10 เม.ย. 2021 เวลา 15:13 • สุขภาพ
ก่อนจะปาร์ตี้ ขอให้นึกถึงพวกเราที่ต้องทำงานในห้อง ICU บ้าง
หมอ-พยาบาลในอินเดียท้อ ยอดติดเชื้อพุ่ง รับมือไม่ไหวแล้ว
อินเดียยังคงต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด - 19 ในระดับที่ไม่สามารถควบคุมได้ จำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันพุ่งขึ้นแสนคน ขณะที่วันนี้วันเดียว (10 เม.ย. 64) มีผู้ติดเชื้อมากถึง 1.4 แสนคน เสียชีวิต 773 ราย ทำให้ยอดรวมสะสมผู้ติดเชื้อพุ่งถึง 13.2 ล้านคน ตายอีก 1.6 แสนราย
1
สถานการณ์ที่เข้าขั้นวิกฤตแบบนี้ทำให้แพทย์และหน่วยงานด้านสาธารณะสุขในอินเดียต้องรับมืออย่างหนัก จนแทบจะไม่สามารถรับมือได้อีกต่อไป นายแพทย์ แลนเซลอต ปินโต (Lancelot Pinto) ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคปอดประจำโรงพยาบาลในนครมุมไบ รัฐมหาราษฏระ เมืองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย กล่าวว่าตอนนี้ผู้ป่วยในโรงพยาบาลล้นแล้ว และการรับมือคลื่นผู้ป่วยเป็นเรื่องที่ลำบากมากในเวลานี้ อันที่จริงเขามีความหวังว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นกว่าช่วงปี 2020 เพราะเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงอย่างมากโดยไม่ถึง 20,000 รายต่อวัน จากที่เคยมากที่สุดในเดือนกันยายน 2020 ที่วันละ 90,000 คน
1
มันเหมือนเห็น “แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์” ที่ในปีนี้หน้าที่การรักษาผู้ป่วยน่าจะเบาลงบ้าง และได้ใช้เวลาดีๆ กับครอบครัวอย่างที่ไม่เคยได้ใช้เลยในช่วงปีที่แล้ว แต่ในตอนนี้มันกลับแต่ต่างอย่างสิ้นเชิง เพราะผู้ติดเชื้อกลับมาพุ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดครั้งแรกในอินเดียเมื่อเดือนมีนาคม
1
🔵 คนไข้กระหน่ำโทรขอความช่วยเหลือ เตียงผู้ป่วยล้น หมอจิตใจย่ำแย่
ตอนนี้โทรศัพท์ของนายแพทย์ปินโตดังขึ้นทุกๆ 2-3 นาที ส่วนใหญ่เป็นสายมาจากครอบครัวที่สิ้นหวังที่ต้องการหาเตียงสำหรับผู้ป่วยโควิด
“เราไม่เหลือเตียงที่จะรักษาผู้ป่วยโควิด – 19 ในโรงพยาบาลอีกแล้ว มันเต็มแล้วจริงๆ”
นายแพทย์ปินโตพยายามสงบสติอารมณ์ในขณะที่พยายามเข้าใจว่า "ไม่ใช่ความผิดของคนอื่น เมื่อสมาชิกในครอบครัวป่วยและต้องการการรักษาตัว คุณก็คงอยากจะโทรหาใครก็ได้ที่สามารถช่วยคุณได้"
แม้ว่าทีมแพทย์จะมีการเตรียมความพร้อมของร่างกายมากขึ้นสำหรับการรับมือกับการระบาดใหญ่ละลอกใหม่ โดยได้รับการฉีดวัคซีนและมีการปรับปรุงระเบียบการรักษาด้วย แต่นั้นไม่มีใคร “เตรียมใจ" ว่าจะเจอหนักมากกว่าเดิมจนเริ่มท้อ
"เรากำลังทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ แต่สภาพจิตใจของเราไม่ได้มีความเข้มแข็งมากเหมือนกับปีที่แล้ว"
ความโกลาหลนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ที่นครมุมไบ แต่ในกรุงนิวเดลีเมืองหลวงของอินเดีย สถานการณ์ก็แทบไม่ต่างกัน คุณหมอเรชมา เทวารี บาซู (Reshma Tewari Basu) หัวหน้าฝ่ายดูแลผู้ป่วยวิกฤตที่โรงพยาบาลอาร์เทมิส (Artemis) ชานกรุงนิวเดลี กล่าวว่า มีจำนวนผู้ป่วยที่ต้องการเข้ามารับการรักษาเพิ่มขึ้นทุกวัน
“เดลีมีผู้ป่วยเฉลี่ยมากกว่า 3,500 รายต่อวันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในมุมไบก็จะเกิดขึ้นในเดลีเช่นกัน โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งในเดลีเต็มแล้ว ญาติของฉันก็ถูกปฏิเสธการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน 4 แห่ง โดยให้เหตุผลว่าไม่มีเตียงรักษาแล้ว
ดร. บาซู กล่าวว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึง แต่เธอพบว่ามันน่าผิดหวังที่เห็นผู้คนหลงลืมไปว่าการแพร่ระบาดของโรคยังไม่จบสิ้น
🔵 เสียโอกาสคุมโรค ผู้คนละเลย แพทย์เหนื่อยเกินขีดจำกัดร่างกาย
ด้านนอกโรงพยาบาลชีวิตผู้คนยังคงดูปกติ ร้านอาหารและไนต์คลับเต็มไปหมด ตลาดที่ผู้คนหนาแน่นเปิดค้าขาย และคนพลุกพล่าน – มีเพียงไม่กี่คนที่ปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัย เช่น การเว้นระยะห่างทางสังคมและการสวมหน้ากาก นอกนั้นคือไม่มีใครใส่ใจ
“แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขกำลังได้ผลกระทบอย่างหนัก”
ความเหนื่อยล้าทั้งกายและสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ของเจ้าหน้าที่ กำลังเป็นภัยคุกคามสำคัญในรับมือกับการระบาด เช่นเดียวกับ ดร.ยาติน เมห์ธา ประธานแผนกดูแลผู้ป่วยวิกฤต โรงพยาบาลเมดานตา รู้สึกโกรธกับสิ่งที่เกิดขึ้นและบอกว่าอินเดียเสียโอกาสที่มีในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ที่การแพระระบาดลดลงแล้ว
"ที่ที่เราควรใช้ช่วงเวลาที่การระบาดลดลงเพื่อเสริมสร้างระเบียบการด้านความปลอดภัย เพิ่มการทดสอบและการติดตามและเพิ่มการฉีดวัคซีน แต่นั่นไม่ได้เกิดขึ้นและตอนนี้กลายเป็นว่าเราต้องมาเฝ้าจับตาดูสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญเรียกว่า “คลื่นลูกที่ 2 ที่อันตราย” แทน
ดร.เมห์ธาเล่าว่า ก่อนเดือนกุมภาพันธ์ เขายังสามารถใช้เวลากับครอบครัวได้มากขึ้น เขารักภรรยา ลูกชายสองคน ลูกสะใภ้ และหลานๆ แต่ตอนนี้โทรศัพท์ของเขามีสายโทรเข้ามาตลอดเวลา แม้แต่ตอนที่ให้สัมภาษณ์อยู่นี้เขาต้องรับสายหลายสายระหว่างการสัมภาษณ์
เขากล่าวว่าประชาชนต้องรับรู้ได้แล้วว่าบุคลากรทางการแพทย์ใกล้ "หมดแรงและพยายามจนถึงขีดจำกัดแล้ว"
“ผมไม่แน่ใจว่าเราจะรับมือต่อไปแบบนี้ได้นานแค่ไหน เราจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ แต่ระลอกที่สองกำลังจะทดสอบความอดทนของเราในระดับที่รุนแรง”
และไม่ใช่แค่ความเหนื่อยล้าทางร่างกายเท่านั้น ดร. เมห์ธายังกังวลเกี่ยวกับสุขภาพจิตของเพื่อนร่วมงานทั่วประเทศ
"ไม่ว่าคุณจะทำงานอะไรก็ตาม เพียงแค่จินตนาการว่าคุณต้องทำ 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ ภายใต้แรงกดดันมากกว่าที่คุณคุ้นเคยถึง 100 เท่านั่น คือสิ่งที่แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขทุกคนต้องประสบพบเจอในช่วงที่มีการระบาดสูงสุด”
2
แพทย์คนอื่นๆ ยอมรับว่า สุขภาพจิตของบุคลากรทางการแพทย์ก็ควรได้รับความเป็นห่วงอย่างจริงจังจากผู้กำหนดนโยบาย ความเหนื่อยล้า การบาดเจ็บ และสุขภาพจิต เป็นประเด็นที่แพทย์ไม่ได้รับการพูดถึงหรือให้ความสนใจเลยในเวลานี้
“เราต้องกระโดดลงไปและรับมือกับการระบาดของโรค แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีปัญหา”
แพทย์หลายคนบอกว่าการระบาดสูงสุดในปัจจุบันที่ "ดูเหมือนจะไม่มีจุดสิ้นสุด" แม้จะมีวัคซีนหลายตัวอยู่ใกล้ๆ และเจ้าหน้าที่ด้านการดูแลสุขภาพรู้สึกว่าความสำเร็จในการคุมการระบาดอาจอยู่ไม่ไกล แต่เอาเข้าจริงแล้วตอนนี้ปลายทางยิ่งเลือนลาง เพราะวัคซีนที่ไม่ได้มีมากเพียงพอ และต่อให้มีมากแต่อาการแพ้วัคซีนก็เป็นสิ่งที่น่ากังวลใจยิ่งกว่า ทำให้ตอนนี้ไม่สามารถมองทางออกของปัญหาได้เลย
“มันเหมือนกับการต่อสู้โดยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะจบ การฉีดวัคซีนทำให้เกิดความหวังขึ้นเนื่องจากจนถึงขณะนี้มีการให้วัคซีนไปมากกว่า 80 ล้านโดส โดยส่วนใหญ่เป็นพนักงานระดับแนวหน้าและผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ขณะนี้พร้อมให้บริการสำหรับทุกคนที่มีอายุเกิน 45 ปี แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าต้องรีบเร่งเพื่อหยุดการแพร่กระจาย”
🔵 เจ้าหน้าที่ 1 คนดูแลคนไข้ล้นมือ ไม่ต่างอะไรกับการทำสงคราม
ไม่ใช่แค่แพทย์เท่านั้น พยาบาลและเจ้าหน้าที่ในวอร์ดยังรู้สึกว่าพวกเขาเหนื่อยล้าและทำงานหนักเกินไป พวกเขาต้องทำงานเป็นเวลานานโดยสวม PPE และมักจะจบลงด้วยการจัดการผู้ป่วยวิกฤตหลายรายในเวลาเดียวกัน วิดยา วิจายาน พยาบาลประจำ Ernakulum Medical College ในรัฐเกรละกล่าวว่า เธอบอกว่าผู้คนในรัฐหละหลวมในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา เกรละเป็น 1 ใน 5 รัฐที่มีการเลือกตั้ง การชุมนุมครั้งใหญ่กำลังจัดขึ้นในรัฐนี้ แต่ทั้งนักการเมืองและประชาชนไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบการด้านความปลอดภัย
รัฐเป็นที่ทราบกันดีว่ามีโครงสร้างพื้นฐานด้านการดูแลสุขภาพที่ดี แต่เธอรู้สึกว่ามีความเสี่ยงอย่างแท้จริงที่ระบบจะถูกทำลาย
“เราทำงานภายใต้ความกดดันอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา มีช่วงที่ได้หายใจหายคอสั้นๆ ในเดือนมกราคม แต่ดูเหมือนว่ามันจบลงแล้ว และตอนนี้รู้สึกเหมือนเราต้องทำสงครามอีกครั้ง ด้วยความเข้มแข็งที่หมดลง แต่เราจะไม่ยอมแพ้ ฉันแค่อยากให้คนอื่นคิดถึงพวกเราที่ทำงานในห้องไอซียูก่อนที่พวกเขาจะออกไปปาร์ตี้"
โฆษณา