดเท่าไหร่โดยกระทบกับฐานะการเงินน้อยที่สุด และสุดท้าย มีการประกันค่าเงินในกรณีที่มีการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศไหม
- ความเสี่ยงด้านการผลิต
หากฐานการผลิตมีปัญหา รายได้กระทบแน่นอน ตรงนี้มีการบริหารทรัพยากรอย่างไร เช่น เครื่องจักร โรงงาน มีการประกันภัยหรือไม่ ถ้ามี มีระดับไหน ครอบคลุมกับมูลค่ากิจการไหม ไฟไหม้ น้ำท่วม ฯ มีฐานผลิตสำรองไหม กรณีขาดแคลนแรงงานมีวิธีการจัดหาแรงงานทดแทนอย่างไร ซึ่งตรงนี้รวมถึงมาตรฐานคุณภาพของ ทรัพยากรด้วยว่า อยู่ในระดับที่เหมาะสมไหม สิ่งเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อ ผลผลิต
อีกสิ่งคือ การควบคุมต้นทุนการผลิต มีการควบคุมค่าใช้จ่ายตรงนี้อย่างไร
- ความเสี่ยงด้านการตลาด
กรณีราคาตกต่ำมีการประกันราคาไหม มีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไว้ไหม ถ้าความต้องการของตลาดลดลงมีแผนรองรับอย่างไร มีการกระจายหรือจัดการวัตถุดิบคงค้างอย่างไร
- ความเสี่ยงด้านการบริหารจัดการ
กรณีนี้จะหมายถึง ทรพยากรบุคคลเป็นหลัก ความสำคัญระหว่าง บุคคล กับ ตัวบริษัท มีการผูกติดหรือยึดโยงไว้กับ "ทีม" หรือ "บุคคล" ใดบุคคลหนึ่งมากไปไหม มีความขัดแย้งในทีมบริหารไหม กลุ่มผู้ถือหุ้นบริษัทมีเสถียรภาพพอไหม เป็นต้น
กิจการที่ดี ที่น่าลงทุนนอกจากจะมีแผนป้องกัน(Preventive) แล้วก็จะมีแผนสำรองหรือแก้ไข (Corrective) ควบคู่ด้วยเสมอ เวลามีการประชุมหรือสัมมนาบริษัท นักลงทุนสามารถสอบถามสิ่งเหล่านี้เพื่อตรวจสอบวิสัยทัศน์ของบริษัทได้นะคะ หากยกมือถามแล้วผู้บริหารไม่มีแผนเหล่านี้หรือตอบไม่ได้ แนะนำให้พักไว้ก่อนนะคะ แยกย้ายก่อนค่ะ 😅
ทีนี้หลายๆคนคงมีคำถามว่า แล้ว บมจ.ไหนบ้างที่พอจะเป็นแม่แบบหรือตัวอย่างให้เราได้บ้างหล่ะ สำหรับเคทเองเวลามีคนถามถึง บริษัทที่น่าลงทุนและควบคุมความเสี่ยงได้ดี เคทมักจะยกตัวอย่าง 2 บริษัทนี้ค่ะ
บริษัทแรกนั้น เป็นบริษัทที่มีกิจการเชนอาหารและโรงแรมที่ใหญ่ ครอลคลุมในหลายภูมิภาคของโลก การที่กิจการกระจายไปหลายภูมิภาคของโลกนั้น ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงได้ดีมากๆ การที่คุณมีพอร์ตการลงทุนหลายกระเป๋า มันทำให้เกิดสภาพคล่องหมุนเวียนได้อยู่ตลอดเวลา(แม้ที่ใดที่หนึ่งจะมีปัญหาก็ตามแต่ที่อื่นๆจะยังผลิตเงินให้คุณได้อยู่) เพราะคุณไม่ได้พึ่งเพียงแค่กระเป๋าใบใดใบหนึ่ง
และที่สำคัญโอกาสที่วิกฤตจะเกิดขึ้นกับทั่วทุกภูมิภาคบนโลกนี้เป็นเรื่องยากมากๆ
อีกทั้งการขยายธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ผลตอบแทนคุ้มค่า จากอาหารสู่โรงแรม การแมทชิ่งและ ความสอดคล้องของกิจการอาหารกับโรงแรมนั้นเป็นอะไรที่ไปด้วยกันได้ดีทีเดียว คุณสามารถควบคุมห่วงโซ่อุปทาน(Supply Chain)ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงควบคุมต้นทุนโลจิสติกส์ได้ดีด้วย รูปแบบของกิจการมีลักษณะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ในด้านการบริหาร การแก้ไขปัญหาช่วงที่ผ่านมาในช่วงโควิด ตลอดรวมถึงวิกฤตก่อนหน้านั้นมีวิธีการแก้ไขได้อย่างรวดเร็วน่าทึ่งมากค่ะ อาจจะมีข้อเสียเล็กๆตรงที่ ภาพลักษณ์ของผู้บริหารมีอิทธิพลต่อองค์กรสูงมาก อนาคตอาจไม่ได้เติบโตเท่าที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม ภาพรวมพื้นฐานของบริษัทถือว่ามีความเป็นระบบ มีความแข็งแกร่งมากค่ะ
อีกบริษัทหนึ่ง เป็นบริษัทอาหารชื่อดังของไทย จากที่ได้ติดตามดูมีการพัฒนาปิดจุดอ่อนของตนเองอยู่ตลอดเวลา ตั่งแต่การขยายการส่งออกสินค้าไปในหลายภูมิภาคทั่วโลก อีกทั้งมีการบริหารจัดการวัตถุดิบที่เป็นต้นน้ำได้อย่างดี กล่าวคือ มีการลงทุนแหล่งเพาะพันธุ์แหล่งผลิตวัตถุดิบไว้ในหลายๆภูมิภาค เพื่อป้องกันการขาดแคลนวัตถุดิบ รวมถึง แก้ปัญหาระบบโลจิสติกส์อีกด้วย เมื่อกิจการมีการค้าขายหลายทวีปหลายภูมิภาค บริษัทจึงมีการบริหารความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเป็นอย่างดี
จากที่กล่าวมา 2 บริษัทนี้เป็นตัวอย่าง "นิยาม" ของบริษัทที่ดีที่น่าลงทุนในความหมายของเคทค่ะ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะคะ หากผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ และหากเพื่อนๆมีอะไรเสนอแนะเพิ่มเติม เชิญคอมเม้นท์ได้ตามอัทธยาศัยเลยค่ะ
มิ้วๆ
โฆษณา