น้ำปนเปื้อนนิวเคลียร์ฟุกุชิมะ!!! รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมปล่อยน้ำเสียลงสู่มหาสมุทร
ใน 10 ปีที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์ซึนามิถล่มญี่ปุ่นจนเป็นเหตุให้แกนปฏิกรณ์ของโรงฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะเกิดการหลอมละลาย (Meltdown) และนำทะเลที่ไหลเข้ามาเกิดการปนเปื้อนและไหลเข้าสู่สิ่งแวดล้อม ทางรัฐบาลญี่ปุ่นพยายามที่จะแก้ไขสถาณการณ์และสร้างที่เก็บน้ำขนาดใหญ่เพื่อไม่ให้เกิดการปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม แต่ดูเหมือนที่เก็บน้ำจะเต็มในเร็วๆ นี้ และจำเป็นต้องปล่อยน้ำปนเปื้อนเข้าสู่มหาสมุทรในที่สุดครับ
อดีตอันแสนโหดร้าย
โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มีชื่อเต็มๆ ว่าโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิ (Fukushima Daiichi Nuclear Power Plant) โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุชิมะ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโตเกียวประมาณ 220 กิโลเมตรครับ โรงไฟฟ้าดังกล่าวเปิดให้ดำเนินการครั้งแรกในปี 1971 และบริหารงานโดยบริษัท Tokyo Electric Power Company (TEPCO) ครับ เนื่องจาก
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะมีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ถึง 6 เตาและสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 4.7 กิกะวัตต์ ทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะเป็นหนึ่งใน 15 โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกครับ
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์วิปโยคก็เกิดขึ้นในปี 2011 เมื่อเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่นห่างจากโรงไฟฟ้าไปเพียง 97 กิโลเมตรครับ ผลจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ซึนามิถาโถมเข้าที่ชายฝั่งตะวันออกในเวลาเพียง 10 นาทีหลังจากนั้นครับ
ถึงแม้ว่าระบบต่างๆ ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะจะสามารถตรวจจับปัญหาที่เกิดขึ้นและเริ่มหยุดการเกิดปฏิกิริยาในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทันที แต่คลื่นยักษ์ซึนามิที่มีความสูงถึง 14 เมตรก็พุ่งเข้าซัดและทำลายกำแพงป้องกันในที่สุด ส่งผลให้ระบบปั่นไฟฟ้าเพื่อใช้ในการระบายความร้อนเสียหาย และทำให้แกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์หลอมละลายและปล่อยสารกัมมันตรังสีเข้าสู่มหาสมุทรในที่สุดครับ ท้ายที่สุดรัฐบาลญี่ปุ่นและ TEPCO ก็สามารถควบคุมอุณหภูมิของเตาปฏิกรณ์ได้และเลือกที่จะกักเก็บน้ำที่ปนเปื้อนไว้ในโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะกว่า 1 ล้านตันครับ
เมื่อน้ำปนเปื้อนเต็มและรัฐบาลญี่ปุ่นต้องการปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม
ปัจจุบันน้ำที่ปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีก็มีการบำบัดผ่านกระบวนการกรองอันแสนซับซ้อนเพื่อที่จะแยกเอาส่วนสารกัมมันตรังสีออกจากน้ำให้มากที่สุด แต่อย่างไรก็ตามนักวิจัยคาดว่าสารบางอย่างเช่น สารตริเตรียม (ไอโซโทปหนึ่งของไฮโดรเจนที่สามารถปล่อยรังสีบีตาออกมาได้) จะยังปนเปื้อนในน้ำต่อไป
แต่ปัจจุบันสถาณการ์ทาง TEPCO ได้แจ้งว่าที่เก็บน้ำดังกล่าวบรรจุน้ำถึง 1.3 ล้านตัน และกำลังจะเต็มในปี 2022 ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นต้องปรึกษากันเพื่อหาทางออกของน้ำปนเปื้อนนี้ และได้ลงมติอนุมัติแผนการที่จะปล่อยน้ำปนเปื้อนจำนวนมหาศาลลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกครับ โดยรัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวว่าน้ำที่จะปล่อยสู่ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะเป็นน้ำที่ผ่านการบำบัดมาแล้วอย่างเดี และมีปริมาณสารกัมมันตรังสีน้อยกว่าค่าของน้ำดื่มเสียอีกครับ
การโต้แย้งแผนการของรัฐบาลญี่ปุ่น
แผนการดังกล่าวไม่เป็นที่ถูกใจของกลุ่มสิ่งแวดล้อมและประชาชนที่ต้องอาศันมหาสมุทรในการดำรงชีวิตครับ กลุ่ม Greenpeace องกรณ์อิสระด้านสิ่งแวดล้อมรายใหญ่ของโลกได้ออกมาต่อต้านแผนการดังกล่าวอย่างเต็มที่ครับ โดยพวกเขากล่าวว่าการปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีดังกล่าวรังแต่จะสร้างความผิดหวังให้ประชาชนชาวฟุกุชิมะครับ
สำหรับอุตสาหกรรมประมงในประเทศญี่ปุ่นเองก็ให้ความเห็นไปในทางเดียวกันครับ โดยพวกเขากล่าวว่าผู้บริโภคจะไม่เชื่อมั่นในสินค้าประมงและปฏิเสธที่จะซื้อสินค้าจากฟุกุชิมะครับ ซึ่งเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนในปี 2011 เมื่อนานาประเทศระงับและห้ามน้ำเข้าอาหารทะเลจากแถบฟุกุชิมะและบริเวณโดยรอบครับ นอกจากนี้ผลิตผลทางการเกษตรที่มีการเพาะปลูกในบริเวณใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะก็โดนแบนไปด้วยครับ
ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศจีนและประเทศเกาหลีใต้ก็ออกมาเตือนรัฐบาลญี่ปุ่นให้คิดถึงผลของการกระทำให้มากๆ ครับ โดยโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน คุณ Zhao Lijian ได้ออกมากบอกว่ารัฐบาลญี่ปุ่นควรกระทำสิ่งต่างให้มีความรับผิดชอบมากกว่านี้ครับ โดยทางการจีนขอใช้ช่องทางทางการทูตในการเตือนรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของนานาประเทศครับ
อย่างไรก็ตามทางอเมริกากลับสนับสนุนการตัดสินใจของประเทศญี่ปุ่นในการปล่อยน้ำปนเปื้อนลงสู่มหาสมุทรครับ โดยทางพญาอินทรีย์กล่าวว่าถ้าอยู่ในขอบเขตมาตรฐานนิวเคลียร์สากลก็สามารถทำได้ครับ
อย่างไรก็ตาม ประชากรนานาประเทศที่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หรือกำลังจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต้องจับตาดูการกระทำครั้งนี้ให้ดีครับ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวครับ แต่หวังว่าเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียและนิวเคลียร์จะมากพอเพื่อให้การปล่อยน้ำจำนวนมหาศาลดังกล่าวปลอดภัยต่อชาวโลกอย่างแท้จริงครับ
- 33
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
