ถอดรหัสภูมิคุ้มกันหมู่!!! เมื่ออังกฤษจะเป็นประเทศแรกๆ ที่จะมีภูมิคุ้มกันหมู่ต่อ COVID-19
จากสถาณการณ์ COVID-19 ที่กำลังระบาดอย่างหนักในหลายประเทศ แนวทางการป้องกันการระบาดอย่างยั่งยืนคือการเสริมสร้างให้คนในประเทศมีภูมิคุ้มกันหมู่ให้มากที่สุดเพื่อที่จะลดการแพร่ระบาดของโรคร้าย ซึ่งประเทศอังกฤษอาจจะเป็นประเทศแรกๆ ที่สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้สำเร็จ แต่มันจะเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า เรามาวิเคราะห์กันครับ
ภูมิคุ้มกันหมู่คืออะไร
ภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) เป็นหนึ่งในวิธีป้องกันการติดต่อของโรคระบาดทางอ้อม (Indirect method) ของคนในสังคมครับ หลักการคือเมื่อประชากรมีภูมิคุ้มกันเชื้อโรคชนิดใดชนิดหนึ่งจำนวนมากพอ ไม่ว่าจะมาจากการสร้างภูมิทางธรรมชาติโดยเป็นและหายจากโรคดังกล่าว หรือได้รับวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุม้กันก็ตาม
ประชากรที่มีภูมิคุ้มกันจะช่วยลดหือหยุดการแพร่กระจายของเชื้อโรคจากคนหนึ่งไปสู่อีกคน ทำลดโอกาสที่คนที่ไม่มีภูมิจะติดโรคลงไปครับ ยิ่งมีประชากรที่มีภูมิคุ้มกันมากขึ้นเท่าไร โอกาสที่คนไม่มีภูมิคุ้มกันก็จะลดลงมากขึ้นเท่านั้นครับ
โดยปกติภูมิคุ้มกันหมู่สามารถพบเห็นได้ในธรรมชาติ เช่น ในปี 1930 นักวิจัยพบว่าจำนวนเด็กที่เป็นโรคหัด (Measles) ลดลงเป็นอย่างมากครับ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะมีเด็กที่ได้รับวัคซีนหัดหรือเป็นหัดแล้วหายเป็นจำนวนมากครับ ซึ่งภูมิคุ้มกันหมู่เป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับสังคมครับ เนื่องมาจากประชากรบางส่วนไม่สามารถสร้างวัคซีนได้เอง เช่น เป็นโรคที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน โรคมะเร็ง หรือชราภาพมาก การมีภูมิคุ้มกันหมู่จะช่วยปกป้องพวกเขาจากการติดเชื้อโรคร้ายครับ
ผลการคำนวณบอกว่าอังกฤษจะมีภูมิคุ้มกันหมู่เร็วๆ นี้
มหาวิทยาลัย University College London (UCL) ได้ทำการวิจัยและสรุปผลออกมาว่าประเทศเมืองผู้ดีจะได้รับภูมิคุ้มกันหมู่เร็วๆ นี้ครับ โดยทาง UCL แจ้งว่าจากการคำนวณในปัจจุบันประชากรอังกฤษกว่า 75% มีภูมิคุ้มกัน CORONA Virus เรียบร้อยแล้วครับ
ศาสตราจารย์ Karl Friston และทีมงานจาก UCL กล่าวในวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมาว่าประชาชนชาวอังกฤษถึง 73.4% มีภูมิคุ้มกันแล้วครับ ทางทีมงานได้คำนวณตัวเลขมาจาก Dynamic Causal Modelling (DCM) อย่างไรก็ตามพวกเขาได้แจ้งว่าการคำนวณดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับการพยากรณ์อากาศซึ่งอาจมีความคลาดเคลื่อนได้บ้างครับ ดังนั้นยังมีอีกหลายปัจจัยที่ต้องนำมาคิดร่วมกันอีกมาก เช่น ตัวแปลทางด้านพฤติกรรมการเข้าสังคม (Socio-behavioral) เป็นต้นครับ
ในปี 2020 ประเทศอังกฤษถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดแห่งใหญ่ในทวีปยุโรป มีผู้ติดเชื้อไวรัสมรณะและเสียชีวิตมากมายจนถึงขั้นเชื้อไวรัสมีการกลายพันธ์เป็นสายพันธ์อังกฤษที่กำลังระบาดอยู่ในประเทศไทยในปัจจุบัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าประเทศอังกฤษเองก็มีการพัฒนาวัคซีน COVID-19 อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะวัคซีนของ AstraZeneca ที่มีการพัฒนาและใช้อย่างแพร่หลาย (แม้ว่าอาจจะมีความสัมพันธ์กับอาการลิ่มเลือดอุดตันก็ตาม) นอกจากนี้รัฐบาลอังกฤษก็ได้ทำสัญญาจัดหาวัคซีน COVID-19 จำนวนมากทั้งภายในและภายนอกประเทศ ทำให้ประชาชนของประเทศอังกฤษได้รับการฉีดวัคซีน COVID-19 อย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีการคาดการณ์ว่าประชาชนแดนลูกหนังกว่า 32 ล้านคนได้รับวัคซีนไปแล้วครับ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในที่สุดครับ
เนื่องด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง ทางภาครัฐกำลังพิจารณาที่จะผ่อนปลนข้อจำกัดต่างๆ ลงครับ เช่น อาจจะอนุญาตให้สามารถทานอาหารกลางแจ้งได้ เป็นต้นครับ
การทำนายที่มองโลกในแง่ดีเกินไป
ไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นด้วยกับนักวิจัยจาก UCL ครับ Dr. Adam Kurcharski จาก London School of Hygiene & Tropical Medicine กล่าวว่าโมเดลที่นักวิจัยจาก UCL นำมาใช้เป็นการมองโลกในแง่ดีเกินไป และพวกเขาอาจจะมั่นใจในการคาดการณ์มากเกินไปครับ
ศาสตราจารย์ Neil Ferguson จาก Imperial College ก็ออกมาให้ความเห็นเชิงเดียวกันว่า DCM เป็นแนวคิดที่ดี แต่อาจใช้ไม่ได้ในตอนนี้ สำหรับ Imperial College นั้นประชากรที่มีภูมิคุ้มกันมีไม่ถึง 40% ครับ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าประเทศอังกฤษจะมีภูมิคุ้มกันหมู่หรือไม่ แต่อย่างน้อยประชากรกว่าครึ่งของประเทศอังกฤษได้รับวัคซีนเข็มแรกไปแล้วครับ และหากได้รับวัคซีนมากๆ จนได้ภูมิคุ้มกันหมู่มา อังกฤษจะเป็นประเทศแรกๆ ของโลกที่สามารถควบคุมการระบาดของ COVID-19 ได้ในที่สุดครับ
- 12
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
