6 เม.ย. 2021 เวลา 09:32 • ประวัติศาสตร์
หลายคนทราบว่า 6 เมษายน เป็นวันจักรี
แต่ทราบหรือไม่ว่า ยังเป็นวันที่เริ่มการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคสมัยใหม่ด้วยครับ
หากย้อนความไปถึงการแข่งขันของกีฬาโอลิมปิก แท้จริงแล้วกีฬาโอลิมปิกมีมาเนิ่นนานตั้งแต่โบราณประมาณ 1,000 ปี ก่อนคริสตกาล มีการแข่งขันกีฬาบนยอดเขาโอลิมปัส แคว้นอีลิส ในประเทศกรีซ ที่เดิมเป็นประจำทุกสี่ปี ซึ่งคาบนี้เรียกว่า “โอลิมเปียด” ซึ่งชาวกรีกใช้เป็นหน่วยในการวัดเวลาอย่างหนึ่งและถือปฏิบัติติดต่อกันมาโดยไม่เว้น
เมื่อถึงกำหนดการแข่งขัน ทุกรัฐจะต้องให้เกียรติ หากว่าขณะนั้นกำลังทำสงครามกันอยู่ จะต้องหยุดพักรบ และมาดูนักกีฬาของตนแข่งขัน หลังจากเสร็จจากการแข่งขันแล้ว จึงค่อยกลับไปทำสงครามกันใหม่
โดยนักกีฬาจะต้องเปลือยกายเข้าแข่งขัน เพื่อประกวดความสมส่วนของร่างกาย และยังมีการต่อสู้บางประเภท เช่น กีฬาจำพวกมวยปล้ำ เพื่อพิสูจน์ความแข็งแรง โดยอนุญาตผู้ชมแต่เพียงผู้ชาย ห้ามผู้หญิงเข้าชม
1
ต่อมาเมื่อ 776 ปีก่อนคริสตกาล ชาวกรีกได้ย้ายที่แข่งขันลงมาที่เชิงเขาโอลิมปัส และได้ปรับปรุงการแข่งขันเสียใหม่ให้ดีขึ้น โดยให้ผู้เข้าแข่งขันสวมกางเกง พิธีการแข่งขันจัดอย่างเป็นระเบียบเป็นทางการ มีการบันทึกการแข่งขันอย่างชัดเจน มีจักรพรรดิมาเป็นองค์ประธาน มีการอนุญาตให้สตรีเข้าชมการแข่งขันได้ แต่ไม่อนุญาตให้เข้าแข่งขัน
ประเภทกรีฑาที่แข่งขันที่ถือเป็นทางการในครั้งแรกนี้ มี 5 ประเภท คือ วิ่ง กระโดด มวยปล้ำ พุ่งแหลน และขว้างจักร เรียกกันว่า เพ็นตาธรอน หรือ ปัญจกรีฑา ผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งๆ จะต้องเล่นทั้ง 5 ประเภท โดยผู้ชนะจะได้รับรางวัล คือ มงกุฎที่ทำด้วยช่อมะกอกที่มีชื่อว่า “ช่อลอเรล” ซึ่งขึ้นอยู่บนยอดเขาโอลิมปัสนั่นเอง ทั้งยังได้รับการยกย่อง มีอนุสรณ์ในบทกวีและรูปปั้น และได้รับเกียรติเดินทางท่องเที่ยวไปทุกรัฐ ในฐานะตัวแทนของพระเจ้า
การแข่งขันได้ดำเนินติดต่อกันมานับเป็นเวลาถึง 1,200 ปี จนมาในปีพุทธศักราช 936 จักรพรรดิธีโอดอซิอุสแห่งโรมันได้ทรงประกาศให้ยกเลิกการแข่งขันนั้นเสีย เนื่องจากพระองค์เป็นคริสเตียน ทรงมีบัญชาให้ยกเลิกการประกอบพิธีกรรมนอกรีตทั้งหมด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์เพื่อกำหนดให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำกรุงโรม
แต่ในบางตำราบันทึกว่า สาเหตุที่ยกเลิกมาจาก มีการว่าจ้างกันเข้ามาเล่นเพื่อหวังรางวัล และผู้เล่นปรารถนาสินจ้างมากกว่าการเล่นเพื่อสุขภาพของตน รวมทั้งมีการพนันขันต่อ อันเป็นทางวิบัติซึ่งผิดไปจากวัตถุประสงค์เดิมคือ ผู้เข้าแข่งขันทั้งหลายต่างก็อยากได้ช่อลอเรลซึ่งเป็นรางวัลของผู้ชนะ ด้วยเหตุนี้เอง พระองค์จึงสั่งให้ล้มเลิกการแข่งขันนี้เสีย
ทำให้กีฬาโอลิมปิกโบราณถูกยกเลิกไปยาวนานกว่า 15 ศตวรรษเลยทีเดียว
สำหรับประวัติของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ เริ่มต้นในปีพุทธศักราช 2432 โดยบารอน ปีแยร์ เดอ กูแบร์แต็ง (Pierre de Coubertin) ซึ่งเป็นขุนนางที่เกิดในกรุงปารีส เป็นผู้ที่มีความชื่นชอบในกีฬายิมนาสติก เรือพาย และการขี่ม้า
นอกจากนั้นเขาก็ยังมีความสนใจเรื่องราวในอดีต ทั้งประวัติศาสตร์ ปัญหาทางการเมือง สังคม ขุนนางท่านนี้ได้เริ่มหาความร่วมมือจากประเทศอังกฤษ ประเทศสหรัฐอเมริกาและในประเทศฝรั่งเศสเอง เพื่อให้การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเขาใช้เวลานานกว่า 4 ปี โดยในวันที่ 25 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2435 จึงได้เริ่มมีการฟื้นฟูกีฬาโอลิมปิกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง สองปีต่อมาขุนนางท่านนี้ได้จัดตั้งคณะกรรมการกีฬาโอลิมปิกสากลขึ้นเป็นครั้งแรกในวันที่ 23 มิถุนายน พุทธศักราช 2437 โดยมีประเทศสมาชิกทั้งหมด 204 ประเทศจากทั่วโลก
การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ครั้งแรกถูกจัดขึ้นในสนามหินอ่อนในกรุงเอเธนส์, กรีซ
หลังจากนั้นกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ จึงได้เริ่มขึ้นในวันที่ 6 เมษายน พุทธศักราช 2439 โดยเป็นการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ที่เกิดขึ้นครั้งแรกของโลกที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของกีฬาโอลิมปิกอยู่แล้ว โดยมีประเทศที่เข้าร่วมกีฬาโอลิมปิกกว่า 15 ประเทศ และได้กำหนดให้มีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกทุก ๆ 4 ปี โดยประเทศสมาชิกจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันต่อเนื่องมาจึงถึงปัจจุบัน
สำหรับการแข่งขันโอลิมปิกสมัยใหม่ รางวัลแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ อันดับหนึ่งจะได้รับเหรียญทอง อันดับสองจะได้รับเหรียญเงิน และอันดับสามจะได้รับเหรียญทองแดง ส่วนอันดับที่สี่ถึงอันดับที่หกก็จะได้รับประกาศนียบัตรการเข้าร่วมการแข่งขัน และก่อนเริ่มการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกนั้น ก็จะมีการจุดคบเพลิงหรือเรียกกันว่า คบเพลิงโอลิมปิก ซึ่งนั่นก็เพื่อเป็นการแสดงถึงความสว่างไสว และเป็นสัญญาณประกาศให้รู้ว่าการเฉลิมฉลองกีฬาโอลิมปิกได้เกิดขึ้นแล้ว
เหรียญรางวัลโอลิมปิคสมัยใหม่ครั้งที่ 1
เพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสครบรอบ 100 ปี การแข่งขันกีฬาโอลิมปิคยุคใหม่ซึ่งได้ฟื้นฟูขึ้นใหม่อีกครั้งเมื่อปีพุทธศักราช 2439 ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เป็นครั้งแรก จึงได้จัดพิมพ์ดวงตราไปรษณียากรชุด 100 ปี การแข่งขันกีฬาโอลิมปิค
วันแรกจำหน่าย 23 มิถุนายน 2539
พิมพ์ที่ Thai British Security Printing Public Company Limited, Thailand
แสตมป์ชุด 100 ปี การแข่งขันกีฬาโอลิมปิค
ชนิดราคา จำนวนพิมพ์และราคาปัจจุบัน (ยังไม่ใช้, ใช้แล้ว)
2 บาท 2,500,000 ดวง 4 บาท 2 บาท
3 บาท 2,000,000 ดวง 5 บาท 3 บาท
5 บาท 2,000,000 ดวง 9 บาท 5 บาท
9 บาท 2,000,000 ดวง 14 บาท 10 บาท
รูปภาพบนดวงแสตมป์
ชนิดราคา 2 บาท
เป็นภาพของนักกีฬาคนสำคัญของฝรั่งเศส ชื่อ บารอน ปีแอร์ เดอร์ กูแบร์แตง ผู้ฟื้นฟูการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคในยุคใหม่ หลังจากได้เลิกล้มไปนานถึง 15 ศตวรรษ พร้อมภาพสุสานของท่านผู้นี้
ชนิดราคา 3 บาท
เป็นภาพหญิงสาวพรหมจารีกำลังต่อไฟจากแว่นรวมแสงของดวงอาทิตย์ด้วยคบเพลิง ในพิธีจุดคบเพลิงที่เมืองโอลิมเปีย ประเทศกรีซ ซึ่งหมายถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคได้เริ่มขึ้นแล้ว
ขนิดราคา 5 บาท
เป็นภาพสนามกีฬาที่ใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคครั้งแรก พร้อมธงประจำการแข่งขันกีพาโอลิมปิค ลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาว ตรงกลางเป็นภาพห่วงสี 5 ห่วงไขว้กัน
ชนิดราคา 9 บาท
เป็นภาพนักกีฬาขว้างจักรพร้อมเหรียญรางวัลสำหรับผู้ชนะจากการแข่งขันกีพาโอลิมปิค
ดวงตราไปรษณียากรชุด 100 ปี การก่อตั้งคณะกรรมการฯ โอลิมปิคระหว่างประเทศ
วันแรกจำหน่าย 23 มิถุนายน 2537
พิมพ์ที่ Leigh-Mardon PYT., Ltd., Australia
แสตมป์ชุด 100 ปี การก่อตั้งคณะกรรมการฯ โอลิมปิคระหว่างประเทศ
ชนิดราคา จำนวนพิมพ์และราคาปัจจุบัน (ยังไม่ใช้, ใช้แล้ว)
2 บาท 2,500,000 ดวง 3 บาท 3 บาท
3 บาท 2,000,000 ดวง 5 บาท 3 บาท
5 บาท 2,000,000 ดวง 8 บาท 5 บาท
6 บาท 2,000,000 ดวง 9 บาท 5 บาท
9 บาท 2,000,000 ดวง 13 บาท 9 บาท
เกร็ดความรู้เรื่องสัญลักษณ์
ธงโอลิมปิค
ธงโอลิมปิกมีผืนธงเป็นสีขาว ขนาดมาตรฐานยาว 3 เมตร กว้าง 2 เมตร ส่วนเครื่องหมายห้าห่วงคล้องกันอยู่บนกลางธง ขนาด 2 เมตร คูณ 0.60 เมตร มีสีฟ้า สีเหลือง สีดำ สีเขียว สีแดง ตามลำดับจากซ้ายไปขวา คล้องไขว้กันอยู่ตรงกลางสองแถว แถวบน 3 ห่วง แถวล่าง 2 ห่วง ห่วงสีที่คล้องกันอยู่ตรงกลางธงบนพื้นธงสีขาว รวมเป็น 6 สี โดยแท้จริงแล้ว ห้าห่วงหมายถึง ห้าส่วนของโลกที่อยู่ในโอบอ้อมของ “โอลิมปิกนิยม” มิเจาะจงเป็นห้าทวีปในโลกอย่างที่เข้าใจกัน แต่บังเอิญห้าทวีปนี้ก็เป็นห้าส่วนของโลกก็เลยอนุโลมกันไปเช่นนั้น ส่วนสีที่ห่วง 5 สี มิได้หมายถึงสีประจำทวีป ซึ่งสีทั้งหมด 6 สี รวมทั้งสีขาวที่เป็นพื้นธง หมายความว่า ธงชาติของประเทศต่าง ๆ ในโลกประกอบด้วยสีใดสีหนึ่งหรือมากกว่านั้นในจำนวนหกสีนั้น และไม่มีธงชาติของประเทศใดที่มีสีนอกเหนือไปจากหกสีนี้
1
ขอบคุณที่ติดตามครัง
โฆษณา