23 มี.ค. 2021 เวลา 03:27 • นิยาย เรื่องสั้น
กั้งโกบ (ตอนจบ)
 
ป้าเพ็ญเล่าว่า .....
“เดิมที ป้าอาศัยอยู่ในอีกจังหวัดหนึ่ง ตอนนั้นป้าอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับลุงชิดกับป้าสาย ส่วนก้อยและแก้มเป็นลูกของญาติทางลุงชิด วันนั้นพ่อกับแม่เด็กสองคนนั้นไม่อยู่ ไปทำธุระในตัวอำเภอเป็นระยะทางไกลมาก จึงฝากลูกสองคนไว้กับเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านก็พาไปเลี้ยงควายที่ทุ่งท้ายหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ติดกับป่าช้า เพื่อนบ้านคนนั้นเผลอหลับไป พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็ไม่เห็นเด็กสองคนนั้นแล้ว จึงตกใจและวานคนในหมู่บ้านช่วยกันตามหา ป้าเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ช่วยตามหาด้วย”
ป้าเพ็ญหันซ้ายแลขวาด้วยความหวาดระแวงในบรรยากาศที่มืดสนิทตอนนี้
“พอพ่อกับแม่ของเด็กสองคนนั้นกลับมาก็ร้องไห้วิ่งหาลูกพล่านไปทั่ว จนเพื่อนบ้านต้องพากันจับไว้ให้สงบสติลง หากันจนเย็นก็เจอร้องเท้าของเด็กสองคนในเขตป่าช้า พอพากันหาอีกก็หาไม่เจอ จนต้องไปแจ้งความไว้ เด็กสองคนหายไปในป่าช้า 3 วัน มีชาวบ้านไปเจอเด็กสองคนนั้นนอนสลบอยู่ตรงชายป่าเลยรีบช่วยเหลือ พ่อกับแม่ของเด็กก็ดีใจมากที่ได้ลูกกลับคืนมา แต่หารู้ไม่ว่า... เด็กสองคนนั้นได้พาสิ่งชั่วร้ายกลับออกมาด้วย
เพราะป้าได้ยินมาว่า หลังจากที่เด็กสองคนนั้นกลับมา พ่อกับแม่ของเด็กก็เห็นภาพหลอนเป็นตัวเองถูกแขวนคออยู่บนขื่อบ้าน แบะมีเด็กสองคนยืนดูอยู่ข้างๆ ทั้งสองคนเลยไปปรึกษาลุงชิดกับป้าสาย แต่ยังไม่ทันไร 3 วันต่อมา พ่อกับแม่ของเด็กก็ตายอยู่ในบ้าน เห็นเขาว่าหัวใจล้มเหลว หลวงพ่อก็หาสาเหตุเกี่ยวกับเด็กสองคนนั้นไม่ได้ เลยให้ลุงชิดกับป้าสายพาเด็กสองคนนั้นมาฝากไว้ที่วัดก่อนเพราะไม่มีใครกล้ารับฝาก
พอเช้าวันต่อมา หลวงพ่อก็พาเด็กสองคนนั้นมาคืนลุงชิดกับป้าสาย เพราะหลวงพ่อเห็นภาพหลอนเป็นตัวของหลวงพ่อเองถูกแขวนคออยู่บนขื่อในกุฏิ ข้างๆกันนั้นมีเด็กสองคนนั้นยืนอยู่ ลุงชิดกับป้าสายได้ยินแบบนั้นก็เป็นห่วงหลวงพ่อ เลยต้องรับเด็กสองคนนั้นมาดูแลเอง
3 วันต่อมา หลวงพ่อก็มรณะภาพ เห็นเขาว่าหัวใจล้มเหลว ไม่พอแค่นั้น 1 อาทิตย์ถัดมา ลุงชิดก็เห็นภาพหลอน เห็นเป็นป้าสายแขวนคออยู่บนขื่อบ้าน พอป้าเองรู้เรื่องเข้าก็กลัวมาก เลยหนีมาอยู่กับญาติที่นี่ แต่ไม่คิดว่าเด็กสองคนนั้นจะตามมาถึงที่นี่ อีกอย่าง....
...ตอนที่เหลียวมาแจ้งข่าวว่า ลุงชิดโทรมาบอกว่าป้าสายผูกคอตาย ป้าคิดว่า ผีร้ายนั่น มันคงหลอกให้เหลียวออกจากบ้านแน่ๆ “
พอแนมกับยายได้ฟังป้าเพ็ญเล่าก็แทบจะลมจับ ยายสะกิดแนมบอกให้รีบกลับบ้าน เพราะเป็นห่วงเหลียวกับตา แนมจึงไหว้ป้าเพ็ญก่อนจะพายายกลับ แนมมองดูโทรศัพท์ก็พบว่า เหลียวโทรมานับสิบๆสาย ทั้งส่งข้อความมาบอกแนมว่า ‘อย่ากลับบ้าน’ แนมก็งงว่าทำไมไม่ให้กลับบ้าน แนมเลยโทรหาเหลียว แต่โทรไม่ติด แนมเลยรีลวิ่งไปหา’ตาเอี่ยม’ที่บ้านอยู่ใกล้กับวัด ให้ตาเอี่ยมขับรถพาแนมกับยายกลับบ้าน พอรถออกไปไม่ถึงครึ่งทาง ก็เห็นเป็นรถมอไซต์ของเหลียวขับผ่าน แนมจึงทักขึ้น เหลียวจึงรีบบอกให้เลี้ยวรถกลับไปที่วัดโดยเร็ว ทั้งหมดจึงกลับไปที่วัดอีกครั้ง พอมาถึงที่วัดแนมไม่รอช้า รีบเอ่ยปากถามเหลียวทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงให้กลับมาที่วัดอีก เหลียวอธิบายว่า....
“...ตอนกลับถึงบ้าน ตะโกนเรียกก็ไม่มีใครขานรับเลย เดินขึ้นไปดูบนบ้าน พอเปิดไฟ ก็เห็น...
....เห็นเป็นภาพหลวงพี่เอกถูกแขวนคออยู่บนขื่อบ้าน และมีเด็กสองคนยืนอยู่ข้างๆเหมือนตอนนั้น จึงตกใจมาก โทรหาแนม แนมก็ไม่รับสายเลยส่งเป็นข้อความทิ้งไว้ ก่อนจะรีบโทรหาลุง เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ลุงฟัง ลุงจึงขอโทษที่ไม่ได้บอกเพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องงานศพของป้า ลุงเล่าว่าที่ลุงรับเด็กสองคนนั้นมาอยู่บ้าน ลุงเห็นภาพหลอนเป็นป้าถูกแขวนคออยู่บนขื่อบ้าน ตอนเช้ามีพระธุดงค์รูปหนึ่งมายืนอยู่หน้าบ้านลุง พระธุดงค์รูปนั้นบอกกับลุงว่า ผีร้ายตนนั้นมันแฝงอยู่ในร่างคนๆหนึ่งที่สนิทกับลุงและเป็นหนึ่งในกลุ่มชาวบ้านที่ออกตามหาเด็กสองคนนั้นด้วย คนๆนั้นตั้งใจทำให้ผีร้ายแฝงตัวเองออกมาจากป่าช้าด้วยเหตุผลบางอย่าง ที่สำคัญคือ เด็กสองคนนั้นไม่ใช่ผีร้าย แต่หากเป็น ‘ยายทวดกั้งและยายทวดโกบ’ ซึ่งสองท่านนั้นเป็นเจ้าที่ป่าช้า ที่แฝงอยู่ในร่างเด็กสองคนนั้นเพื่อมาตามผีร้ายตนนั้น ส่วนเรื่องที่เห็นภาพหลอนเป็นคนนั้นคนนี้ถูกแขวนคอ ก็เป็นเพราะท่านนิมิตภาพให้เห็นเพื่อเป็นลางบอกเหตุว่าใครคือเหยื่อของผีร้ายตนนั้น ผีร้ายตนนั้นพยายามทำให้คนอื่นเข้าใจว่า คนที่ตายเป็นฝีมือของยายทวดกั้งและยายทวดโกบ ลุงบอกว่า ลุงคิดอยู่นานว่าผีร้ายตนนั้นแฝงตัวอยู่กับใคร จนนึกได้ว่า ลุงเป็นคนต่างถิ่นแล้วย้ายมาอยู่กับป้าตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ จึงมีคนรู้จักและสนิทกันเพียงคนเดียว คนๆนั้นย้ายมาอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับลุง คนๆนั้นก็คือ ‘ป้าเพ็ญ’ ป้าเพ็ญเป็นคนเดียวที่เคยอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับลุงก่อนย้ายมาอยู่กับป้า และหนีมาอยู่กับญาติท้ายวัดที่นี่ “
ถึงตอนนี้ ทุกคนถึงกับอึ้ง กับสิ่งที่เหลียวเล่า เหลียวยังพูดอีกว่า ลุงบอกงานศพเดี๋ยวลุงจัดการเอง
ทางด้านแนมเองก็ไม่คิดว่าจะโดนป้าเพ็ญหลอกให้ตายใจ เหลียวจึงตัดบท ว่าให้ไปตามหลวงพี่เอกเพราะเป็นห่วง ทุกคนเดินไปที่กุฏิ เหลียวตะโกนเรียกหลวงพี่เอก หลวงพี่เอกก็เปิดประตูออกมาจากกุฏิ
“มีอะไรกันเหรอโยมน้อง เรียกเสียงดังเชียว”
“ไม่มีอะไรค่ะหลวงพี่”
แนมพูดตัดบทขึ้น
“ไม่มีอะไรงั้นหลวงพี่เข้ากุฏิก่อนแล้วกัน โยมน้องก็พากันกลับได้แล้วนะ ดึกแล้ว”
หลังจากหลวงพี่เอกกลับเข้ากุฏิ ทุกคนตกลงกันว่าจะแวะไปที่บ้านญาติของป้าเพ็ญ แนมแอบหวั่นในใจว่าหากเป็นอย่างที่ลุงชิดพูดจริงๆจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นรึเปล่า พอไปถึงหน้าบ้านญาติป้าเพ็ญ เหลียวเดินเข้าไปเคาะประตู ทั้งเรียกทั้งเคาะก็ไม่มีใครเปิดประตูออกมา
“งัดเข้าไปเลยมั้ย”
เหลียวพูดขึ้น
“ไม่ได้นะ ถ้าเค้าเอาผิดขึ้นมา เจอข้อหาบุกรุกเลยนะ”
แนมพูดเตือนสติเหลียว
 
!!พลั่ก!!!
ตาเอี่ยมใช้เท้าถีบประตูไม้อย่างแรง จนประตูแง้มออกจากกัน เนื่องจากประตูเป็นไม้ที่เก่ามาก เหลียวเห็นดังนั้นจึงสมทบอีกแรง ใช้เท้าถีบอีกครั้งจนกลอนด้านในหลุดออกจากบานประตู
“แนมอยู่กับยายข้างนอกนะ เดี๋ยวพี่กับลุงเอี่ยมจะเข้าไปดู”
ข้างในปิดไฟมืด ทั้งสองสาวเท้าเข้าไปอย่างไม่รีรอ แต่ไม่ทันไร เท้าของเหลียวก็เตะเข้ากับบางอย่าง เหลียวจึงรีบเปิดไฟจากมือถือส่องไปยังสิ่งที่อยู่บนพื้นนั้น
“เฮ้ยยย!!!”
เหลียวอุทานด้วยความตกใจกับภาพตรงหน้า
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของทุกคนคือ ศพ! ศพของตายายที่เป็นญาติของป้าเพ็ญ ข้างๆกันนั้น ก็พบศพของป้าเพ็ญนอนอยู่บนพื้นเช่นเดียวกัน ตาเอี่ยมไม่รอช้ารีบไปแจ้งข่าวทันที เหลียวรีบพายายกับแนมไปขึ้นรถเพื่อไปส่งที่บ้านก่อนกลับมาช่วยทางนี้ต่อ
 
วันรุ่งขึ้น
ตาคง ก้อยและแก้มยังไม่ตื่น แนมกับยายออกมานั่งรอเหลียวที่หน้าบ้าน หลังจากที่ยังไม่กลับมาจากวัดตั้งแต่เมื่อคืน ระหว่างนั้นแนมนึกไปว่า คืนนั้นที่แนมเห็นภาพของคนที่ถูกแขวนอยู่บนขื่อเป็นใครกันแน่ สักพักมีเสียงโทรศัพท์ของแนมดังขึ้น ก็เห็นว่าเป็นเบอร์ของเหลียวโทรมา
“แนม ฟังดีๆนะ เมื่อเช้าหลวงพี่เอก ตายแล้ว!!”
 
“หา!!!”
 
..........
 
Khang:Khob
โฆษณา