18 เม.ย. 2021 เวลา 15:19 • ดนตรี เพลง
รีวิวอัลบั้ม The Bitter Truth: Evanescence กอธิคร็อคในตำนานขวัญใจวัยรุ่นยุค Millenium
Evanescence: The Bitter Truth
ต้องยอมรับตรงนี้ว่าหลังจากอัลบั้ม The Open Door (2006) เป็นต้นมาก็ไม่ได้ติดตามวงนี้ต่อเท่าไรนัก เนื่องจากอัลบั้มดังกล่าวสมบูรณ์แบบจนน่าเป็นห่วงว่าจะรักษามาตรฐานแบบนั้นไว้ไม่ได้อีก ซึ่งงานต่อๆมาไม่ว่าจะ Evanescence (2011) หรือ Synthesis (2017) ที่ดันเป็นงาน Re-arranged เพลงเก่าๆ บอกตามตรงว่าชื่อของ Evanescence แทบจะเลือนหายไปจากวงการกันเลย
แต่แล้ว Amy Lee และชาวคณะก็เซอร์ไพรส์ด้วยการปล่อยอัลบั้มล่าสุดชุดที่ห้า The Bitter Truth ที่เจ๊แกออกมาคอนเฟิร์มเองว่ามันทั้งมืดหม่น แปลก และมีบางอย่างจาก The Open Door อยู่ด้วย แต่ก็ไม่ได้เหมือนเดิมซะทีเดียว
Artifact/The Turn แทร็คอินโทรเรียกน้ำย่อย ด้วยลูปสังเคราะห์เหงาปนหลอนคลอไปกับเสียงร้องเนิบเย็นของ Amy Lee สื่อเป็นนัยๆว่าพวกชั้นจะกลับมาเป็นแบบเก่าที่พวกเธอเคยรู้จักกันแล้วล่ะนะ, Broken Pieces Shine ต่อเนื่องกันได้กลมกลืนกับฮาร์ดร็อคที่ได้กลิ่นยุคเก่าโชยมาบ้าง รวดร้าวกับเนื้อหาพอประมาณ, The Game Is Over ที่ยังฟังเป็นเนื้อเดียวกันจนเกือบแยกจากเพลงก่อนหน้าไม่ออก ยังดีที่ท่อนคอรัสทำเมโลดี้ได้ออกมาโหยหวนน่าฟังอยู่ ส่วนพาร์ทดนตรีเริ่มเฉียดเข้าใกล้ นู เมทัล มากขึ้นเรื่อยๆ, Yeah Right แทร็คต่อมาที่ทำเท่นำดรัมลูปสุดลึกลับเดินเครื่องตั้งแต่ต้น สร้างสีสันใหม่ๆได้อีกนิด
Feeding The Dark ดึงจังหวะช้าหน่วงหนักด้วยริฟฟ์กีตาร์หนาๆชวนโยกเยี่ยงวันวาน ซาวด์ติดไปทางโพสต์-กรันจ์ แบบต้นยุค 2000 ไม่น้อย, Wasted On You หลอกล่อด้วยเปียโนนิ่มๆตีคู่ไปกับซาวด์สังเคราะห์ก่อนจะปล่อยกันเต็มแบนด์ และด้วยจังหวะ 6/8 ทำให้เพลงนี้ดูเก่าและเท่อยู่ในที, Better Without You ริฟฟ์กีตาร์ซาวด์ต่ำคุมจังหวะควบคู่ไปกับเสียง Kick ของกลองได้ดี เด่นที่พาร์ทริธึม, Use My Voice ขึ้นมาชวนง่วงไม่น้อย แต่ได้ท่อนคอรัสหมู่ช่วยฉุดบรรยากาศเพลงไว้ได้, Take Cover พยายามใช้ซาวด์ต่างๆให้ออกไปทาง อินดัสเตรียล แต่ยังรู้สึกออกมาครึ่งๆกลางๆ ถ้ากดไปทางไหนสักทางน่าจะเติมเต็มอารมณ์มากกว่านี้, Far From Heaven บัลลาดเปียโนที่แทบจะเป็นงานเดี่ยวของ Amy แวดล้อมด้วยลูปกลองและเสียงเครื่องสายเป็นแบ็คกราวด์ ที่ทางวงมักจะมีติดไว้ในอัลบั้มอยู่เสมอ, Blind Belief นูเมทัล ที่มีทีมเวิร์คท่อนกลางชวนโยก และมีเมโลดี้กระเดียดไปทาง Gothic อย่างเต็มเปี่ยม เครื่องสายคลออยู่ข้างหลังสุดอลัง ยกให้เป็นเพลงเด่นที่สุดไปเลย แต่น่าเสียดายที่ดันเป็นเพลงสุดท้ายพอดี
ด้วยตัวเพลงระดับ Mid-Tempo เป็นแกนหลัก ทำให้การฟังรวดเดียวจบนั้นรู้สึกหนืดแบบต่อเนื่องไปนิด และทิศทางโดยรวมยังดูครึ่งๆกลางๆอยู่ The Bitter Truth ก็น่าจะเป็นการกลับมาที่ทำให้แฟนเก่าพอหายคิดถึงได้บ้าง แต่ถ้าชัดเจนกับแนวทางกว่านี้อีกสักนิด ชื่อของพวกเขาก็น่าจะยังเป็นที่พูดถึงอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของวงการอย่างทุกวันนี้
โฆษณา