25 เม.ย. 2021 เวลา 09:04 • สุขภาพ
ไม่คิดว่าปีนี้จะต้องมาอัพเดต เรื่อง Covid บ่อยๆอีกครั้ง...
ก่อนอื่นขอพูดถึงระบบการจัดการ ที่ผ่านมาก่อนสักเล็กน้อย เพื่อบันทึกไว้เป็นกรณีศึกษา....
จากช่วงการระบาดรอบใหญ่ ที่ตลาดกุ้ง จนมาถึง ณ ตอนนี้ เราจะเห็นรูปแบบการทำงาน ที่มีความต่างกันอย่างชัดเจน ตอนตลาดกุ้ง เคทมองว่า จัดการได้ดีนะคะ มีการสั่งปิด และสั่งล็อคดาวน์พื้นที่เร็วมาก มีการเข้าเคลียร์พื้นที่ และเร่งตรวจเชิงรุง ที่ต้องยอมรับว่า มีประสิทธิภาพสูงมากรายวัน ตรวจไปกว่าวันละเป็น "หมื่น" ราย ทำให้จำกัดขอบเขตของการแพร่กระจายเชื้อได้ดี
จากตลาดกุ้ง จนถึงเคสทองหล่อ เราจะเห็นระดับการทำงานที่ต่างกันมาก ในส่วนของการปฏิบัติและประสิทธิภาพ กราฟภาคปฏิบัติ คะแนนดาวน์ลง ซึ่งก็ส่งผลให้ กราฟผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น ตรงนี้คือ เรื่องของการปฏิบัติงานที่เห็นความแตกต่างได้ชัด
แต่...อย่างไรก็ตามถึงวันนี้แล้ว การปฏิบัติการที่ว่ามาดูจะไม่ใช่สิ่งสำคัญแล้วต่อจากนี้ เพราะเราเลตไปมากแล้ว
สิ่งที่เคทเป็นห่วงมากๆคือ
เราจะมีขั้นตอนและระบบ การจัดการอย่างไร หลังจากนี้ ในภาวะที่ เตียง และอุปกรณ์ไม่เพียงพอ ?
ขั้นตอนการแนะนำนั้น ได้มีการทำความเข้าใจให้ทุกภาคส่วนเข้าใจในการปฏิบัติ ตรงกัน ดีแล้วรึไม่ อย่างไร ?
เพราะเราคงไม่อยากให้เกิดเหตุเศร้าสลด ขึ้นอีก ....
จริงไหม ?
แม้ประเทศเราจะมีระบบสาธารณสุขที่ดีกว่าหลายประเทศ แต่ ก็ไม่ใข่ว่าเราดีนักหรือว่าควรพอใจ
ในส่วนที่เป็นปัญหารอบนี้ที่สะท้อนออกมาชัดเลยคือ
อัตราส่วน เตียง /ผู้ป่วย เคทลองหาข้อมูลเบื้องต้น
เราจะมีอัตรา เตียง/ผู้ป่วย ราวๆ 2/1,000
ในขณะที่ ญี่ปุ่น หรือ เกาหลีใต้ มี อัตราส่วนตรงนี้ อยู่ราวๆ 6-7/1,000 คน (นี่คือเป้าที่อนาคตเราควรต้องไปให้ถึงให้จงได้) ดูตัวเลขเหมือนห่างกันไม่เยอะ แต่หากคิดเป็น เปอร์เซ็นต์คือ 300-350% เลยทีเดียว
ความน่ากังวลของรอบนี้ เคทเป็นห่วง เรื่องการจัดการกับผู้ป่วยสะสมที่รอรับการรักษาค่ะ
ดูตัวเลขนี้ให้ดีๆ นะคะ ....
ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา คือ 18,148 คน !!!
เตียง รพ.ในไทยเท่าที่สำรวจเคทว่ามีไม่เกิน 1.6แสนเตียง
แต่ 1.6แสนเตียงนั้น ก็มีไว้รองรับผู้ป่วยโรคต่างๆ และ อุบัติเหตุรวมอยู่ด้วย ทำให้ไม่เพียงพอ เราจึงต้องมี เตียงสนามเพิ่มขึ้น
แต่... ถ้าสมมุติตัวเลข ทรงตัวที่ระดับไม่ต่ำกว่า 1,500 ไป สักอีก10วัน จะมีผู้ป่วยใหม่ เพิ่มขึ้นถึง 15,000 คน!!
และผู้ป่วยที่ย้ายออกคงมีไม่เท่าย้ายเข้า เพราะอย่างน้อยต้องดูอาการกันเกิน 10วัน
ตรงนี้จะน่าเป็นห่วงมาก บุคลากรทางการแพทย์นอกจากไม่เพียงพอแล้ว ปัญหาคือ เครื่องมือ จะไม่พอเพียงต่อเคสวิกฤต !!!
เครื่องมือที่สำคัญ อย่าง เครื่องช่วยหายใจ หรือ ปั๊มหัวใจ เรามีน้อยมากค่ะ ตรงจุดนี้ จะทำให้เกิดภาวะ ที่ต้องเลือกรักษา !! ทำให้จะมีกรณีเสียชีวิตเพิ่มขึ้น
แม้ความตายจะเท่าเทียมกันทุกคน แต่การเป็นผู้ถูกเลือกให้รอดนั้น เป็นคนละประเด็นกัน และเราต้องทำใจ
หลังๆมานี้ ไวรัสตัวใหม่ การระบาดระรอกนี้ สิ่งที่ต่างจากรอบแรกคือ เริ่มมีคนอายุน้อยๆเสียขีวิตเพิ่มขึ้น วัย30กลางๆเริ่มเยอะ แม้หลายเคสจะระบุเป็นโรคอ้วนก็ตาม แต่ โรคอ้วนตรงนี้มันคลุมเครือพอควรว่า ต้องมีอัตราส่วนสูงและน้ำหนักเท่าไหร่ ถึงเข้าเกณฑ์
คาดว่า หลังจากนี้โอกาสที่ รัฐจะต้องรณรงค์ให้ผู้มีอาการ ที่ไม่รุนแรง ให้กักตัวรักษาอยู่บ้านจะเริ่มมีมากขึ้น เพราะไม่งั้นรองรับผู้ป่วยไม่ไหวและหากฝืนมากไป ระบบจะพัง ล่มกันหมด ตรงนี้ประชาชนก็ต้องทำความเข้าใจร่วมกัน และช่วยกัน เสียสละ เคทเข้าใจดีว่ามันยากมากๆ ที่คนป่วยโรคนี้จะทำใจอยู่บ้านได้ แต่ตอนนี้ก็นึกหนทางอื่นไม่ออก
ครั้งนี้ ความเสี่ยงในชีวิต มันเริ่มสูงขึ้นจริงๆค่ะ
เคทเข้าใจถึงภาวะอึดอัดใจของหลายๆคนมากๆ ที่ตอนนี้กำลังเผชิญกับภาวะ ต้องเลือกระหว่าง "ชีวิต สุขภาพ กับ เงิน " เคทไม่สามารถพอที่จะกล้าบอกให้คุณเลือกอย่างใดอย่างนึง ณ เวลาเช่นนี้เลย
เพราะเข้าใจดีว่า สำหรับบางคน เงินก็คือชีวิตของเขา
บางคน มองว่า เงินถ้าไม่ตายหาใหม่ได้
ส่วนบางคน หากไม่มีเงินก็ไม่รู้จะอยู่อย่างไร
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเลือกแบบไหน
เคทขอให้คุณเลือกได้ถูกต้อง และ ผ่านวิกฤตนี้ไปอย่างปลอดภัยค่ะ
เพื่อนๆมีอะไรเสนอแนะ แลกเปลี่ยนกันได้นะคะ บกพร่องประการใด ขออภัย ณ ที่นี้ด้วย
มิ้วๆ
โฆษณา