จีน-อินเดีย โควิด-19
โดย
นิติภูมิธณัฐ
มิ่งรุจิราลัย
https://www.usnews.com/news/world/articles/2021-04-09/india-reports-a-record-131-968-new-covid-19-infections
ปีที่แล้ว กลุ่มเพื่อนชาวอูเครนของผมตกค้างอยู่พัทยานานหลายเดือน กลับไปถึงอูเครนได้ไม่นาน หนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทก็จากโลกนี้ไปเพราะโควิด-19 ที่ระบาดหนักในอูเครน
เช้า 11 เมษายน 2564 ผมคุยโทรศัพท์กับเพื่อน ทราบว่าเมื่อวาน (10 เมษายน) เพียงวันเดียวมีชาวอูเครนตายเพราะโควิด-19 มากกว่า 400 คน (ประชากร 44 ล้าน) ตอนนี้อูเครนมีคนติดโควิด-19 ไปแล้ว 1.84 ล้าน มีคนตายแล้ว 3.6 หมื่น
ถึงวันนี้ มีชาวโลกติดโควิด-19 แล้ว 136 ล้าน ตายแล้ว 2.9 ล้าน ที่ตายมากก็มี สหรัฐ (5.75 แสน) บราซิล (3.51 แสน) เม็กซิโก (2.07 แสน) อินเดีย (1.69 แสน) อังกฤษ (1.27 แสน) อิตาลี (1.13 แสน) และรัสเซีย (1.02 แสน) เพียงปีกว่า มีคนตายเพราะโรคนี้เกือบ 3 ล้าน
จีนกับอินเดียมีประชากรเกินพันล้าน แต่จีนซึ่งพบโควิด-19 เป็นครั้งแรกเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2562 จนถึงปัจจุบันมีคนติดเชื้อนี้เพียง 9 หมื่น มีคนตายไปไม่ถึง 5,000 คน มีผู้ติดเชื้อรายใหม่น้อยมาก 11 เมษายนที่ผ่านมา เจอคนติดเชื้อใหม่ 10 คน เจ้าหน้าที่จีนก็โกลาหลอลหม่าน วิ่งล็อคดาวน์หมู่บ้าน กลายเป็นเรื่องใหญ่โตมาก
10 เมษายนเพียงวันเดียว อินเดียพบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากถึง 145,384 คน ตาย 794 คน ยอดติดเชื้อสะสมของอินเดียพุ่งสูงขึ้นเป็น 13.35 ล้านคนแล้ว
หลายท่านที่ตามผมในเฟซบุ๊ค ‘นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย’ ซึ่งมีภาพของลูกค้าที่มาทานและมาเข้าคิวในภัตตาคารของเราทั้ง 3 สาขาเกือบทุกวัน เพื่อนในเฟสบุ๊คแฟนเพจมักจะโพสต์ถามว่า ไม่เห็นลูกค้าของคุณสวมหน้ากากอนามัยเลย คนจีนละเลยการป้องกันโควิด-19 กันขนาดนี้แล้วหรือ
ขอตอบครับว่า รัฐบาลจีนบังคับฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเกือบทั้งหมดแล้ว และกวดขันเรื่องคนภายนอกเดินทางเข้าแผ่นดินจีน จีนจึงดูแลคนเป็นพันล้านให้อยู่รอดปลอดภัยจากมหันตภัยโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลายแห่งคนจึงเริ่มไม่ใส่หน้ากากอนามัยกันแล้ว
https://www.globaltimes.cn/page/202101/1211805.shtml
การบังคับใช้กฎหมายของอินเดียทำได้ไม่ดีเท่าจีน ยังมีการละเลยไม่สวมหน้ากากอนามัยโดยที่ประชากรส่วนใหญ่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ความเป็นอยู่ก็แออัดยัดเยียด สถานพยาบาลไม่พอ แถมวัคซีนก็ขาดแคลน
แหล่งที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดของอินเดียคือ ‘รัฐมหาราษฏระ’ ซึ่งมีเมืองเอกชื่อมุมไบ มุมไบมีประชากร 20 ล้าน ผู้คนอยู่กันอย่างแออัดยัดเยียด การติดเชื้อจึงแพร่ขยายกระจายได้ไว เมื่อมีการล็อคดาวน์ คนงานยากจนจำนวนหนึ่งจึงอพยพจากมุมไบไปอยู่ตามคามนิคมชนบททั่วประเทศ
ผู้อ่านท่านลองหลับตาจินตนาการ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับอินเดียในอนาคตอันใกล้
อินเดียมีพรมแดนประชิดติดกับบังกลาเทศ (4,096 กม.) จีน (3,488 กม.) ปากีสถาน (3,310 กม.) พม่า (1,458 กม.) ภูฏาน (578 กม.) และศรีลังกา (0.1 กม.)
พรมแดนอินเดีย-จีน ไม่น่ามีปัญหา
แต่ที่น่ากลัวคือพรมแดนอินเดีย-บังกลาเทศ การสาธารณสุขในบังกลาเทศยังไม่ดีพอ
บังกลาเทศมีพื้นที่เท่าภาคอีสานของไทย แต่มีประชากรมากถึง 163 ล้าน (ความหนาแน่น 1,106 คนต่อ ตร.กม.) การเดินทางข้ามไปมาระหว่างคนอินเดีย-บังกลาเทศก็ไม่ยุ่งยาก จากรัฐมหาราษฏระซึ่งมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากที่สุด และอาจจะกระจายไปตามชนบทและมีโอกาสข้ามพรมแดนไปบังกลาเทศ ถ้าควบคุมตรงนี้ได้ไม่ดี ภูมิภาคเอเชียใต้ + พม่า น่ากลัวมากครับ
ตรุษจีน พ.ศ. 2563 ตอนโควิด-19 กำลังระบาดรุนแรง รัฐบาลจีนออกกฎเข้ม ห้ามเดินทางกลับบ้าน หลังจากนั้น เหตุการณ์จึงเบาบาง
ตรุษจีน พ.ศ. 2564 สถานการณ์โควิด-19 เบาบางมากแล้ว แทบจะไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเลย รัฐบาลฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเกือบทั้งประเทศแล้ว
คราวนี้ใครอยากกลับบ้านเชิญ ยิ่งกลับมาก รัฐบาลยิ่งชอบ เพราะเป็นการสร้างการหมุนเวียนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ
รัฐบาลของบางประเทศให้คนกลับบ้าน ทั้งที่ยังมีการระบาดและยังไม่ได้ฉีดวีคซีนให้คนหมู่มาก แทนที่จะเป็นการสร้างการหมุนเวียนให้เศรษฐกิจภายใน อาจจะเป็นการสร้างความหมุนเวียนให้เชื้อโควิด-19 มากกว่า.
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
