31 มี.ค. 2021 เวลา 15:15 • สุขภาพ
ต่อจากครั้งที่แล้วนะครับ เนื่องจากเนื้อหาในบทความในเรื่องนี้ กว่าจะครบ 24 ชั่วโมงนั้น บทความจะยาวเกินไป จึงแบ่งเป็น 2 Part ครับ เพื่อนๆพร้อมกันรึยังครับ ไปต่อกันเลยนะครับผม
2
ช่วงดึก (ก่อนนอน)
เวลา 19.00 – 21.00 น.
ช่วงเวลานี้ กล้ามเนื้อหัวใจจะทำงานช้าลง เราจึงจำเป็นต้องพักผ่อนในเวลานี้ เพื่อไม่เพิ่มภาระให้หัวใจทำงานหนักขึ้น อาจจะไม่จำเป็นต้องนอนหลับเสียทีเดียว เนื่องจากเป็นเรื่องที่ค่อนยากข้าง
อาจจะเป็นการเว้นจากการทำงานที่ใช้แรง เปลี่ยนมาเป็นการพักสายตา ฟังเพลง สวดมนต์ หรือนั่งสมาธิ จะช่วยให้สงบลง ทำให้หัวใจทำงานน้อยลงรวมถึงเป็นการผ่อนคลายไปในตัว
เวลา 21.00-01.00 น.
พลังงานจะเคลื่อนที่มาที่ถุงน้ำดี เพื่อให้ถุงน้ำดีย่อยไขมันเปลี่ยนเป็นฮอร์โมน หากไม่พักผ่อนในช่วงนี้จะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องไขมัน เช่น เป็นถุงไขมันใต้ตา ลงพุง ท้องผูก หรือโรคอ้วน
นี่อาจเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมนอนดึกแล้วจึงอ้วน
เวลา 01.00 – 03.00 น.
พลังงานจะเคลื่อนที่ไปกักเก็บที่ตับ ซึ่งตับจะสะสมพลังงานสำรองไว้ในร่างกาย ขับสารเคมีออกจากร่างกาย และผลิตน้ำดีและส่งไปเก็บไว้ที่ถุงน้ำดี
ซึ่งหากยังไม่พักผ่อนช่วงนี้ ร่างกายจะสูญเสียพลังงานที่จัดเก็บไว้ในตับ ทำให้ตับอ่อนแอลง ผลิตน้ำดีน้อยลง และส่งผลไปยังอินซูลิน ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคเบาหวาน
เวลา 03.00 – 05.00 น.
เวลานี้ พลังงานในร่างกายจะเคลื่อนที่ไปสู่ปอด ซึ่งหากเราตื่นในช่วงเวลา 03.00-05.00 น. ปอดจะรับออกซิเจนได้ดีมากและช่วยขับสารพิษออกจากเซลล์ต่างๆในร่างกายได้ ทำให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
ผมเองเป็นคนที่นอนดึกและตื่นสายมาก แต่ครั้งหนึ่งมีภารกิจที่ต้องตื่นเช้า ในช่วง ตี4 ตอนแรกกก็งัวเงีย และมึน งง แต่พอได้ออกไปสูดอากาศนอกบ้าน กลับทำให้รู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าตลอดทั้งวัน จนทุกวันนี้ก็ยังอยากทำแบบนั้นอีก แต่ตั้งนาฬิกาปลุกไป 4-5 ครั้ง ก็ตื่นไม่ไหวอยู่ดีครับ ฮ่าๆๆๆ
เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการนอนหลับ คือ เวลา 21.00 น. เพราะร่างกายจะฟื้นฟูตัวเองได้ดี มีการหลั่งฮอร์โมนในการซ่อมแซมร่างกายในช่วง 4 ทุ่ม
1
แต่ก็นั่นแหละครับ ผมเองก็เพิ่งโพสเมื่อดึกๆนี้เอง และไม่มีท่าทีที่หนังตาจะหย่อนเลย ซึ่งแน่นอนว่ามีผลต่อสุขภาพแน่ๆ แต่หากมีความจำเป็นที่จะต้องนอนดึกจริงๆ ร่างกายก็จะปรับตัวไปเอง แต่ก็ไม่ 100 %
ดังนั้น ผมมีวิธีดูแลสุขภาพมาเล่าสู่กันฟังครับ
1 ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
เพื่อเป็นการขับของเสียออกจากร่างกาย ช่วยเรื่องระบบไหลเวียนโลหิต และยังช่วยในเรื่องการเผาผลาญไขมัน
👉ซึ่งในแต่ละวันควรดื่มน้ำในปริมาณเท่าไหร่นั้น สามารถคำนวณได้ โดยการนำน้ำหนักหารด้วย30จะเท่ากับจำนวนลิตร เช่น น้ำหนัก 50 จะได้ 60หาร30 จะได้ 2 ลิตร ซึ่งเป็นปริมาณน้ำที่ร่างกายของการในแต่ละวัน
2 กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
เพื่อช่วยสนับสนุนให้อวัยวะต่างๆในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ และไม่เพิ่มภาระในการทำงานของร่างกาย อาหารที่ผมแนะนำ ได้แก่ ปลา ไข่ ผลไม้ที่ไม่มีรสหวานเกินไป เช่น มะละกอ แก้วมังกร เป็นต้น อัลมอนด์ ผักทุกชนิด
3 ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างที่รู้กันดีครับ การออกกำลังกายเป็นวิธีดูแลสุขภาพที่เป็นที่นิยมและมีประสิทธิภาพ เพราะจะทำให้ร่างกายขับของเสียออกมาในรูปเหงื่อได้ ทำให้ร่างกายหลั่งสารเอนโดฟีนออกมา ซึ่งเป็นผลดีต่างร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง นอกจากนี้ยังลดไขมันส่วนเกินได้อีกด้วย
แนะนำให้ออกกำลังกายในตอนเช้านะครับ เพราะตอนเช้าปอดจะรับออกซิเจนได้ดี อากาศยังบริสุทธิ์ ซึ่งจะทำให้รู้สึกสดชื่นครับ และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนักในตอนเย็น เนื่องจากจะเพิ่มการทำงานของไตครับ
1
4 นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 6-8 ชั่วโมง
ถึงจะนอนดึกอย่างไร ก็ขอให้ครบ 6-8 ชั่วโมงนะครับ เพราะการนอนให้พอเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย เป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด การนอนจะทำให้เราได้ชาร์จพลัง และซ่อมแซมฟื้นฟูร่างกาย
5 รักษาสุขภาพจิตให้ดี
เพราะหากจิตใจอ่อนแอ ร่างกายก็จะอ่อนแอตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น การใช้เวลาอยู่กับสิ่งที่ตัวเองมีความสุข การออกกำลังกายก็เป็นวิธีรักษาสุขภาพจิตวิธีหนึ่ง การนั่งสมาธิ
เครดิต : หนังสือ เวลาชีวิตรู้ไว้ไม่ป่วย เขียนโดยแพทย์หญิง อารีย์ โอบอ้อมรัก
อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ ไม่ได้เป็นหมอ แต่เป็นห่วง ฮ่าๆๆ
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมนะครับ
โฆษณา