1 พ.ค. 2021 เวลา 03:00 • คริปโทเคอร์เรนซี
Satoshi Nakamoto คือใคร ?
เชื่อว่าเพื่อนๆ ต้องคุ้นชื่อนี้บ้างแหละ Satoshi Nakamoto เป็นนามแฝงของผู้ปฏิวัติระบบการเงินโลก คิดค้นระบบบิทคอยน์ แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาคือใคร บางคนถึงกับบอกว่า เขาคือหน่วยงานราชการลับ หรือแม้กระทั่งมนุษย์ต่างดาวย้อนเวลามาบอก! แอดมายด์จะพาไปสืบร่องรอยของเค้ากันค่ะ กับ #Crypto101 The Series
.
ย้อนกลับไปก่อนที่ Satoshi จะเปิดตัว มีแนวคิดกลุ่ม Cypherpunk ที่บอกว่า จะปกป้องความเป็นส่วนตัว ไม่ไว้ใจการบริหารงานของรัฐบาล จึงไม่คาดหวังให้รัฐบาล ธนาคารมาดูแลประชาชน เลยจะสร้างซอฟต์แวร์ที่สามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวของเรา ประชาชนทุกคนให้ได้! แนวคิดนี้เงียบไป จนมีโปรแกรมเมอร์ส่งอีเมลมาหากลุ่ม Cypherpunk บอกว่า กำลังสร้างเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานได้โดยไม่ต้องใช้ตัวกลาง พร้อมเผยแพร่ White paper ของ Bitcoin ที่ชื่อว่า “BITCOIN: A PEER-TO-PEER ELECTRONIC CASH SYSTEM” (อ่านต้นฉบับได้ที่คอมเม้นจ้า)
ตลอดการทำงานร่วมกัน คุณ Satoshi ระมัดระวังตัวเป็นอย่างดีที่จะไม่เปิดเผยตัวตน จนตอนนี้ก็ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า เขาคือใคร มาจากไหน คนญี่ปุ่นจริงหรอ แต่แอดมายด์ไปหาร่องรอย ผู้ต้องสงสัย คนที่อาจจะเป็น Satoshi Nakamoto มาบอก...
.
2
#Satoshiเป็นคนญี่ปุ่นจริงหรือไม่?
หรือว่าจริงๆ แล้วเป็นแค่นามแฝงภาษาญี่ปุ่น แต่นี่คือหลักฐานชิ้นเดียวที่ชัดเจนที่สุดสำหรับผู้ปฏิวัติระบบการเงินโลกอย่างบิทคอยน์ มาลองดูความหมายของชื่อเขากัน
Satoshi ในภาษาญี่ปุ่น แปลว่า สติปัญญา ฉลาดหลักแหลม มีไหวพริบ
Naka แปลว่า สื่อกลาง ภายใน หรือความสัมพันธ์
Moto แปลว่า ต้นกำเนิด รากฐาน
ซึ่งชื่อนี่ก็สอดคล้องกับการสร้างระบบบิทคอยน์ แต่เขาจะเป็นเพศชายตามคาดหรือไม่ หรือจริงๆ แล้วอาจเป็นผู้หญิง หรือแม้กระทั่งกลุ่มคน แค่ใช้นามแฝงให้คนทั่วโลกเข้าใจผิด คิดว่าเป็นคนคนเดียวก็เป็นได้
.
3
#ผู้ต้องสงสัยที่ถูกคาดว่าคือSatoshi
Joshua Davis นักเขียนและ CEO ของ Epic Magazine เปิดเผยว่า หลังจากวิเคราะห์การใช้คำ สไตล์ภาษาใน White Paper เขาเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่ Michael Clear นักศึกษาด้าน Cryptography ที่ Dublin’s Trinity College หรือ Vili Lehdonvirta อาจารย์ชาวฟินแลนด์จากสถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งเฮลซิงกิ คนใดคนหนึ่งอาจเป็น Satoshi ตัวจริง แต่ทั้งคู่ก็ออกมาปฏิเสธในปี 2013
แต่ Adam Penenberg นักสืบสวนบอกว่า Satoshi คือคน 3 คนได้แก่ Neal King, Vladimir Oksman และ Charles Bry เขาหาเบาะแสจากการใช้งานอินเตอร์เน็ต การเผยแพร่ White Paper และแทร็กต่อไปเรื่อยๆ พบว่าเว็บไซต์ Bitcoin.org ที่ใช้เผยแพร่ White Paper ถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมปี 2008 โดยใช้โดเมนจากโฮส Japanese ISP และโอนย้ายมาที่ฟินแลนด์ภายหลัง
ต่อมา ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2014 นักข่าว Leah McGrath Goodman สำนักพิมพ์ Newsweek เผยแพร่บทความ ว่าเจอ Satoshi ตัวจริงแล้ว! ซึ่งก็คือ Dorian S. Nakamoto ชายอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นอายุ 68 ปีที่ทำงานให้กับ บริษัทและทหารสหรัฐฯ เขาเป็นวิศวกรระบบโครงการป้องกันและวิศวกรคอมพิวเตอร์บริษัทเทคโนโลยี แต่เขาก็ออกมาปฎิเสธภายหลัง (ดูคลิปคุณ Dorain Nakamoto ปฎิเสธได้ที่คอมเม้นนะคะ)
ซึ่งรายชื่อของคนที่อาจเป็น Satoshi เยอะมากๆ และทุกคนต่างมีส่วนเกี่ยวข้องกับวงการคริปโตนี้ เช่น Martii Malmi, Jed McCaleb, Donal O’Mahony และ Michael Peirce, Hitesh Tewari, Dustin D. Trammell, Shinichi Mochizuki, Nick Szabo, Craig S Wright และ Hal Finney
.
6
#เรารู้อะไรเกี่ยวกับSatoshiบ้าง
ก่อนที่คุณ Satoshi จะปล่อยระบบบิทคอยน์สู่ตลาด เขาได้ทดลองขุดบิทคอยน์กว่า 1 ล้านเหรียญ ซึ่งถ้าตอนนี้เขาถืออยู่ จะมีมูลค่ากว่า 54,721,800,000.00 ดอลล่าร์สหรัฐ (ข้อมูล ณ วันที่ 27 เมษายน ปี2021) เขายังเป็นคนที่เชื่อมั่นในแนวความคิดเสรีนิยม รอบคอบ วางแผนทุกอย่างมาอย่างถี่ถ้วน และ ที่สำคัญเขาไม่ใช่นัก Developer ธรรมดาอย่างแน่นอน ด้วยแนวความคิดที่ล้ำสมัย แปลกใหม่ ขัดกับความเชื่อของคนทั้งโลก และการเขียนโค้ดที่ลึกซึ้ง ทุกคนในวงการก็ต่างบอกว่า เขานี่แหละอัจฉริยะตัวจริง
.
4
ท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถเฉลยได้ว่า Satoshi คือใครกันแน่ โดยประโยคสุดท้ายที่เขาได้พูดกับทีม คือ เขาจะไปทำสิ่งอื่น และหายตัวไป ไม่มีใครได้ยินจากเขาอีกเลยตั้งแต่ปี 2010
แต่การที่เขาตั้งใจไม่เปิดเผยตัวตน เพราะ คนทั่วโลกจะได้ไม่ต้องสนใจถึงแบลคกราวด์ ความน่าเชื่อถือ บุคลิกนิสัยของเขา แต่ให้โฟกัสที่ตัวโค้ดและนวัตกรรมของระบบบิทคอยน์ที่ยิ่งใหญ่และการปฏิวัติระบบการเงินมากกว่าตัวบุคคล Satoshi Nakamoto เอง
.
3
โหย อย่างเท่ อย่างกับหนังซุปเปอร์ฮีโร่ ช่วยโลกมนุษย์แล้วเดินหันหลังหายไปอย่างไร้ร่องรอย แอดมายด์เชื่อว่า คุณ Satoshi คิดมาอย่างดีแล้ว และมีความตั้งใจดีเพื่อช่วยให้เราทุกคนมีทางเลือกมากขึ้น...
ฉะนั้นแล้ว หากเราสามารถศึกษา นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ได้จริง โลกคงเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน แล้วไว้เจอกันโพสต์หน้านะคะ อยากรู้เรื่องอะไรคอมเม้นมาได้เลยน้า
แอดมายด์
โฆษณา