3 เม.ย. 2021 เวลา 15:01 • กีฬา
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่า เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล ที่ไร้พ่ายมานานถึง 14 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ และเก็บคลีนชีตมา 7 นัดซ้อนรวมทุกถ้วย จะเสียสถิติไม่แพ้ใครในยุคของกุนซือชาวเยอรมัน ด้วยน้ำมือของทีมรองบ๊วยอย่าง เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน
3
...แถมยังเป็นการแพ้ย่อยยับคาถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกต่างหาก
เชลซี ที่มีเกมรับเหนียวแน่นสุดๆ กลับโดนทีมที่ยิงใครไม่ได้มา 3 นัดติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก บุกยิงคาบ้านถึง 5 ประตู
1
มาเตอุส เปเรยร่า กลายเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดประจำค่ำคืนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อแผลงฤทธิ์ยิง 2 แอสซิสต์ 2 ขณะที่ คัลลั่ม โรบินสัน ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ก็เหมาคนเดียว 2 ลูก ส่วนกองหน้าที่ฝืดมานานอย่าง เอ็มบาย ดิยาญ ก็มีชื่อบนสกอร์บอร์ดกับเขาด้วย
2
แน่นอนว่า ทุกคนต้องพุ่งเป้าวิจารณ์ไปที่การตัดสินของกรรมการอย่าง เดวิด คู๊ท ที่ชูใบเหลือง-แดงไล่ ติอาโก้ ซิลวา ออกจากสนามในนาทีที่ 29 ทำให้ทีมสิงโตน้ำเงินครามที่ขึ้นนำได้ก่อนจาก คริสเตียน พูลิซิช พลิกกลับมาเป็นฝ่ายเสียเปรียบตลอดทั้งเกม
1
เพราะหากดูจากภาพช้า จะพบว่า ซิลวา ไม่ได้มีเจตนาทำฟาวล์เลยในจังหวะโดนใบเหลืองที่สอง แต่มันคือจังหวะต่อเนื่องหลังจากเข้าบล็อคลูกยิง ที่กลายเป็นทำให้ผู้ตัดสินมองว่าเขาเข้าบอลหนักใส่ โอคาย โยคุสลู
1
ด้วยความที่ เดวิด คู๊ท มองว่านี่คือจังหวะที่ต้องโดนใบเหลือง ทำให้เซนเตอร์แบ็กชาวบราซิเลียนต้องเดินออกจากสนามไปอย่างโชคร้าย เพราะเขาโดนใบเหลืองไปก่อนตั้งแต่ต้นเกม โดยที่ วีเออาร์ ไม่มีผล เพราะไม่ใช่จังหวะใบแดงโดยตรง
อย่างไรก็ตาม การจัดตัวของ ทูเคิ่ล ก็ต้องถูกตั้งคำถาม เนื่องจากมีการโรเตชั่นนักเตะมากเกินไป
1
ถึงแม้จะอดใช้งาน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ตัวตัดเกมคนสำคัญที่มีอาการบาดเจ็บ รวมไปถึงกองหน้าอย่าง แทมมี่ อับราฮัม ที่ยังไม่พร้อมลงเล่น แต่การเลือกดร็อปนักเตะคนสำคัญหลายๆ ตำแหน่ง จึงดูเหมือนว่า ทูเคิ่ล ที่เพิ่งคว้ารางวัลกุนซือยอดเยี่ยมประจำเดือนมีนาคม ประมาทไปไม่น้อย
ติอาโก้ ซิลวา ไม่ได้ลงสนามมานาน 2 เดือน ได้ลงยืนเป็น 3 เซนเตอร์แบ็กร่วมกับ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า และ เคิร์ท ซูม่า ทั้งที่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ กับ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ลงตัวจริงและทำให้เกมรับเหนียวแน่นมาหลายนัด
เท่านั้นไม่พอ มิดฟิลด์ตัวรุกคนสำคัญอย่าง เมสัน เมาน์ท, แบ็กซ้ายที่ฟอร์มกำลังดีอย่าง เบน ชิลเวลล์ ก็ถูกดร็อปเป็นตัวสำรอง ส่วนกองหน้าที่ฟอร์มตกอย่างหนักอย่าง ติโม แวร์เนอร์ ยังได้ออกสตาร์ทตัวจริงต่อไป
ถึงแม้ คริสเตียน พูลิซิช จะยิงประตูลูกแรกได้ในยุคที่ ทูเคิ่ล คุมเชลซี ส่วน แวร์เนอร์ ก็ได้เครดิตแอสซิสต์ แต่ก็ไม่ช่วยอะไร เพราะเกมรับของทีมที่ย่ำแย่ บวกกับการขึ้นเกมจากแดนกลางได้ไม่ดีพอ จากฟอร์มสุดห่วยของ จอร์จินโญ่ (ที่เป็นต้นเหตุสำคัญต่อการโดนไล่ออกของ ซิลวา) ทำให้ทีมตามหลังมากเกินไปในเกมนี้
2
และนี่ก็คือ 10 สถิติที่น่าเจ็บปวดสำหรับ เชลซี ที่ต้องมาแพ้ทีมหนีตกชั้นแบบยับเยิน และสุ่มเสี่ยงที่จะเสียอันดับท็อปโฟร์ไปในสัปดาห์นี้
1
1. เชลซี แพ้ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ในเกมลีกคาบ้านเป็นครั้งแรกในรอบ 43 ปี นับตั้งแต่พ่าย 1-3 ในศึกดิวิชั่น 1 เดิม เมื่อวันที่ 30 กันยายน 1978
1
โดยก่อนจะเปิดบ้านเจอทีม “เดอะ แบ็กกี้ส์” ในวันนี้ เชลซีไม่แพ้ เวสต์บรอมวิช ในลีกมานานถึง 15 นัดซ้อน
1
2. นี่คือการโดนไล่ออกเป็นครั้งที่ 2 ในการค้าแข้งบนทวีปยุโรปของ ติอาโก้ ซิลวา นับตั้งแต่เกมที่ลงสนามให้ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง เปิดบ้านเสมอ วาลองเซียนส์ 1-1 ในศึก ลีก เอิง เมื่อเดือนพฤษภาคม 2013
จากการโดนใบเหลืองแดงนัดนี้ ทำให้ ซิลวา กลายเป็นนักเตะเชลซีที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่โดนไล่ออกในเกมพรีเมียร์ลีก ด้วยวัย 36 ปี 193 วัน
โดยสถิติเดิมของนักเตะเชลซีที่อายุมากที่สุดที่โดนไล่ออกเป็นของ จอห์น เทอร์รี่ ที่โดนใบแดงด้วยวัย 35 ปี 152 วัน ในเกมบุกแพ้ ซันเดอร์แลนด์ 3-2 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2016
3. แซม อัลลาร์ไดซ์ คือผู้จัดการทีมคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่คุมทีมคว้าชัยในพรีเมียร์ลีกที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้กับ 3 สโมสร ต่อจาก โบลตัน วันเดอเรอร์ส และ คริสตัล พาเลซ
4. เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน กลายเป็นทีมน้องใหม่ทีมแรก ที่สามารถยิงประตูในเกมพรีเมียร์ลีกที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้ถึง 5 ประตูในเกมเดียว
โดยสโมสรสุดท้ายในลีกสูงสุดอังกฤษที่เคยทำได้คือ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ที่บุกถล่ม 6-2 ในศึกดิวิชั่น 1 เดิม เมื่อวันที่ 20 กันยายน 1986
1
5. คัลลั่ม โรบินสัน กองหน้าตัวสำรองของ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ที่ลงมาโชว์ทีเด็ดยิงคนเดียว 2 ประตูในเกมนี้ ไม่เคยยิงประตูทีมอื่นในพรีเมียร์ลีกได้เลยสักลูก แต่เขากลับสามารถยิงใส่ เชลซี ได้ถึง 5 ประตู
โดยฤดูกาลก่อน โรบินสัน ยิงที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้ 1 ลูกในฐานะนักเตะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ส่วนซีซั่นนี้ เขายิงใส่ทัพสิงห์บลูส์ได้ถึง 4 เม็ดด้วยกัน
6. คัลลั่ม โรบินสัน กลายเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ที่สามารถยิงเชลซีได้ทั้งไปและกลับ นัดละไม่ต่ำกว่า 2 ประตูในฤดูกาลเดียว
7. ประตูตีเสมอ 1-1 ของเวสต์บรอมวิช ที่ แซม จอห์นสโตน เปิดยาวจากหน้าประตูให้ มาเตอุส เปเรยร่า หลุดไปชิพข้าม เอดูอาร์ เมนดี้ ทำให้ จอห์นสโตน คือผู้รักษาประตูคนแรกของ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ที่สามารถทำแอสซิสต์ได้ในพรีเมียร์ลีก
8. เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน กลายเป็นทีมที่สามารถยิงใส่ เชลซี ในพรีเมียร์ลีก 1 ฤดูกาลได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อซัดรวมกันถึง 8 ประตู หลังจากการเจอกันเมื่อช่วงต้นซีซั่นที่สนาม เดอะ ฮอว์ธอร์นส์ เสมอกันไป 3-3
ส่วนทีมสุดท้ายในลีกสูงสุดอังกฤษ ที่สามารถยิงทีมสิงโตน้ำเงินครามแบบไปกลับรวมกันได้มากกว่า คือ ลิเวอร์พูล ที่ทำได้ 9 ลูก ในศึกดิวิชั่น 1 เดิมฤดูกาล 1989-90 ที่หงส์แดงเป็นแชมป์
9. เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ยิงได้ถึง 5 ประตูในเกมพรีเมียร์ลีกนัดเยือนได้เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี นับตั้งแต่เกมที่บุกถล่ม วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 5-1 เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012
ส่วนหนสุดท้ายที่พวกเขายิงได้ 5 ลูกในพรีเมียร์ลีก แบบที่นับเกมเหย้าด้วย คือการเปิดบ้านเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 5-5 ซึ่งเป็นนัดสั่งลาอาชีพผู้จัดการทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2013
2
10. นี่คือครั้งแรกในอาชีพกุนซือของ โธมัส ทูเคิ่ล ที่ทีมของเขาเสียประตูในเกมลีกสูงสุดที่บ้านตัวเองถึง 5 ประตูในนัดเดียว
#เชลซี #ทูเคิ่ล #มาเตอุสเปเรยร่า #คัลลั่มโรบินสัน #ติอาโก้ซิลวา #แวร์เนอร์ #จอร์จินโญ่ #อัลลาร์ไดซ์ #เวสต์บรอมวิช #เวสต์บรอมวิชอัลเบี้ยน #เดวิดคู๊ท #พรีเมียร์ลีก
โฆษณา