11 เม.ย. 2021 เวลา 05:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ทิศทางลงทุน ช่วงโควิด-19 รอบ 3
ทิศทางลงทุนช่วงโควิด-19 รอบ 3 จะเป็นอย่างไร จากล่าสุดที่หุ้นไทยมีแนวโน้มขาขึ้น แต่ต้องสะดุดหยุดลงที่ระดับ 1600 จุด เนื่องจากการปะทุขึ้นของการติดเชื้อโควิด-19 ดังนั้นจะต้องปรับแนวทางการลงทุนอย่างไร?
บทความโดย สมบัติ นราวุฒิชัย | คอลัมน์ มุมวิเคราะห์การลงทุน
ทิศทางลงทุน ช่วงโควิด-19 รอบ 3
แนวโน้มขาขึ้นรอบล่าสุดของหุ้นไทยต้องสะดุดหยุดลงที่ระดับ 1600 จุด ด้วยการปะทุขึ้นของการติดเชื้อโควิด-19 ในไทยรอบที่ 3 ซึ่งเป็นรอบที่กระจายติดต่ออย่างรวดเร็ว
ความน่ากังวลของรอบนี้ อยู่ที่การกระจายตัวของผู้คนที่ติดเชื้อ แม้ว่าตอนไปรับเชื้อจะกระจุกตัวในสถานบันเทิง แต่เมื่อต่างคนต่างกลับบ้าน กลับอยู่กระจายกันไปเป็นวงกว้างหลายตำบล อำเภอ และอาคารที่ทำงาน
รายชื่อผู้คนที่ติดเชื้อ และใกล้ชิดผู้ติดเชื้อรอบนี้ ดูเหมือนกระจายไปกว้างมาก ขณะที่ตอนรอบที่สองที่ระบาดจากสมุทรสาครจำนวนนั้นสูงมาก แต่กลุ่มใหญ่ก็มีที่อยู่และที่ทำงานกระจุกกัน ทำให้ไม่ลำบากนักในการพยายามควบคุมการระบาด ดูแล้วมีความยากคนละแนวกัน
ผมคิดว่า เหตุการณ์นี้คงทำให้อารมณ์จับจ่ายใช้สอย และการออกพบปะกัน คงสะดุดลงไปพอสมควร และกระทบตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปี 64 บ้าง ที่เคยเห็นแตกต่างกันระหว่าง 2% กับ 3% นั้น ต่อไปคงจะต้องสามัคคีกันไปทำนายที่ 2% เหลือความแตกต่างกันแค่เศษทศนิยม
2
สำหรับความเชื่อที่ว่า ตลาดหุ้นจะสะท้อนภาพทางเศรษฐกิจในอนาคต ราว 6-12 เดือนนั้น ยังน่าจะเป็นจริงต่อไป แต่ในระยะเฉพาะหน้านี้ ตลาดหุ้นก็จะต้องปรับจูนรับข้อมูลที่เกิดใหม่แบบไม่ทันคาดคิดด้วย ซึ่งในจังหวะนี้ก็คือ การระบาดของโควิดรอบ 3 ที่เร็วแรงและกระจายไปทั่วๆ ทำให้ต้องปรับจูนตัวเลขราคาหุ้นที่ยอมรับกันใหม่
2
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงใน 2 รอบก่อนหน้านี้ ผู้ลงทุนพบว่า นั่นกลายเป็นโอกาสของผู้ช้อนซื้อ ดังนั้น ในครั้งนี้ ผมเชื่อว่าจะมีผู้ลงทุนช้อนซื้อเร็วขึ้น ทำให้ SET Index ไม่ลงยาว 200 จุดเหมือนครั้งก่อน แต่ก็อาจจะต้องการปรับตัวลงรวม 100 จุด ลงไปถึงระดับ 1500 จุด ซึ่งเมื่อเทียบกับคาดการณ์จาก EPS ของตลาดในปี 64 ที่ 74 บาทต่อหุ้น (ตาม poll ล่าสุด) จะเทียบเป็น PE 20.27 เท่า
หากคุณผู้อ่านยังมีเงินพร้อมลงทุนเหลืออยู่มาก ซึ่งเป็นแนวเดียวกับที่ผมเคยให้ความเห็นไว้ในบทความ 2 เดือนก่อน (อ่านย้อนหลังได้ใน FB สมาคมนักวิเคราะห์ฯ) ครั้งนี้ น่าจะเป็นโอกาสสำหรับเลือกซื้อหุ้นดีเมื่อลง อีกราว 5-10% ของพอร์ตเงินลงทุนรวม บรรดาหมวดที่น่าจะเลือก จะเป็นหุ้นที่มีนักวิเคราะห์ด้านปัจจัยพื้นฐานเขียนวิเคราะห์อย่างละเอียด พร้อมคาดการณ์ตัวเลขผลดำเนินงาน เช่น หุ้นธนาคารของเอกชน หุ้นกลุ่มอาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ พลังงาน เป็นต้น
โฆษณา