23 มี.ค. 2021 เวลา 01:10 • กีฬา
Greatest Comebacks PremierLeague
บอกโลกว่า....ข้าตายยาก!!!!
เกมลูกหนังพรีเมียร์ลีก นัดปิดท้ายก่อนจะย้ายไปเตะทีมชาติครั้งแรกในรอบกว่า 4 เดือน เล่นกันได้แบบสะเทือนสุด ๆ ในเกมดาร์บี้แมทช์มหานครลอนดอน
"ขุนค้อน" เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ทีมบ้านใกล้เรือนเคียงกับ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ที่ห่างกันแค่ 7 ไมล์ เสมอกันสนั่นทุ่ง 3-3 แต่เป็นการเสมอที่น่าจดจำยิ่ง
เมื่อ เวสต์ แฮม ออกนำไปก่อน 3-0 แต่กลับโดนรัวคืนและแบ่งแต้มไปจบที่สกอร์ 3-3 ถือเป็นการ"คัมแบ๊ก"ที่สุด ๆ มากของ อาร์เซนอล
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อกับเหตุการณ์นี้ และไม่น่าเชื่อชุบแป้งทอด เพราะมีการ"โกงตาย"ในแบบเดียวกันนี้มาแล้วถึง 3 ครั้งในฤดูกาลนี้
นัดที่ 1 วันที่ 26 กันยายน 2020
"เดอะ แบ๊กกีส์" เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ทะยานนำ เชลซี 3-0 หลังจากผ่าน 27 นาทีแรก ด้วยประตูของ คัลลัม โรบินสัน 2 ลูก นาทีที่ 4 กับ 25 และไคล์ บาร์ทลี่ย์ นาทีที่ 27 ทำให้การประเดิมตัวปราการหลังจอมเก๋าอย่าง ธิอาโก้ ซิลวา ทำท่าจะเน่า
สุดท้ายสกอร์ดันมาจบเฉยที่ 3-3 เพราะ เชลซี ในยุคที่ยังเป็น แฟรงค์ แลมพาร์ด คุมทัพ กลับมาตีเสมอได้จาก เมสัน เมาท์ นาทีที่ 55, คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย นาทีที่ 70 และแทมมี่ เอบราแฮม ตีเสมอทดเจ็บ 90+3
นี่คือช็อคแรกของซีซั่น
นัดที่ 2 วันที่ 18 ตุลาคม 2020
เกมดาร์บี้แมทช์กรุงลอนดอน "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ใช้เวลาเพียง 16 นาทีเท่านั้นออกนำ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ที่เพิ่งได้ เดวิด มอยส์ กลับมาจากติดเชื้อโควิด-19 ห่างถึง 3-0
สกอร์มาเร็วตั้งแต่นาทีแรกจาก ซน ฮึง มิน จากนั้น แฮร์รี่ เคน เบิ้ลสองเม็ด นาทีที่ 8 กับ 16 ให้ สเปอร์ส ตีปีกหนีไปไกล และนำยาวด้วยสกอร์นี้ไปจนถึงนาทีที่ 82
กลายเป็นประตูของ ฟาเบียน บัลบูเอน่า ที่ทำให้ผู้มาเยือนไล่มา 1-3 และนาทีที่ 85 เค้าลางหายนะเริ่มมาเยือนเมื่อ ดาวิซอน ซานเชส พังประตูตัวเอง ก่อนที่ มานูเอล ลานซินี่ จะยิงนาทีที่ 90+4
จบเหมือนกัน 3-3 เป็นการประเดิม แกเร็ธ เบล ที่ สเปอร์ส ไปยืมมาจาก เรอัล มาดริด ได้สุดจืดสนิทจริงๆ
นัดที่ 3 วันที่ 21 มีนาคม 2021
"ขุนค้อน" เวสต์แฮม ลุ้นกำชัยให้ได้เพื่อทาบคะแนนในตำแหน่งท็อปโฟร์ และฝันทำท่าจะสำริดผลเมื่อนำ อาร์เซนอล หลังจากผ่าน 32 นาที ไปไกลถึง 3-0
การไล่ต้อนแบบข้างเดียวจนได้มา 3 เม็ด จาก เจสซี่ ลินการ์ด ที่ทำประตูคัมแบ๊กทีมชาติอังกฤษหนแรกรอบ 2 ปี นาทีที่ 15 และอีก 92 วินาทีให้หลัง จาร์ร็อด โบเว่น ก็ยิงได้จากการเล่นฟรีคิกเร็ว และโธมัส ซูเซ็ค แตะบอลเปลี่ยนทางจากลูกโขกของ มิคาอิล อันโตนิโอ ตุงตาข่าย
จากนั้นความรุงรังบังเกิด เมื่อการหมุนตัวยิงของ อเล็กซงดร์ ลากาแซตต์ ไปแฉลบ ซูเซ็ค เข้าไปเสียบตาข่ายนาทีที่ 38 ทำให้เกมทำท่าจะกลับ จากนั้นครึ่งหลังคนละม้วนกับครึ่งแรกไปเลย
อาร์เซนอล บุกแหลกและได้ประตูสำคัญในนาทีที่ 61 เมื่อ เคร็ก ดอว์สัน พังประตูตัวเองติดต่อกันเป็นนัดที่ 2 ก่อนที่ ลากาแซตต์ คนเดิมจะขวิดลูกเปิดที่เสาสองตีเสมอนาทีที่ 82
แบ่งแต้มไปแบบยิ่งกว่าเข้าโครงการคนละครึ่ง!!!
๐ สถิติการโกงตาย
ไม่ใช่ว่าเหตุการณ์เพิ่งจะเกิดขึ้น แต่มันมีมาแล้วรวมทั้งสิ้น 22 ครั้งด้วยกันในฟุตบอลอังกฤษ ยุคพรีเมียร์ลีก ในการที่ทีมนำก่อน 3 ประตูแล้ว"ไม่ชนะ"
หลายเกมอยู่ในหัวใจของแฟนฟุตบอล และยากเหลือเกินที่จะเอาออกจากความทรงจำของแฟนฟุตบอล โดยเฉพาะฝั่งที่"ถูกกระทำ"
สุดยอดเกมที่ยกตัวอย่างได้ก็คือ สเปอร์ส ที่ออกนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ห่างไกลในครึ่งแรก 3-0 เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2001 ทุกอย่างดูจะง่ายไปหมด สำหรับทีมของ เกล็น ฮ็อดเดิ้ล
กลายเป็น แมนฯยู ที่กลับมาได้อย่างเหลือเชื่อ ยิง 5 ประตูรวด จาก แอนดี้ โคล, โลรองต์ บลองก์, รุด ฟาน นิสเตลรอย, ฮวน เวรอน และเดวิด เบ๊คแฮม ทำให้ แมนฯยู กลับมาชนะยิ่งกว่าผีหลอก 5-3
ขณะที่เกมใหญ่อย่าง "วันแดงเดือด" ก็เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เมื่อ แมนฯยู บุกมานำที่แอนฟิลด์ 3-0 ด้วยการใช้เวลาเพียง 24 นาที เมื่อ 4 มกราคม 1994
แต่หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล รัวคืนได้ 3 ประตูจาก ไนเจล คลัฟ สองประตู และลูกโหม่งพลีชีพของ นีล "เรเซอร์" รัดด็อก แบ่งแต้มได้แบบเป็นตำนาน
อย่างไรก็ดี ลิเวอร์พูล มีความทรงจำด้านมืดกับการโดนคู่แข่งคัมแบ๊ก เมื่อปี 2014 ในนัดรองสุดท้ายของซีซั่น เมื่อบุกไปนำ คริสตัล พาเลซ 3-0 ก่อนจะบุกอีกเพื่อหวังผลกับประตูได้เสียในการลุ้นแชมป์์ แต่กลับกลายเป็นแผนที่ผิดพลาดครั้งร้ายแรงของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส
เจ้าถิ่นไล่ตามตีเสมอ 3-3 ด้วยการใช้เวลาห่างเพียง 9 นาทีเท่านั้่น ตั้งแต่เม็ดแรกนาทีที่ 79 กระทั่งเม็ดเสมอนาทีที่ 88 จนเป็นที่มาของคำว่า Crystanbul
๐ ที่สุดแห่งการคัมแบ๊ก
ในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก ไม่เพียงแต่การตามหลัง 3 ประตูแล้วกลับมาไม่แพ้ แต่มี 1 เกมในตำนานที่มีการออกนำก่อนถึง 4 ประตู แต่ผลลงท้ายจบลงด้วยการเสมอกัน เมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2011
ท่ามกลางแฟนบอลกว่า 5 คนที่ไทน์ไซด์ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล เปิดรังเซนต์ เจมส์ พาร์ค และทำท่าว่าจะยับเยินแบบไร้หูรูด เมื่อโดน “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล บุกมานำห่างไกลถึง 4-0 ในครึ่งแรก
26 นาทีผ่าน สกอร์ขาดแบบไม่น่าเป็นไปได้ เมื่อทัพกันเนอร์สจากลอนดอน ได้ประตูจาก ธีโอ วัลค็อตต์ ตั้งแต่นาทีแรก, โยฮัน ฌูรู นาทีที่ 3 และโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ สองเม็ดนาทีที่ 10 กับ 26
สกอร์บอร์ดจอดแช่ในครึ่งแรก 4-0 และทอดยาวมาถึงนาทีที่ 68 ไข่ก็มาแตกจากจุดโทษของ โจอี้ บาร์ตัน กองกลางสายคลั่งของเจ้าบ้าน
จากนั้นทุกอย่างก็ได้เวลาเปิดบันทึกหน้าใหม่
ลีออน เบสต์ ยิงประตูให้ทีมไล่มา 2-4 นาทีที่ 75 และมาถึงนาทีที่ 83 บาร์ตัน ก็สังหารจุดโทษเข้าไปอีกให้สกอร์เหลือห่างจาก 4 ขยับมาที่ 1 ลูกเท่านั้น
แล้วการซัดไกลของ ชีค ติโอเต้ เข้าไปเสียบตาข่ายนาทีที่ 87 ทำให้ นิวคาสเซิ่ล ได้รับตำแหน่ง “คัมแบ๊ก คิง” มาครอง เมื่อสกอร์เกมนั้นจบลงแบบกองเชียร์เกือบครึ่งสนามกลับบ้านไปแล้ว
4-4 สกอร์นี้เหลือเชื่อสุดๆ!!!
บี แหลมสิงห์
โฆษณา