6 มี.ค. 2021 เวลา 03:39 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ตลาดหุ้น Nasdaq ที่กำลังเกิดการเทขายทำกำไรในเวลานี้ และถ้าเกิดการcorrection ของตลาด ทำไมตลาดหุ้น Nasdaq จะเป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงมามากที่สุด
price channel ของ ดัชนี S&P 500
จากกราฟนี้คือกราฟดัชนี S&P 500 ในระดับ Time frame week
เเท่งเทียนแต่ละแท่งมีความหมายเท่ากับหนึ่งสัปดาห์
จากกราฟทุกคนจะเห็น Channel ของ trendline Bullish channel trendline ในระดับ Timeframe week ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2008 จนถึงปัจจุบัน
เมื่อZoomout กลับไป ทำให้เราได้รู้ว่าbullish channel นี้ ทำหน้าที่เป็นทั้งแนวรับและแนวต้าน ทุกครั้งที่ราคาปรับตัวลดลงถึงแนวรับของTrendline channel นี้ จะมีแรงซื้อมหาศาลเข้ามา และเมื่อราคา อยู่ในระดับแนวต้านของ channel จะมีแรงเทขายทำกำไรออกมามากเช่นกัน
กลับไปใน time frame day ของดัชนี S&P500 ทุกคนจะเห็นการปฏิเสธราคาหรือการขายทำกำไรจากresistance channel นี้ ดังนั้นถ้าเราจะลงทุน เราจะไม่ลงทุนที่แนวต้าน มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดี การรอและเกิดการpull back ของราคา จะทำให้เรามีต้นทุนที่ดีกว่ามาก
เหมือนตอนวันที่ 29 ตุลาคม 2020 เราสามารถเข้าลงทุนในตลาด S&P 500 หลังจากเกิดการbreak out ของราคา เพื่อคาดหวังให้ราคาปรับตัววิ่งขึ้นไปที่bullish channel ด้านบน
S&P500 timeframe 8 ชั่วโมง
ตอนนี้มีแท่งเทียนที่หลุดออกจากchannelแล้ว แต่ก็มีแรงซื้อเข้ามามหาศาลดึงแรงซื้อขึ้นไป
ดังนั้นนี้คือkey levelที่เราต้องจับตาดู
เพิ่มIndicator เข้าไปในชาร์ต
ในส่วนนี้จะเป็น Indicator ที่มีชื่อว่า Rsi มีการ building divergence เกิดขึ้น
เรามี 3 lower low ในprice แต่เรามี 3 higher low ใน RSI indicator ดังนั้น Bullish divergence และ key level ของsupport bullish channel ถ้าแรงซื้อสามารถชนะแรงขายได้ จะมีโอกาสสูงที่ราคาจะวิ่งกลับขึ้นไปเพื่อtest แนวต้านเดิมอีกครั้ง
ดัชนี้Nasdaq Timefram day
จากกราฟตอนนี้ราคาได้มีการ Developed head & shoulders pattern ขึ้นมา สิ่งที่ต้องระวัง ซึ่งถ้าราคามีการหลุดเส้น neckline เราจะใช้ส่วนสูงจาก neckline ไปจนถึงส่วน head เพื่อที่จะคำนวณการปรับตัวลดลงของราคา
ดัชนี Nasdaq timeframe week
ในส่วนดัชนี Nasdaq มี Bullish channel เหมือนกับดัชนี S&P500 ซึ่ง Key level ที่เราควรจับตามองที่จะเกิดการปรับตัวลงมาเทสของราคาก็คือรResistant bullish channel ซึ่งในตอนนี้มีมีprobability ที่สูงมากที่จะมีเเรงขายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
อีกเหตุผลนึง ที่หุ้น Growth ต่างๆจะมีเเรงเทขายทำกำไรมหาศาลออกมานั้นก็คือการปรับตัวเพิ่มขึ้นของ us bond 10 year yield
จากจุดต่ำสุดในเดือนกรกฎาคมปีที่เเล้วอัตราดอกเบี้ยได้ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 200%
ดังนั้น higher interest rate หมายถึง lower growth expectations ซึ่งหุ้นในดัชนี Nasdaq คือหุ้น growth หุ้นที่มี PE สูง หุ้นที่มีการกู้เงิน taking a lot of debt
เพื่อทำให้ตัวเองเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น
ดังนั้น หุ้น Growth ต่างๆจะไม่ชอบสภาวะที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นครับ
1
เมื่อหกวันที่แล้วบังได้โพสต์ภาพนี้ลงบน Facebookfanpage ครับ
ในช่วงเวลานี้มีโอกาสเกิด Asset rotation สูงมาก
การเปลี่ยน Asset จากหุ้น Growth กลับไปสู่หุ้นคุณค่าอีกครั้ง
อีกหนึ่งตัวอย่างที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือ ARK ETF
ช่วงPandemic สภาวะดอกเบี้ยระดับต่ำช่วงเวลานั้นได้สร้าง perfect environment ที่ทำให้เกิด bubble price เข้ามามหาศาลในหุ้น Growth รวมทั้งกองทุน ARK
การเทขายหรือสับเปลี่ยนจะดึงให้เกิด panic มากแค่ไหนต่อภาพรวมของตลาดหุ้น
KEY ในส่วนนี้ คือสิ่งที่พวกเรานักลงทุนต้องตามหาคำตอบครับ
เพราะความรู้คือของขวัญที่ดีที่สุด
ติดตามบังผ่าน Facebook fanpage
ตอนนี้บังได้สร้างซีรีส์อัลบั้มของบทความไว้เเล้ว
สำหรับคนที่สนใจสามารถติดตามอ่าน
ย้อนหลังได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้เลยนะครับ
ถ้าตลาดหุ้นกำลังจะถล่ม
เราอยู่ในจุดที่ต่ำสุดเเล้วหรือยัง ?
โฆษณา