9 เม.ย. 2021 เวลา 09:49 • ธุรกิจ
Mercedes-Benz และ BMW ยอดขายโตสองหลัก ในไตรมาสแรก อานิสงส์ชาวจีนและอเมริกัน แห่ซื้อรถหรู
เมื่อวานที่ผ่านมา 2 บริษัทรถหรูสัญชาติเยอรมัน เจ้าของแบรนด์รถ Mercedes-Benz และ BMW
ต่างได้เปิดเผยยอดขายรถยนต์ ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2021
มาดูกันที่เจ้าแรก
ค่ายดาวสามแฉก จากเมืองชตุทท์การ์ท อย่าง Mercedes-Benz ของบริษัท Daimler AG
ในไตรมาสแรกของปี ยอดขายรวมทั่วโลก ของ Mercedes-Benz
เติบโตขึ้นเกือบ 22% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
โดยจำนวนรถที่ขายไปทั้งหมดเท่ากับ 581,270 คัน
ซึ่งประเทศที่สั่งซื้อรถของ Mercedes-Benz มากที่สุดคือ จีนและสหรัฐอเมริกา
ในส่วนของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน ที่เพิ่งเปิดตัวไปอย่าง EQA, EQC และรุ่นที่กำลังจะเปิดตัว EQS
ก็ได้มียอดสั่งจองล่วงหน้า จากประเทศจีนไปแล้วกว่า 20,000 คัน
ต่อมาดูค่ายใบพัดสีน้ำเงิน จากเมืองมิวนิก อย่าง BMW กันบ้าง
1
BMW ในไตรมาสแรกของปี
บริษัทมียอดขายรวมทั่วโลก เติบโตขึ้น 34% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
โดยจำนวนรถที่ขายไปทั้งหมดเท่ากับ 636,606 คัน
1
ซึ่งประเทศที่สั่งซื้อรถมากที่สุดคือ จีน, สหรัฐอเมริกา และเกาหลีใต้
คุณ Pieter Nota ผู้บริหารของบริษัท BMW ยังได้ออกกล่าวอีกว่า
ยอดขายในไตรมาสที่ 1 ของ BMW ถือว่าเกิดกว่าที่คาดหวังไว้เยอะมาก
และนี่ถือว่าเป็นการทำสถิติ All Time High เลยก็ว่าได้..
โดยแบรนด์รถที่ขายได้มากสุด คือ
BMW ที่ 560,543 คัน เติบโตขึ้น 36%
Mini Cooper ที่ 74,683 คัน เติบโตขึ้น 16%
Rolls-Royce ที่ 1,380 คัน เติบโตขึ้น 62%
โดยเป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้าของ BMW คือ การเพิ่มการผลิตรถยนต์โมเดล ตั้งแต่ซีรีส์ 3, 5, 7 และ X1 ขยายให้มีรุ่นที่ใช้พลังงานไฟฟ้าล้วน
ที่น่าสนใจคือ ทั้ง 2 บริษัทรถหรูนี้ ที่เป็นคู่แข่งกัน ต่างมีจุดได้จุดเสีย ที่เหมือนกัน ได้แก่
1. กลุ่มตลาดที่ขายดีที่สุดของทั้ง 2 แบรนด์ เป็นกลุ่มตลาดเดียวกัน คือ ประเทศจีน
- Mercedes-Benz มียอดขายในประเทศจีน เติบโตขึ้น 60%
- BMW มียอดขายในประเทศจีน เติบโตขึ้น 43%
2. Segment ของรถยนต์ที่ขายดีสุด คือ รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)
3. การขาดแคลนการผลิตชิป (Semiconductor) ของโลก ทำให้ส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ที่จะส่งมอบในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ กับทั้ง 2 แบรนด์
การเติบโตแรง ของยอดขายรถ จาก 2 แบรนด์รถหรู
อาจสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจของจีนและสหรัฐอเมริกา กำลังมีแนวโน้มไปได้ดี
หรือไม่ก็ คนที่มีกำลังซื้อ
เมื่อไม่สามารถนำเงินไปใช้จ่ายท่องเที่ยวได้ จากสถานการณ์โควิด
ก็เลยมาเอาเงินส่วนนี้ มาจับจองซื้อรถหรูแทน..
โฆษณา