20 เม.ย. 2021 เวลา 04:35 • ประวัติศาสตร์
• จักรวรรดิแห่งชนร่อนเร่
(Empires of The Nomads)
3
แผนที่ของ 6 จักรวรรดิแห่งชนร่อนเร่
บริเวณเขตทุ่งหญ้าสเตปป์ (Stepp) อันกว้างใหญ่ในดินแดนยูเรเซีย (Eurasia) คือจุดกำเนิดที่สำคัญของบรรดาชนเผ่าร่อนเร่ต่าง ๆ มาอย่างยาวนานนับพันปี
1
จากชนเผ่าร่อนเร่ที่อพยพไปมา ดำรงชีวิตด้วยการขี่ม้าเลี้ยงสัตว์ กลับกลายเป็นผู้ก่อตั้งจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ที่โลกจะต้องจารึก และนี่ก็คือเรื่องราวของจักรวรรดิแห่งชนร่อนเร่
• จักรวรรดิฮัน (Hunnic Empire : ศตวรรษที่ 5)
ในราวศตวรรษที่ 4 ได้มีชนเผ่าร่อนเร่จากเอเชียกลางได้เข้ามารุกรานดินแดนยุโรป ชนเผ่านี้รู้จักกันในนามว่า "ฮัน" (Hun) พวกเขาคือชนเผ่านักรบที่เชี่ยวชาญในการศึก ชาวฮันสร้างความหวาดกลัวไปทั่วทั้งยุโรป รุกรานจักรวรรดิโรมันตะวันตก (Western Roman Empire) และดินแดนรอบข้าง นับเป็นยุคแห่งความโกลาหลอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ยุโรป
4
ชาวฮันได้สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนทั่วยุโรป
นักประวัติศาสตร์ได้สัณนิษฐานว่า ชาวฮันอาจสืบเชื้อสายจากชาวซงหนู (Xiong Nu) กลุ่มชนเผ่าร่อนเร่ที่เคยรุกรานจีนตอนเหนือมาก่อน
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชาวฮันสามารถสร้างความน่าสะพรึงกลัวนี้ได้ก็คือ ม้าศึกของพวกเขารวมไปถึงการมีผู้นำที่กล้าหาญนามว่า อัตทิลา (Attila The Hun) ผู้สรรสร้างจักรวรรดิฮัน (Hunnic Empire) ขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่ แต่ทว่าหลังการตายของอัตทิลาในปี ค.ศ. 453 เรื่องราวของชาวฮันก็เริ่มเลือนหายไปในที่สุด
• จักรวรรดิเตอร์กิก (Turkic Empire : ศตวรรษที่ 6-8)
1
ในราวศตวรรษที่ 6 บริเวณตอนเหนือของจีนแถบเทือกเขาอัลไต (Altai) ได้มีกลุ่มชนเผ่าร่อนเร่ที่พูดภาษาเตอร์กิก (Turkic) ที่เรียกว่าพวก "โกคเติร์ก" (Gokturk) ได้สร้างจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ของพวกเขาขึ้นมา ภายใต้ผู้ปกครองที่เรียกว่า "ข่าน" (Khan)
4
ในช่วงที่รุ่งเรืองถึงขีดสุด ดินแดนของพวกเขากว้างใหญ่เป็นอย่างยิ่ง ครอบคลุมตั้งแต่บริเวณทะเลดำในยุโรปตะวันออกจรดถึงชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
3
ทว่าในปลายศตวรรษที่ 6 ได้เกิดสงครามกลางเมืองภายในจักรวรรดิ ดินแดนถูกแบ่งออกเป็นจักรวรรดิตะวันตก (Western Turkic Empire) และจักรวรรดิตะวันออก (Eastern Turkic Empire) โดยจักรวรรดิทั้ง 2 ส่วนนี้สุดท้ายก็ถูกพิชิตลงโดยราชวงศ์ถัง (Tang) ของจีนในปี ค.ศ. 630 และ 659 ตามลำดับ เป็นอันสิ้นสุดอำนาจของชาวโกคเติร์กในช่วงแรก
2
แม้ว่าในราวปี ค.ศ. 682 จะมีการฟื้นฟูจักรวรรดิขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ดำรงอยู่ได้ไม่นานนัก ท้ายที่สุดในราวปี ค.ศ. 744 จักรวรรดิของชาวโกคเติร์กก็ล่มสลายลง โดยการพิชิตของชาวอุยกูร์ (Uyghur) กลุ่มชนเตอร์กิกอีกพวกหนึ่ง
1
• จักรวรรดิมองโกล (Mongol Empire : ค.ศ.1206-1368)
ตอนปลายศตวรรษที่ 12 ได้มีขุนศึกชาวมองโกล (Mongol) ผู้หนึ่งนามว่า "เตมูจิน" (Temujin) ได้ทำการรวบรวมเหล่าบรรดาชนเผ่าร่อนเร่ต่างๆ ทางตอนเหนือของจีนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน และนี้คือจุดกำเนิดของจักรวรรดิมองโกล จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์โลก
7
กองทัพมองโกลภายใต้การนำของเตมูจินหรือสมญานาม "เจงกีสข่าน" (Genghis khan) สามารถเอาชนะอาณาจักรรอบ ๆ ข้าง และพิชิตดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาล
1
เจงกีสข่านผู้ก่อตั้งจักรวรรดิมองโกล
ความยิ่งใหญ่ของเจงกีสข่านยังสืบทอดไปยังบรรดาลูกหลานของเขา ปี ค.ศ. 1279 กุบไลข่าน (Kublai khan) หลานชายของเขา สามารถพิชิตแผ่นดินจีน และสถาปนาราชวงศ์หยวน (Yuan) ปกครองจีน นับเป็นความยิ่งใหญ่ครั้งสำคัญของจักรวรรดิมองโกล
4
จักรวรรดิมองโกลสามารถพิชิตดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาล นับตั้งแต่ จีน เปอร์เซีย เอเชียกลาง ตะวันออกกลาง รัสเซีย จรดถึงดินแดนยุโรปตะวันออก
1
ทว่าความยิ่งใหญ่นี้ก็มาถึงจุดเสื่อมถอย ในศตวรรษที่ 13 จักรวรรดิอันยิ่งใหญ่นี้ถูกแบ่งแยกออกเป็น 4 ส่วน คือ ราชวงศ์หยวนในจีน, จักรวรรดิจักกาไท (Chagatai Khanate) ในเอเชียกลาง, จักรวรรดิอิลข่าน (ilKhanate) ในตะวันออกกลาง และจักรวรรดิโกลเด้นฮอร์ด (Golden Horde Khanate) ในรัสเซีย
จักรวรรดิทั้ง 4 ส่วนของมองโกล
การล่มสลายของราชวงศ์หยวนในปี ค.ศ. 1368 เป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดอำนาจของจักรวรรดิมองโกล แม้ว่าจักรวรรดิอีก 3 แห่ง จะยังคงดำรงอยู่ แต่ไม่นานนักก็เกิดการแตกแยกและล่มสลายไปในท้ายที่สุด
• จักรวรรดิออตโตมัน (Ottoman Empire : ค.ศ. 1299-1922)
ในช่วงเวลาที่จักรวรรดิมองโกลเรืองอำนาจนั้น ได้มีกลุ่มชนเตอร์กิกหลายกลุ่มอพยพไปยังทิศตะวันตก หนึ่งในนั้นคือกลุ่มชนที่ชื่อว่า "โอก์ฮุซเติร์ก" (Oghuz Turk) ได้อพยพไปยังดินแดนอะนาโตเลีย (Anatolia) หรือดินแดนของประเทศตุรกีในปัจจุบัน โดยภายในชาวโอก์ฮุซเติร์ก ประกอบไปด้วยชนเผ่าเล็กชนเผ่าน้อยมากมาย โดยชนเผ่าที่สำคัญก็คือ เผ่าคายึ (Kayi)
3
โดยในช่วงปลายศตวรรษที่ 13 ผู้นำของเผ่าคายึนามว่า "ออสมัน" (Osman) ได้สถาปนาอาณาจักรของตนเองนามว่า "เมมาลิค ออสมันยา" (Memalik Osmanya) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวรรดิออตโตมัน (Ottoman Empire) จักรวรรดิที่จะครองอำนาจยาวนานกว่า 600 ปี พิชิตทั้งดินแดนอะนาโตเลีย ยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง รวมถึงตอนเหนือของแอฟริกา
1
จักรวรรดิออตโตมันปกครองภายใต้อำนาจของสุลต่าน (Sultan) แห่งราชวงศ์ออสมัน ซึ่งท้ายที่สุดอำนาจของจักรวรรดิก็ถึงกาลสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1922 ก่อนที่จะมีการสถาปนาสาธารณรัฐตุรกีขึ้นมาแทน
1
• จักรวรรดิติมูร์ (Timurid Empire : ค.ศ. 1369-1405)
3
ศตวรรษที่ 14 ภายในดินแดนของจักรวรรดิจักกาไท (Chagatai Khanate) ซึ่งเป็นดินแดนของจักรวรรดิมองโกลในเอเชียกลาง ได้เกิดความแตกแยกและสงครามกลางเมือง เกิดเป็นอาณาจักรยิบย่อยมากมาย
1
ในช่วงเวลานั้นได้มีขุนศึกผู้หนึ่งนามว่า "ติมูร์" (Timur) หรือที่รู้จักกันในทางตะวันตกว่า "ตาเมอร์เลน" (Tamerlane) ผู้สืบเชื้อสายจากเจงกีสข่าน ได้ซ่องสุมกำลังและตั้งตนเป็นใหญ่
1
ตาเมอร์เลน ผู้สถาปนาจักรวรรดิติมูร์
ในที่สุดราวปี ค.ศ. 1369 ติมูร์ก็ได้สถาปนาจักรวรรดิเป็นของตนเอง โดยมีศูนย์กลางอำนาจอยู่ที่นครซามาร์คันด์ (Samarkand : ปัจจุบันอยู่ที่อุซเบกิสถาน)
1
จักรวรรดิติมูร์สามารถเอาชนะดินแดนรอบข้าง ยึดครองดินแดนเปอร์เซีย ตะวันออกกลาง บางส่วนในรัสเซีย รวมไปถึงอินเดียตอนเหนือ ทว่าความยิ่งใหญ่นี้ก็ถึงกาลสิ้นสุดลง เมื่อติมูร์สิ้นชีพลงในปี ค.ศ. 1405 ขณะที่นำทัพบุกจีน นับแต่นั้นจักรวรรดิติมูร์ก็เข้าสู่ยุคเสื่อมถอยก่อนที่จะล่มสลายไปในท้ายที่สุด
1
• จักรวรรดิมุคัล (Mughal Empire : ค.ศ. 1526-1857)
1
ช่วงต้นศตวรรษที่ 16 ได้มีผู้สืบเชื้อสายจากติมูร์นามว่า "บาบูร์" (Babur) ได้สร้างขุมอำนาจอยู่ที่นครเฟียร์กานา (Ferghana) ในอุซเบกิสถาน ก่อนที่ในปี ค.ศ. 1526 บาบูร์ได้สถาปนาจักรวรรดิมุคัลหรือโมกุล (Mughal Empire) ขึ้นมา
1
บาบูร์ได้นำกำลังไพร่พลบุกรุกรานอินเดียตอนเหนือ จนสามารถเอาชนะรัฐสุลต่านแห่งเดลี (Sultan of Delhi) ได้ นับแต่นั้นจักรวรรดิมุคัลก็บุกยึดครองดินแดนอนุทวีปอินเดียได้สำเร็จ
จักรวรรดิมุคัลรุ่งเรืองถึงขีดสุดในสมัยของอักบาร์ (Akbar : ค.ศ. 1556-1605) ผู้เป็นพระนัดดาของบาบูร์ ยุคสมัยแห่งเสรีภาพทางศาสนา วัฒนธรรม ศิลปะ และสถาปัตยกรรมอินเดียอันรุ่งเรือง
ทัชมาฮาล สิ่งก่อสร้างที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิมุคัล
ทว่านับตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา อิทธิพลของชาติตะวันตกโดยเฉพาะอังกฤษ ได้ทำให้อำนาจของจักรวรรดิมุคัลเริ่มถดถอยลง ก่อนที่ในท้ายที่สุด ปี ค.ศ. 1857 จักรวรรดิมุคัลจะถึงกาลอวสาน และดินแดนอินเดียก็ตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ
*** Reference
#HistofunDeluxe
โฆษณา