5 พ.ค. 2021 เวลา 10:05 • หุ้น & เศรษฐกิจ
หนึ่งในบทความที่เหมาะกับการลงทุนช่วงนี้มากที่สุด
The Cocktail Party Stock Market Indicator by Peter Lynch
ถ้าให้ผมเลือกหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนที่ผมชอบได้เพียงเล่มเดียว จากหลายร้อยเล่มที่ผมอ่าน ผมอาจจะลังเลอยู่นานพอสมควร เพราะหนังสือดี ๆ มีหลายเล่มเลยทีเดียว แต่เล่มที่ผมจะคิดถึงก่อนเป็นลำดับแรก ๆ คือ
‘One Up on Wall Street’ หรือ ‘เหนือกว่าวอลสตรีท’ ในฉบับแปลไทย
หนังสือเล่มนี้เหมาะตั้งแต่คนเริ่มลงทุนในหุ้นเป็นวันแรกไปจนถึงมือเก๋าที่ลงทุนมานานหลายปี แม้ว่าผมจะเคยอ่านมันมาแล้วหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่ผมหยิบมันมาอ่าน ผมจะพบว่าเรื่องที่ Peter Lynch พูดไว้ในหนังสือเล่มนี้ไม่เคยเก่าเลย และยังใช้เป็นหลักในการลงทุนได้ดีเยี่ยมเสมอมา
แต่วันนี้เราไม่ได้มารีวิวหนังสือกันเนอะ สำหรับคนที่ยังไม่เคยอ่านไปลองหามาอ่านกันได้นะครับ
วันนี้ผมจะมาเล่าตอนหนึ่งจากหนังสือ
เรื่อง Indicator ที่ Peter Lynch ใช้ในการทำนายตลาด
มันมีชื่อเรียกว่า “Cocktail Party Stock Market Indicator”
ซึ่งใช้การสังเกตุผู้คนรอบตัวและคาดเดาว่าตลาดจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ โดยไม่ต้องใช้ข้อมูลหรือความรู้ทางเศรษฐกิจอะไรให้วุ่นวาย
แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไร?
ในเมื่อนักวิเคราะห์ ผู้เชี่ยวชาญมากมายที่มีข้อมูลอยู่ในมือก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การทำนายอนาคตตลาดเป็นเรื่องที่ยากเย็นเหลือเกิน
Peter Lynch บอกว่าเค้าลงแรงในการคิดค้นทฤษฏีนี้อยู่เป็นเวลาหลายปี จากการยืนอยู่ในงานปาร์ตี้ ใกล้ ๆ กับโถน้ำพันซ์ ท่ามกลางผู้คนมากมายที่พูดเกี่ยวกับหุ้น (ไม่รู้ว่าจริงหรือพูดเอาฮา)
Peter Lynch แบ่งตลาดออกเป็น 4 ช่วงคือ
ช่วงแรกในตลาดขาขึ้น
เป็นช่วงที่หุ้นทุกตัวลงหมด ผู้คนสิ้นหวังราวกับคิดว่าหุ้นเหล่านั้นไม่มีทางขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่ 2
ไม่มีใครสักคนที่พูดถึงหุ้น เมื่อมีใครเดินมาทักว่า Lynch ทำงานอะไร เขาจะตอบว่า เขาเป็นผู้จัดการกองทุนรวม จากนั้นทุกคนก็พยักหน้าอย่างสุภาพและเดินจากไป หรือบางคนที่ไม่ได้เดินหนี พวกเขาก็จะรีบเปลี่ยนหัวข้อเป็นอย่างอื่นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อมีหมอฟันกำลังอธิบายเกี่ยวกับคราบหินปูนอยู่ใกล้ ๆ ผู้คนก็ให้ความสนใจฟังหมอฟันคนนั้น มากกว่าอยากเข้ามาคุยกับผู้จัดการกองทุน
‘แบบนี้มีความเป็นไปได้ว่าตลาดกำลังกลับมาดีอีกครั้ง’
ช่วงที่ 2
ผู้คนให้ความสนใจกับ Lynch นานมากขึ้น หลังจากแนะนำตัวเอง ก็นานพอให้เขาได้อธิบายว่า ตลาดหุ้นนั้นมีความเสี่ยงมากแค่ไหน ก่อนที่ผู้คนจะเริ่มหนีไปคุยกับหมอฟันเหมือนเดิม
(Peter Lynch ต้องมีเคืองอะไรหมอฟันคนนี้อยู่แน่ ๆ)
คนในงานปาร์ตี้ยังคุยกันเรื่องคราบหินปูนมากกว่าหุ้น
‘ตลาดช่วงนี้จะขึ้นมาจากช่วงแรกราว ๆ 15% แต่น้อยคนนักที่จะสนใจ ’
ช่วงที่ 3
ตลาดหุ้นขึ้นมาจากช่วงแรกประมาณ 30% ผู้คนจำนวนมากไม่ได้สนใจหมอฟันอีกต่อไป ผู้คนต่างรุมล้อมรอบตัว Lynch บางคนกระตือรือร้นที่จะถามว่า ควรซื้อหุ้นตัวไหนดี แม้แต่ไอหมอฟันคนนั้นก็ยังเข้ามาถามว่า เขาควรซื้อหุ้นตัวไหน (ฮ่า ๆๆ )
‘ทุกคนในงานต่างทุ่มเงินซื้อหุ้นที่สนใจ และถกเถียงกันเกี่ยวกับหุ้นตัวนั้น ๆ ตลาดหุ้นจะยังขึ้นต่อไปได้อีก ’
ช่วงที่ 4
ผู้คนยังรุมล้อมอยู่รอบตัว Lynch เช่นเคย แต่ครั้งนี้ พวกเขาเข้ามาบอก Lynch ว่าควรซื้อหุ้นตัวไหน แม้แต่หมอฟันก็ให้เคล็ดลับกับ Lynch ได้ 3 - 4 ข้อ
เมื่อ Lynch มาเปิดอ่านหนังสือพิมพ์วันต่อมา ก็เจอคำแนะนำที่หมอฟันให้กับเขา พร้อมข้อมูลทั้งหมดอย่างละเอียด ครบถ้วน
เพื่อนบ้านของ Lynch ก็มาพูดให้ฟังว่าพวกเขาอยากจะซื้อหุ้นตัวไหน และแนะนำมันให้กับลินซ์
‘เป็นสัญญาณที่ชัดเจนแล้วว่าตลาดได้ถึงจุดสูงสุดแล้วและกำลังพังทลายในไม่ช้า’
หลังจากนั้นตลาดก็ถล่มลงมา และทั้งหมดก็วนเป็นวัฏจักร
ในตลาดกระทิงเราจะเห็นเซียนหุ้นเต็มบ้านเต็มเมือง แต่ในตลาดหมีผู้คนจะหายกันไปมากเลยทีเดียว (สงสัยปิดจอ เป็น VI กันแน่ ๆ )
ปู่ Buffett ก็เคยมีคำพูด ในประเด็นที่คล้าย ๆ กันนี้ว่า
“We simply attempt to be fearful when others are greedy and to be greedy only when others are fearful”
ส่วนตัวผมมองว่า ตลาดหุ้นไม่เคยใจดีกับคนส่วนมาก และคนส่วนมากจะไม่ชนะในตลาดหุ้น เมื่อไหร่ที่รู้สึกกว่าคนส่วนมากกำลังชนะ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่คนส่วนมากคิดผิดเสมอ
ทุกคนมีความคิดเห็นยังไงกันบ้างครับ และคิดว่าตอนนี้เราอยู่ในช่วงที่เท่าไหร่กันแล้ว?
ลองเข้ามาแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้นะครับ
BottomLiner
ติดตาม BottomLiner อีกช่องทางได้ที่ Line Openchat กันตามลิ้งนี้ https://line.me/ti/g2/GUZne2IO6dEfbOiwaDbgzw
โฆษณา