#จากปมไล่ที่ชาวปาเลสไตน์4ครอบครัว
#สู่คืนวิปโยคที่กาซ่า
#กับปฏิบัติการถล่มทางอากาศของอิสราเอล
เมื่อค่ำคืนของวันอังคาร (11 พฤษภาคม 2021) นับเป็นช่วงค่ำคืนอันแสนสลดของชาวปาเลสไตน์ ในเขตฉนวนกาซ่า เมื่อรัฐบาลอิสราเอลของ "บี้บี้" เบนจามิน เนทันยาฮู สั่งบุกแหลก จัดขีปนาวุธโจมตีทางอากาศถล่มยับในเขตพื้นที่อยู่อาศัย และสถานที่ราชการของชาวปาเลสไตน์ จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก และมีชาวบ้านปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้วถึง 36 ราย ที่มีเด็กๆรวมอยู่ด้วย
โดย บีบี้ เนทันยาฮู กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการตอบโต้กลุ่มฮามาส ที่เป็นขบวนการเคลื่อนไหวติดอาวุธชาวปาเลสไตน์ที่ได้ยิงปืนครกถล่มชาวอิสราเอลก่อน ที่ทางรัฐบาลอิสราเอลระบุว่ามีเป้าหมายโจมตีกรุง เทลอาวีฟ และ คลังน้ำมัน เมื่อเป็นเช่นนี้อิสราเอลก็มีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะตอบโต้
และก็กลายเป็นค่ำคืนอันบ้าคลั่ง ที่ทั้งฝ่ายกองทัพอิสราเอล และ กลุ่มฮามาสที่จับอาวุธเท่าที่มีถล่มกันไม่ยั้ง และด้วยนิสัยของผู้นำอิสราเอลที่ว่า หากใครทำเรา เราจะเอาคืนหลายเท่า จึงเป็นการปะทะกันกองกำลังระหว่างปืนครก กับฝูงบินขีปนาวุธ ที่ใครเห็นแล้วก็อนาจใจ ที่ผู้มีอำนาจปกครองใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหา
และผลลัพธ์ก็คือความสูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย ที่ฝ่ายปาเลสไตน์สูญเสียอย่างหนัก เสียชีวิต 36 คน บาดเจ็บหลายร้อย และตัวเลขยังไม่นิ่ง ส่วนฝ่ายอิสราเอลแจ้งยอดผู้เสียชีวิต 5 รายเช่นกัน
การถล่มฉนวนกาซ่าของอิสราเอลครั้งนี้ นับเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2014 แต่หลังจากที่พยายามอดทน อดกลั้นกันมานานเกือบ 7 ปี
จุดเริ่มต้นของการเปิดหน้าถล่มแหลกไม่แคร์โลกของอิสราเอลในครั้งนี้ มีรากเหง้ามาจากปมร้าวลึกที่ค้างคาในสังคมชาวปาเลสไตน์ และ รัฐบาลอิสราเอล ยาวนานมาตั้งแต่มีการประกาศแยกรัฐอิสราเอล กับรัฐปาเลสไตน์ ในคาบสมุทรปาเลสไตน์ในปี 1948 ที่จัดโซนที่อยู่ของชาวยิว และชาวปาเลสไตน์ออกจากกันอย่างชัดเจน
ซึ่งหมายความว่าชาวปาเลสไตน์ท้องถิ่นที่เคยอยู่ในบ้านเดิมมาชั่วนาตาปี แต่เมื่อถูกตัดกลายเป็นประเทศอิสราเอลแล้ว ก็ต้องย้ายออกไปอยู่ฝั่งปาเลสไตน์ หรือไม่ก็ต้องโดนไล่ที่
และพื้นที่ที่มีปัญหามากที่สุดก็คือ "เยรูซาเล็ม" เมืองที่ทั้งฝ่ายปาเลสไตน์ และ อิสราเอลต้องการจะเคลมเป็นเมืองหลวงของตนเอง แล้วก็เป็นเมืองประวัติศาสตร์อันศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญของทั้งชาวยิว คริสต์ และ มุสลิม จนประเทศเพื่อนบ้านอย่างจอร์แดนต้องเข้ามาแทรกแซง และจัดพื้นที่ทางฝั่งเยรูซาเล็มตะวันออกให้ชาวปาเลสไตน์อยู่
แต่จุดพลิกผันคือ บรรดาชาติสมาชิกอาหรับ ที่รวมถึงจอร์แดนมาแพ้ให้กับอิสราเอลในสงคราม 6 วันในปี 1967 เลยทำให้รัฐบาลอิสราเอลถือสิทธิ์ยึดเอาเขตเยรูซาเล็มตะวันออกที่จอร์แดนเคยดูแลอยู่มาเป็นของตน และระบุในรัฐธรรมนูญอิสราเอลว่ากรุงเยรูซาเล็มจะแบ่งแยกไม่ได้อีก
เบื้องหลังมหากาพย์การครอบครองกรุงเยรูซาเล็มของอิสราเอล เคยเขียนแชร์ไว้ ย้อนอ่านได้ที่นี่ค่ะ
และเมื่ออิสราเอลมาเคลมพื้นที่ฝั่งเยรูซาเล็มตะวันออก ไล่ชาวปาเลสไตน์ออกไปจนหมด แต่ยังคงเหลืออยู่เพียงหมู่บ้านที่ยังเป็นปัญหาจนถึงปัจจุบัน ก็คือเขต Sheikh Jarrah
Sheikh Jarrah ในฝั่งเยรูซาเล็มตะวันออกนี้มีชาวปาเลสไตน์อาศัยอยู่ 4 ครอบครัว และเป็นปัญหาด้านกฏหมายกับรัฐบาลอิสราเอลมานานหลายปี เนื่องจากรัฐบาลอิสราเอลต้องการไล่ที่ 4 ครอบครัวนี้ออกไป แล้วให้ชาวอิสราเอลมาอยู่แทน
ยื้อกันมาหลายปี จนกระทั่งศาลชั้นต้นอิสราเอลตัดสินแล้วว่า ชาวปาเลสไตน์ 4 ครอบครัวนี้ หมดสิทธิ์ในกรรมสิทธิ์บ้านของพวกเขาที่ตั้งอยู่ในเขต Sheikh Jarrah แล้วต้องย้ายออกทันที แต่ชาวปาเลสไตน์ ณ หมู่บ้าน Sheikh Jarrah ไม่ยอมย้ายออก ยืนยันในสิทธิ์ในพื้นที่บ้านของตัวเองที่อยู่มานานหลายสิบปี จนกระทั่งทางการอิสราเอลได้ส่งตำรวจชุดใหญ่เข้ามาไล่ที่บ้านพวกเขาตอนตี 3! และกลายเป็นความชุลมุนวุ่นวายที่ทำให้มีชาวปาเลสไตน์บาดเจ็บหลายสิบคน
และเหตุการณ์ครั้งนั้นก็จุดกระแสชาวปาเลสไตน์ลุกขึ้นมาประท้วงคำตัดสินของศาลอิสราเอล เพราะหาก 4 ครอบครัวนี้ยอมรับ และต้องย้ายบ้านออกไป ก็จะมีผลกับคดีไล่ที่ชาวปาเลสไตน์ที่ยังอาศัยอยู่ในฝั่งของอิสราเอลอีกหลายสิบครอบครัวที่ต่อคิวอยู่ในศาลจะต้องถูกตัดสินออกมาในทิศทางเดียวกันหมด
การประท้วงของชาวปาเลสไตน์จึงเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเป็นช่วงเทศกาลถือศีลอดของชาวมุสลิมปาเลสไตน์ ที่พวกเขาจะมาสักการะพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ในเมืองเก่าเยรูซาเล็ม ก็ถูกทางการอิสราเอลจำกัดการเข้าพื้นที่ จนมีการประท้วงกันที่นอกกำแพงเมืองเยรูซาเล็มฝั่งประตูดามัสกัส และตามมาด้วยการปะทะกันอย่างรุนแรงอีกครั้งระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจอิสราเอล และ ชาวปาเลสไตน์ที่มัสยิด Al Aqsa และมีการใช้กระสุนยางยิงใส่ผู้ชุมนุม
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ทำให้กลุ่มฮามาส กลุ่มติดอาวุธชาวปาเลสไตน์ต่อต้านอิสราเอล จัดปืนครกยิงข้ามฝั่งไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เขตที่มีชาวอิสราเอลอาศัยอยู่
และนั่นก็คือที่มาของคำสั่งถล่มฉนวนกาซ่าของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมานั่นเอง
แม้ว่าท่านบีบี้ แกจะอ้างสิทธิ์ในการตอบโต้ แต่ก็หนีไม่พ้นการถูกประณามจากชาวมุสลิมทั่วสารทิศว่านี่มันเป็นการตอบโต้ที่เกินกว่าเหตุมากๆ และขาดความชอบธรรม
และไม่ใช่แต่โลกมุสลิมที่ออกมาประณาม แม้แต่ สส. ฝ่ายค้านในสภาอิสราเอลก็ไม่เห็นด้วยกับการตอบโต้ที่แข็งกร้าว จัดหนัก จัดเต็มของ เนทันยาฮู และวิจารณ์ว่าบีบี้ต้องการแค่เอาใจกลุ่มยิวฝ่ายขวาจัด หรือกลุ่ม Ultra-Orthodox ที่เป็นฐานเสียงสำคัญของบีบี้ เพื่อรักษาเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของตัวเอง เลยต้องเล่นใหญ่ถึงขนาดนี้
แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ก็หนีไม่พ้นชาวปาเลสไตน์ที่เป็นผู้รับกรรมเช่นเดิม ที่ต้องถูกยึด ถูกไล่ที่ครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งๆที่ชาวปาเลสไตน์ และ ชาวยิว ก็เคยอยู่ในพื้นที่เดียวกันมานานเป็นร้อยปีก่อนการจัดแยกรัฐอิสราเอล-ปาเลสไตน์ด้วยซ้ำไป
และด้วยประเด็นการโจมตีฉนวนกาซ่าของรัฐบาลอิสราเอล ที่กำลังถูกวิพากษ์ วิจารณ์ทั่วโลก จึงทำให้ศาลสูงอิสราเอลของเลื่อนคำไต่สวนการไล่ที่ของครอบครัวชาวปาเลสไตน์ใน Sheikh Jarrah ออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด แต่ไม่ว่าศาลสูงสุดจะตัดสินอย่างไร 4 ครอบครัวชาวปาเลสไตน์ จากหมู่บ้าน Sheikh Jarrah ก็ขอสู้จนตัวตาย และเขาจะยอมย้ายออกพร้อมโลงศพเท่านั้น
เป็นคดีที่บ่งบอกถึงความซับซ้อนของมนุษย์ แม้จะรู้ว่าการแบ่งแยก กีดกัน ไม่ใช่คำตอบของการสร้างสังคมสันติภาพ ตราบใดที่ยังไม่สามารถหลอมรวม และรอมชอมกันได้ ก็ยากที่จะเกิดความสงบสุขในดินแดนคาบสมุทรปาเลสไตน์แห่งนี้
แหล่งข้อมูล
- 105
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
