16 เม.ย. 2021 เวลา 08:05 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ไทยเสี่ยงถูกสหรัฐฯ หมายหัวเป็นประเทศปั่นค่าเงิน
นักวิเคราะห์ด้านปริวรรตเงินตราต่างประเทศ เปิดเผยว่า ไต้หวันมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในอัตราส่วน 14% ของ GDP ในปี 2563, ยอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเข้าซื้อสกุลเงินต่างประเทศเกือบ 6% ของ GDP ซึ่งอาจจะถูกสหรัฐฯตีตราว่าปั่นค่าเงิน ขณะที่ไทย เวียดนาม และสิงคโปร์ ก็อยู่ในสถานะไม่ต่างกัน
ซึ่งตามกฎเกณฑ์ของสหรัฐฯ หากประเทศคู่ค้า มียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูงกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์, มีการแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศในอัตราส่วนสูงกว่า 2% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP), มียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกสูงกว่า 2% ของตัวเลข GDP จะถูกระบุว่า “ประเทศคู่ค้านั้นปั่นค่าเงิน” ทันที
อย่างไรก็ดี คาดว่า นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ อาจจะไม่ใช้มาตรการที่แข็งกร้าวแบบเดียวกับ อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากที่ผ่านมาคณะบริหารของประธานาธิบดี โจ ไบเดน พยายามใช้แนวทางที่สร้างสรรค์กับบรรดาประเทศพันธมิตรและประเทศคู่ค้า โดยคาดว่านางเยลเลนจะพิจารณาถึงการบิดเบือนทางการค้าและกระแสเงินทุนในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด และจะทบทวนเกี่ยวกับโครงสร้างของรายงานดังกล่าว
ด้านนายแมทธิว กู้ดแมน อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ มั่นใจว่านางเยลเลนจะดำเนินการในเรื่องนี้ด้วยความยืดหยุ่นมากขึ้น และคาดว่านางเยลเลนอาจจะไม่ตีตราอย่างชัดเจนว่าประเทศคู่ค้ารายใดทำการปั่นค่าเงิน
1
ทั้งนี้ กฎหมายสหรัฐฯ กำหนดให้กระทรวงการคลังต้องทำการเจรจากับประเทศที่ถูกระบุว่าปั่นค่าเงิน เพื่อให้ประเทศนั้นๆ ดำเนินการให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของสหรัฐฯ มิฉะนั้นประเทศที่ถูกระบุว่าปั่นค่าเงินจะไม่สามารถทำสัญญาจัดซื้อกับรัฐบาลสหรัฐฯ ได้
โฆษณา