6 พ.ค. 2021 เวลา 04:36 • ความคิดเห็น
คำถามที่ไม่มีคำตอบ (เขียนบันทึกเก็บไว้ในความทรงจำ)
1
ผมเชื่อว่าหลายๆคน อาจจะเคยเจอกับคำถามในใจที่ตัวเราเองก็ไม่สามารถที่จะตอบได้
นั่นเพราะอะไร นั่นเพราะ คำถามนั้นแท้ที่จริงแล้ว เราไม่สามารถที่จะเป็นคนตอบ
บทความนี้ ผมขอเขียนเก็บบันทึกไว้ในความทรงจำ ว่า คำถามบางคำถาม ก็ไม่มีคำตอบ
เมื่ออ่านเรื่องราวที่ผมจะเล่านี้จบ ผมก็หวังว่าเพื่อนๆ คงมีคำตอบกันอยู่ในใจ
เรื่องมันเริ่มที่เมื่อหลายวันก่อน แม่ของผมได้เอ๋ยปากชวนผมให้ไปเป็นเพื่อนในงานศพงานหนึ่ง
รู้สึกว่าคนที่ตายแกจะชื่อว่าตาละไม แต่ผมขอเรียกแก่ว่าตาไมละกัน
1
พอไปถึงที่งาน ผมก็สังเกตเห็นแขกที่มาร่วมงาน มีแต่คนแก่ๆ อยู่ประมาณ 4-5 คน
หลังจากไปเคารพศพเสร็จแล้ว เราก็ไปหาที่นั่ง ส่วนแม่ก็เดินเข้าไปคุยกับป้าคนหนึ่ง ที่มารู้ที่หลังว่าแกชื่อป้านงค์
ป้านงค์แกดู ดวงตาเหม่อลอย น่าตาดูเศร้าๆ ให้ผมทายแกคงจะเป็นญาติของตาไมแน่นอน
1
สักพักแม่ ก็เรียกให้ผมช่วยไปซื้อน้ำแพ็ค เพื่อเอามาเลี้ยงแขกที่มาในงาน แม่บอกไปซื้อมาเยอะๆเลย เอามาให้เจ้าภาพด้วย
ป๊าดดดด....แขกเลี้ยงเจ้าภาพพึ่งเคยเห็น ผมก็แอบบ่นตามประสาคนขี้เกียจ แม่ก็หันมามองตาขวาง55 ผมก็ต้องรีบไปสิ รออะไร55
ขากลับจากงานศพ แม่ก็เล่าให้ฟังว่า ป้านงค์แกเป็นเพื่อนกับแม่ สมัยสาวๆ สมัยนั้นป้านงค์คือ ดาวของหมู่บ้านที่แม่อยู่เลย
ผมก็แอบสงสัยว่า ดาวอะไรวะ ไอ้ที่เห็นก็มีแต่ป้าแก่ๆ ที่ดูท่าทางสมองน่าจะไม่เต็ม (ผมแอบคิดในใจนะ)
เหมือนหมอดู เทวดา แม่ผมน่าจะอ่านแววตาผมออกว่าแอบคิดอะไรอยู่
คือในสมัยนั้น ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 40ปี ก่อน คนที่จบปริญญาตรีจากธรรมศาสตร์ คือดูดีมาก
1
หนุ่มๆแถวบ้านแม่ คือเข้าไปจีบป้านงค์กันแบบหัวบันไดบ้านไม่มีแห้ง ทั้งการแต่งตัวของป้านงค์ก็ทันสมัยมากในสมัยนั้น
สาวๆบ้านอื่นอย่างแม่ ก็ได้แต่แอบอิจฉากันทั้งนั้นแหละ
ผมแทบไม่อยากจะเชื่อว่าป้าที่ดูผอมหนังหุ้มกระดูก ขาวซีด เอ๋อเอ๋อ แถมยังดูรนรน เวลาที่พระกำลังสวด คืออดีตดาวหมู่บ้านคนนั้น
พอฟังแม่เล่าต่อ ก็เหมือนสวรรค์ซาดิส หลังจากที่แกเรียนจบมาได้ไม่นาน พ่อกับแม่ ของป้านงค์ก็เกิดอุบัติเหตุ ทำให้แม่ของป้านงค์นั่นเสียชีวิต
3
ส่วนตาไมก็กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง เดินไม่ได้ ได้แต่พูดอ้อแอ้ ซึ่งในสมัยนั้น ก็ต้องใช้คนที่มีความรู้ ความเข้าใจในภาษาอังกฤษ เพราะตัวยาที่ใช้มีแต่ภาษาอังกฤษ
พี่ๆน้องๆ ก็เลยตกลงกันว่าจะให้ป้านงค์เป็นคนดูแลตาไม ไปก่อนจนกว่าตาไมจะดีขึ้น นั่นเพราะป้านงค์เพิ่งจบใหม่ยังไม่มีงานทำ
1
พี่ๆน้องๆ คนอื่นๆ ก็ไม่เข้าใจว่าจะต้องปฏิบัติยังไงกับผู้ป่วย เพราะพวกเขาเรียนจบกันแค่ ป4
พอเวลาผ่านไปตาไมก็ไม่หาย พี่ๆน้องๆ ก็แยกย้ายกันไปมีครอบครัว ได้แต่ช่วยกันส่งเงินมาให้ป้านงค์ เดือน ละ2000 ซึ่งในสมัยนั้นก็ถือว่าเยอะพอสมควร
สรุป ป้านงค์ดูแลตาไม ตลอด40ปี ไม่เคยออกไปไหนเกินปากซอย อยู่กับพ่อ นอนกับพ่อ ถ้าจะออกมาข้างนอกบ้าน ก็ต้องเข็นรถเข็นที่มีตาไมนั่งมาด้วย
แม่เคยถามป้านงค์ว่า แล้วไม่คิดจะแต่งงานหรือ ป้านงค์แกรักพ่อมาก ไม่กล้าทิ้งพ่อตัวเองไปไหน ก็เลยได้แต่ปฏิเสธผู้ชายทุกคนที่เข้ามาหา
แรกๆก็ยังมีผู้ชายหลายคนที่อยากพิสูจน์รักแท้ ไปไปมามา กับแกอยู่พักหนึ่ง พอนานวันเข้าก็หนีหายไปกันหมด
กลายเป็นคนที่ไม่ชอบพูดคุยกับใคร วันๆก็ได้แต่พูดคุยกับตาไม เพราะไม่มีใครฟังตาไมเข้าใจ มีแต่ป้านงค์คนเดียวที่เข้าใจ
จนหลังๆก็ไม่มีใครฟังป้งนงค์เข้าใจ มีแต่ตาไมคนเดียวที่เข้าใจ เลยกลายเป็นโลกทั้งใบให้เธอคนเดียว
1
พี่ๆน้องๆ ของแกก็ไม่เคยมาเยี่ยม ได้แต่ส่งเงินมาให้แก เดือนละ 8,000 เป็นค่าใช้จ่าย
พอตาไมตาย พี่ๆน้องๆ ก็รีบกลับมาขายบ้านที่เป็นสมบัติชิ้นเดียวของตาไม และ ก็ของป้านงค์ด้วย สรุป ป้านงค์ได้ส่วนแบ่งมา 3 แสน
ผู้หญิงแกอายุ60กว่า จะเริ่มชีวิตยังไง แกคงงงกับเงิน 3 แสน มันคงเยอะมากสำหรับแก
1
หลังจากงานศพผ่านไป แม่ก็ได้ยินข่าวมาว่าป้านงค์แก เอาเงินที่แกได้จากการแบ่งสมบัติไปบริจาคที่บ้านพักคนชรา แล้วตัวแกเองก็ย้ายไปอยู่ที่นั้น
1
ชีวิต อนาคต ของดาวหมู่บ้าน ได้ปิดฉากลงไปกับความกตัญญู ที่ยาวนานถึง40 ปี
3
ใช่เหรอ ถูกต้องแล้วเหรอ กับคนที่มีความกตัญญู แบบป้านงค์
ผมเองก็ไม่แน่ใจนะว่าสิ่งที่ป้านงค์ทำลงไป มันถูกต้องหรือเปล่า
คนที่มีโอกาสเจริญก้าวหน้าในชีวิต หลายคนบอกป้านงค์โง่ โดนพี่น้องเอาเปรียบ
บางคนก็เหน็บแรงกว่า ไหนใครบอกกตัญญู ชีวิต จะเจริญ แต่แบบป้านงค์เรียกว่าเจริญหรือเปล่า
คนที่สละชีวิตตัวเองทั้งชีวิตเพื่อความกตัญญู นี่คงเป็นทางเลือกที่ป้านงค์เลือกเอง
คงไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้ นอกจากป้านงค์ หรืออาจเป็นไปได้ว่า แม้แต่ป้านงค์เองก็อาจจะไม่รู้คำตอบเหมือนกัน..
ปล บทความนี้ไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเพียงแต่ผมอยากลองเขียนบทความ ที่สะท้อนชีวิตในสังคมในบางแง่มุมเท่านั้น
1
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่าน หวังว่าจะอ่านเพื่อความบันเทิงนะครับ 😆💕
โฆษณา