6 พ.ค. 2021 เวลา 03:07 • ไลฟ์สไตล์
คนทั่วไปมักจะกลัวความตาย ไม่กลัวการเกิด
3
เห็นได้ชัด
จากการที่ผู้คนสุขสันต์วันเกิด
หวาดกลัวกับการจากลา
Photo by luiz carlos reis silva from Pexels
แต่ผู้มีปัญญา
ท่านจะกลัวเกิด ไม่กลัวตาย
กลัวการเกิด การสร้างภพ สร้างชาติ
พยายามเคลียร์ใจ
เคลียร์หนี้ เคลียร์สิน
1
ไม่ต้องการมีเรื่องบาดหมางใจอะไรกับใคร
มีหิริ โอตตัปปะ
ละอาย เกรงกลัวต่อการกระทำมิชอบ
เจริญอริยมรรคมีองค์แปด
รู้ชัดแล้วว่า การเกิดแต่ละครั้ง
ล้วนนำมาซึ่งความทุกข์ใจ
เพียรพยายามในการลด ละ เลิก
เหตุเกิดของความทุกข์ใจ
ตัดภพ ตัดชาติ ลงไปทุก ๆ ขณะ
จนกระทั่ง
วินาทีที่ต้องเผชิญหน้ากับความตาย
หรือระลึกถึงความตายขึ้นมา
มีแต่ความองอาจกล้าหาญ
หมดภาระในกาย ในใจนี้อย่างแท้จริง
ไม่มีอะไรติดค้างในใจ
ห่วงหน้า พะวงหลังกับอะไร
ไม่เกรงกลัวต่อความตายเลยแม้แต่น้อย
จิตไม่กระเพื่อม หวั่นไหว
ไม่ยึดถือแม้นในกุศลผลบุญที่ได้กระทำมา
ทุกสิ่งทุกอย่างคืนให้แก่โลก
ทำเพื่อโลกใบนี้เพียงส่วนเดียว
ไม่ยึดถือทั้งกุศล และอกุศล
แต่ทำกุศลไม่หยุด
หากยังมีผู้ยึดถือในกุศล
ก็จะมีผู้เสวยผลแห่งการกระทำนั้น
เป็นเหตุให้เกิดทุกข์อยู่สืบไป
ในทางกลับกัน
ผู้ที่ไม่ได้อบรมศีล สมาธิ ปัญญา
ไม่เคยเกรงกลัวต่อการเกิด
ยินดีพอใจกับการสร้างภพ สร้างชาติ
มโนถึงการออกไปท่องเที่ยว
ไม่เคยหวั่นเกรงเมื่อออกไปกระทำการใด ๆ
แต่เมื่อระลึกถึง ความตาย
มีแต่ความรักตัวกลัวตาย
ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยถึง
จิตใจไม่เคยหลาบจำ
กับความทุกข์ใจ
ยังหลงเพลิดเพลินไปในโลกแห่งการปรุงแต่งของจิต
มีโครงการ โปรเจกต์เต็มไปหมดในหัว
จึงยังคงวนเวียนอยู่ในสังสารวัฎ
แล้วก็นั่งบ่นเหนื่อย บ่นเครียด บ่นท้อใจ กันเป็นพัก ๆ
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การคิดวางแผนโปรเจกต์ใด ๆ
แต่มันอยู่ที่ การยึดถือ
ยังมีกิเลสประกอบในทุก ๆ การกระทำ
จึงส่งผลเป็นความทุกข์ใจ
1
ครูบาอาจารย์ที่ท่านถึงธรรม
ท่านยังคงการสร้างคุณงามความดีมากมาย
วางแผนงานต่าง ๆ
แต่ใจไม่ทุกข์
เพราะหมดความยึดมั่นถือมั่น
ต่อให้ย้ายไปดาวดวงไหน
เกิดใหม่อีกกี่ชาติ
หากยังไม่เปลี่ยนทาง
ขัดเกลาอุปกิเลสออกไปจากจิต
ก็ยังคงต้องดิ้นรน
สร้างเหตุเกิดทุกข์ไปเรื่อย ๆ
ไม่เคยเข็ดหลาบ
วินาทีก่อนตาย
ระลึกถึงความตายทีไร
มีแต่ความทุรนทุรายใจ
นี่ไม่นับรวมจำนวนคนที่ไม่กลัวตาย
เพราะถูกโมหะครอบ
เพราะความไม่รู้อริยสัจ ๔
ลัทธิความเชื่องมงายต่าง ๆ ที่ปราศจากปัญญา
ที่ไม่กลัว เพราะคาดหวังในผลอะไรบางอย่าง
ยังรอที่จะให้เกิดผลอะไรสักอย่างในภายภาคหน้า
สร้างเหตุเกิดทุกข์กันต่อ
นี่แหละหนอ
ชีวิต ...
“จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นนิโรธ
อนึ่ง ตามสภาพที่แท้จริงของจิต
ย่อมส่งออกนอกเพื่อรับอารมณ์นั้น ๆ
โดยธรรมชาติของมันเอง
ก็แต่ว่าถ้าจิตส่งออกนอกได้รับอารมณ์แล้ว
จิตเกิดหวั่นไหวหรือกระเพื่อมไปตามอารมณ์นั้น
เป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากจิตหวั่นไหวหรือกระเพื่อม
ไปตามอารมณ์นั้น ๆ เป็นทุกข์
ถ้าจิตที่ส่งออกนอกได้รับอารมณ์แล้ว
แต่ไม่หวั่นไหว หรือไม่กระเพื่อมไปตามอารมณ์นั้น ๆ
มีสติอยู่อย่างสมบูรณ์ เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตไม่หวั่นไหว หรือไม่กระเพื่อม
เพราะมีสติอยู่อย่างสมบูรณ์ เป็นนิโรธ
พระอริยเจ้าทั้งหลายมีจิตไม่ส่งออกนอก
จิตไม่หวั่นไหว จิตไม่กระเพื่อม
เป็นวิหารธรรม จบอริยสัจจ์ ๔”
- หลวงปู่ดุลย์ อตุโล
อ้างอิง :
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา