5 พ.ค. 2021 เวลา 08:58 • ไลฟ์สไตล์
ปัญหาทั้งหมดทั้งมวลในโลกใบนี้
ไม่ได้อยู่ที่โลกภายนอกเลย
หากแต่อยู่ที่ใจแต่ละดวงต่างหากล่ะ
1
ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวไว้ว่า
“โลกนี้มันว่างอยู่แล้ว จิตต่างหากที่ไม่ว่าง”
1
ธรรมชาติทั้งหลาย
เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย
มีสภาพที่ว่างจากตัวตนอยู่แล้ว
ไม่เคยชม บ่น ไม่เคยก่นด่าอะไร
แต่ใจคนต่างหาก ที่ไม่เคยว่างเว้นจากการปรุงแต่ง
มีปัญหากับทุกสิ่งอย่าง
พูดไม่เคยหยุด
เห็นอะไรก็อาจเกิดอาการขวางหู ขวางตา
มีแต่เรื่องที่ถูกใจ ไม่ถูกใจ
1
สร้างเหตุแห่งทุกข์กันไม่เคยหยุดหย่อน
ไม่ทุกข์ใจยังไงไหว
1
อาการขวางโลก คือ อาการของคนที่เอาตัวเองไปขวางกระแสของโลก
ตั้งคำถามกับทุกสิ่ง ออกแนวขัดใจ
ไม่ได้พยายามทำความเข้าใจกับโลก
คนอื่นทำอย่าง ตัวเองจะทำอีกอย่าง
ดื้อรั้น ไม่ยอมฟังอะไรใคร
ไม่มีอะไรถูกใจเลยซักอย่าง
ยิ่งใหญ่อยู่ในโลกความคิดของตัวเอง
กระฟัดกระเฟี้ยดตลอดเวลา
ส่งพลังงานลบออกมา
คนมีแต่จะวิ่งหนี ไม่อยากเข้าใกล้
การโอนอ่อนผ่อนตามคนอื่นไปหมด
ไหลไปตามกระแส ตามลู่ลม
ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
กิ้งก่าเปลี่ยนสีกันไป
แต่มันอาจจะทำให้คนคนนั้น
ไร้ทิศทางเกินไปสักหน่อย
ท้ายที่สุด ก็ส่งผลให้เกิดอาการหลงทาง
การกลับมาฝึกสติ สัมปชัญญะ
อบรมบ่มเพาะศีล สมาธิ ปัญญา
ตั้งคำถามกับตัวเอง
แทนที่จะตั้งคำถามออกไปข้างนอก
จึงอาจจะเป็นหนทางที่เหมาะสมที่สุด
ไม่ต้านกระแส และไม่ไหลไปตามกระแส
2
พยามยามทำความเข้าใจกับตัวเอง
เรียนรู้พฤติกรรมของตัวเอง
เข้าใจตัวเองอย่างถ่องแท้
ก็เข้าใจทุกคน ทุกสิ่งไปเอง
ย้อนกลับไปเห็นถึงกระบวนการก่อร่างสร้างตัวของทุก ๆ การกระทำ
นั่นคือ การกลับไปเห็นจิตตัวเอง
วันแรก ๆ จะเห็นตรงอารมณ์
ส่งผลออกไปทางการกระทำ
จากนั้น เมื่อฝึกฝนไม่หยุด
สติปัญญาแก่กล้าขึ้น จิตตั้งมั่นมากขึ้นตามลำดับ
จะเห็นตั้งแต่การก่อตัวขึ้นของอารมณ์
มันเกิดมาจากกระบวนการปรุงแต่งจากภายใน
ค่อย ๆ ปั้นน้ำเป็นตัว คุกกรุ่นเป็นอารมณ์ขึ้นมา
เมื่อรู้เท่าทันกระบวนการก่อตัวนี้
ย่อมสามารถเข้าไปถึงต้นตอ
แห่งการเกิดขึ้นของความทุกข์ใจทั้งหลาย
เมื่อเห็นบ่อยเข้าเรื่อย ๆ
ร้อยครั้ง พันครั้ง หมื่นครั้ง ...ฯลฯ...
จะเกิดอาการเบื่อหน่าย คลายความยึดถือ
มีแต่ของเกิดขึ้น ดับไปตามเหตุปัจจัย
ทุกข์เกิดขึ้นมาได้ เพราะความยึดถือ
สรรพสิ่งมีสภาพว่างจากตัวตน
จึงเกิดการปล่อย การวาง ความยึดถือทั้งหลาย
อยู่กับความดับทุกข์
เห็นแต่การดับลงของความทุกข์
ยังไม่ทันที่จะก่อตัวกันขึ้นมา ก็ดับไปแล้ว
เห็นแต่ความยึดถือ
ยึดปั๊บ ทุกข์ทันที
จิตขยับ ทุกข์เกิดทันควัน
1
จึงเกิดการวางเป็นลำดับ ๆ
จนในที่สุด
วางความยึดถือทั้งหมด
สลัดคืนสู่ธรรมชาติเดิมแท้
สามารถเป็นผู้อยู่เหนือโลก
เข้าใจ และเข้าถึงความจริงแท้
ตัวปัญหา คือ จิต
เมื่อจิตปล่อยวางจิต
ก็หมดเรื่องหมดราว
หมดปัญหากับทุกอย่าง
ทุกสิ่งจึงเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด
ไม่มีอะไรโผล่มาขวางโลก ไหลไปตามโลกอีก
เป็นธรรมชาติอันจริงแท้
ไม่มีโลกภายนอก ภายใน อะไรอีก
เป็นธรรมชาติเดียวกันทั้งหมด ...
“จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นนิโรธ
อนึ่ง ตามสภาพที่แท้จริงของจิต
ย่อมส่งออกนอกเพื่อรับอารมณ์นั้น ๆ
โดยธรรมชาติของมันเอง
ก็แต่ว่าถ้าจิตส่งออกนอกได้รับอารมณ์แล้ว
จิตเกิดหวั่นไหวหรือกระเพื่อมไปตามอารมณ์นั้น
เป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากจิตหวั่นไหวหรือกระเพื่อม
ไปตามอารมณ์นั้น ๆ เป็นทุกข์
ถ้าจิตที่ส่งออกนอกได้รับอารมณ์แล้ว
แต่ไม่หวั่นไหว หรือไม่กระเพื่อมไปตามอารมณ์นั้น ๆ
มีสติอยู่อย่างสมบูรณ์ เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตไม่หวั่นไหว หรือไม่กระเพื่อม
เพราะมีสติอยู่อย่างสมบูรณ์ เป็นนิโรธ
พระอริยเจ้าทั้งหลายมีจิตไม่ส่งออกนอก
จิตไม่หวั่นไหว จิตไม่กระเพื่อม
เป็นวิหารธรรม จบอริยสัจจ์ ๔”
- หลวงปู่ดุลย์ อตุโล
อ้างอิง :

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา