21 ก.พ. 2021 เวลา 17:47 • กีฬา
#บอลหลังไมค์ #มิลานดาร์บี้
เป็นอีกหนึ่งนัดที่สกอร์ขาดลอยเหลือเชื่อเมื่อเปรียบเมื่อเทียบกับรูปเกม
ถึงได้มีคำสอนกับคนรักฟุตบอลว่า ถ้าจะดูบอลเชียร์บอลทั้งที “อย่าดูแค่ไฮไลท์”
“งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน เล่นงาน “ปีศาจแดงดำ” เอซี มิลาน ขาดลอย 3-0 ทะยานหนีคู่ปรับร่วมเมืองไป 4 คะแนน หลังจากผ่านไป 23 เกม
ในศึกดาร์บี้แมตช์ The Derby della Madonnina ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ทั้งสองทีมเจอกันในฐานะจ่าฝูงและรองจ่าฝูง
เป็นความบังเอิญที่ว่า เอซี มิลาน ลงเล่นในฐานะ"รองจ่าฝูง"เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2020 เป็นต้นมา หลังจากเกมที่พวกเขาชนะ อินเตอร์ มิลาน มาได้ 2-1
แต่พอขึ้นปีใหม่ มิลาน แพ้ไป 3 เกม และชนะได้ 4 นัด แต่เกมล่าสุดพลิกล็อคแพ้ สเปเซีย ทำให้เสียบัลลังก์ฝูงเป็นครั้งแรกในรอบ 119 วัน
อินเตอร์ แซงขึ้นมาเป็นผู้นำจ่าฝูงแทนเป็นที่เรียบร้อย หลังจากตามติดชิดยิ่งกว่าเงา ยืนอันดับ 2 มาตั้งแต่ 22 พฤศจิกายนปีที่แล้ว
ทีนี้พอลงบี้กัน “ขุมกำลังเชิงลึก” ได้เห็นชัดเจนว่า ตอนนี้ อินเตอร์ ของ อันโตนิโอ คอนเต้ น่าจะดีสุดในลีก
เอาเป็นว่าตัวสำรองที่เปลี่ยนลงไปคือ โรแบร์โต้ กาญาร์ดินี่, อาร์ตูโร่ วิดาล, แอชลี่ย์ ยัง, มัตเตโอ ดาเมี่ยน และอเล็กซิส ซานเชซ เรียกว่าอยู่ทีมอื่นเป็นตัวจริงสบาย
แพลนเกมของ คอนเต้ คือ 3-5-2 ชัดเจนมาก โดยเฉพาะเขากำลังได้กองกลางลงตัว 3 คน 3 สไตล์ นั่นคือตัวปักหลักเป็นเข็มทิศอย่าง มาร์เซโล่ โบรโซวิช พร้อมกับมีบ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ ที่วิ่งไม่มีหมดนั่นก็คือ นิโกโล่ บาเรลล่า และตัวเทคนิคอย่าง คริสเตียน เอริคเซ่น
วิงสองฝั่งซ้ายขวา อาชราฟ ฮาคิมี่ ทิ้งรอยโหว่ให้ ดอร์ทมุนด์ ต้องแก้ไข เมื่อเขาเลือกมาที่นี่ และอีกฝากคือตัวเก๋าอย่าง อีวาน เปริซิซ
ขณะที่กองหน้าคู่ โรเมลู ลูกากู กับ เลาโตโร่ มาร์ติเนซ เข้าคู่กันได้ดีมาก เกมนี้สองคนนี้ทำรวมกัน 3 ประตู
มาร์ติเนซ โหม่งเบิกร่องตั้งแต่ยังไม่ 5 นาทีแรกจากการเปิดของ ลูกากู จากนั้น มาร์ติเนซ ทำประตูสำคัญสุด ๆ ให้ทีมนำ 2-0 ในช่วงเวลาที่ มิลาน กำลังถล่มแหลกจน อินเตอร์ โงหัวไม่ขึ้น
ไม่รู้พักครึ่ง สเตฟาโน่ ปิโอลี่ กุนซือวัย 55 ปีชาวปาร์ม่า ของมิลาน สับแหลกอะไรมา ทำให้ มิลาน ลุยหนัก และน่าจะได้ประตูจะ ๆ ถึง 3 ครั้ง 3 ครา
แต่ทั้งหมดนั้นถูกปฏิเสธโดย ซาเมียร์ ฮันดาโนวิช นายประตูกัปตันทีมของอินเตอร์
ลูกโหม่งจะ ๆ 2 ครั้งที่ต้องเข้าแน่ ๆ ของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช และลูกยิงของ ซานโดร โตนาลี่ มันต้องเข้าไปแล้ว
มิลาน ที่พับบุกแบบจริงจังแบบข้างเดียวตั้งแต่เริ่มต้นครึ่งหลัง แต่มาโดนสวนโครมเดียวหงายท้อง จากการต่อบอลที่แม่นยำด้วยเซ้นส์ของนักฟุตบอล
แต่ มิลาน ก็ยังคงเดินหน้าถล่มแหลก แต่ด้วยจังหวะสวนกลับอีกครั้งก็เสียประตูที่ 3 ด้วยความสามรารถเฉพาะตัวของ ลูกากู ที่ได้บอลเกือบครึ่งสนามแล้วลากไปสังหารกับคำว่า “เบียดเสาเข้าประตู”
มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
ลูกากู เป็นคนละคนกับตอนอยู่กับ แมนฯยูไนเต็ด แบบสิ้นเชิง และกลายเป็นคนแรกในรอบ 48 ปีที่ยิงประตูในมิลานดาร์บี้ 4 นัดติดต่อกัน
อหังการ์อินเตอร์ ดับฝันมิลาน ที่กลับมามีลุ้นแชมป์แบบทุกคนงง ๆ แล้วถามว่า ตอนนี้ ทีมของปิโอรี่ ถึงขั้นที่ว่า “ทองลอก” แล้วล่ะหรือ
พระเจ้าอย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เกมนี้มีโอกาสหลายครั้ง และยังเป็นที่พึ่งได้เสมอ แต่ไม่สามารถเล่นได้ครบ เมื่อโดนเข้ามาสลับกันประกบ และรุมกินโต๊ะของ 3 กำแพงเหล็กอินเตอร์ทั้ง มิลาน สครีเนียร์, สเตฟาน เดอ ฟราย และอเลสซานโดร บาสโตนี่ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
อีกอย่างก็คือ บอลมิลานใช้ความสามารถเฉพาะตัวมากเกินไป การเล่นเป็นกลุ่มไม่ค่อยมี แต่ยังดีกว่าตอนที่ใช้ ซูโซ่ กับ เคราร์ด เดโลเฟว เล่นกันไปเรื่อยเมื่อสองปีก่อน
ประเด็นคือ “คุณภาพเชิงลึก” กับฤดูกาลที่ยาวไกล เราเห็นได้ชัดจาก”ตัวเปลี่ยน”
ประเด็นคือ “การเล่นเป็นทีม” ที่วันนี้ อินเตอร์ ใช้จุดนี้เล่นงานจน “การเล่นแบบศิลปิน”ของ มิลาน จนจบไม่ลง
ไม่แปลกอะไรที่จะบอกว่า แมน ออฟ เดอะ แมทช์ หลายคนจะยกให้ โรเมลู ลูกากู
แต่ แมน ออฟ เดอะ เดย์ ขอยกให้ ฮันดาโนวิช ถ้าไม่มีลูกเซฟแบบบ้าบอจนคนยิงท้อใจ
“ไฟนอล สกอร์” มันอาจจะกลับฝั่งก็ได้เช่นกัน
#บีแหลมสิงห์
โฆษณา