15 พ.ค. 2021 เวลา 10:14 • ท่องเที่ยว
แบ็คแพ็ค 7 ประเทศ 1 เดือน (1) - ออกจากไทยไปจีน พระราชวังต้องห้าม
5
เพราะโควิดทำให้พวกเราไปเที่ยวกันลำบากขึ้น พอไปเที่ยวไม่ได้ฉันเลยย้อนดูรูปจากทริปเก่าๆ แล้วเอามาเขียนเป็นบทความเก็บไว้อ่านแล้วก็แบ่งคนอื่นอ่านด้วย
ทริปนี้ตั้งแต่ปี 2019 เป็นโซโลทริปในต่างประเทศเป็นครั้งแรกของฉัน ใช้เวลา 1 เดือน สัญจรไปทั้งหมด 7 ประเทศ เริ่มตั้งแต่ จีน มองโกเลีย รัสเซีย ฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์ ออสเตรีย และจบที่ อิตาลี
1
ลองเดินทางคนเดียวสักพัก ไปในที่ ๆ เราไม่เคยไปและไม่มีใครรู้จักเรา
2
Lauterbrunnen, Interlaken, Switzerland
วันที่ 0 ออกจากประเทศไทย
ออกจากประเทศไทยคืนวันศุกร์ พอไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิก็รีบ check-in โหลดกระเป๋า backpack เพื่อไปหาที่งีบสักหน่อยเพราะกว่าเครื่องจะออกก็ตี 1
ออกเดินทางด้วย China Eastern ค่าตั๋ว 7,600 บาท เครื่องดีเลย์ 1 ชม. เลยมีเวลาเดินเล่น เดินดูของไปเรื่อยเปื่อย แล้วกินอาหารไทยมื้อสุดท้ายก่อนออกเดินทาง
วันที่ 1 เดินทางถึงจีนไปชมพระราชวังต้องห้าม
เลือกมาจีนเพราะจะมาต่อรถไฟเข้ามองโกเลียที่นี่ แล้วตั๋วเครื่องบินไปจีนมันถูกกว่าค่าตั๋วเครื่องบินตรงไปยุโรปหรือรัสเซีย ถือว่าตั๋วถูกกว่าแถมได้เที่ยวระหว่างทางด้วย ฉันเลยเริ่มทริปที่ประเทศจีนก่อน
มาถึงสนามบินปักกิ่ง ก็หาที่ซื้อบัตร Yikatong card ที่แปลว่า one-card pass ในภาษาจีนกันก่อน โดยเราต้องวางเงินมัดจำประมาณ 20 หยวน แล้วเติมเงินเข้าบัตรอีก บัตรนี้ใช้ขึ้น Subway และรถเมล์ได้ทั่วปักกิ่ง บัตรเดียวสะดวกและประหยัดเวลาเพราะไม่ต้องไปต่อแถวซื้อตั๋วใหม่หลายหน
2
The yikatong (一卡通) | www.thebeijinger.com/
ฉันเติมเงินเข้าบัตร 100 หยวนเพราะคิดว่าเราจะเดินทางด้วยบัตรใบนี้เป็นหลัก ตอนเงินเหลือก็คงเหลือไม่เกิน 100 หยวน น่าจะหาที่แลกบัตรได้ไม่ยากนัก
จากที่หาข้อมูลมาถ้าเงินในบัตรเหลือเกิน 100 หยวน ต้องไปแลกบัตรที่สถานีที่กำหนดเท่านั้น แต่ถ้าเหลือไม่ถึง 100 หยวนจะแลกที่จุดแลกบัตรคืนจุดไหนก็ได้
Subway Map มีหลายสายแต่แบ่งเป็นสีและหมายเลขชัดเจน ทำให้เดินทางได้ไม่ยาก เราสามารถใช้บัตร Yikatong ได้หมด ไปได้ทั่วปั่กกิ่งจริง ๆ
1
Subway Map | www.maps-beijing.com
พอจัดการซื้อ Yikatong Card เสร็จ ก็มองหาที่ซื้อตั๋ว Airport Express เหมือน Airport link ที่มาลง BTS พญาไทบ้านเรา
ราคาตั๋ว คือ 25 หยวน จากภาพด้านบนสายของ Airport Express คือสายสีม่วงอ่อน ต้องใช้ตั๋วนี้เดินทางจากสนามบินเข้าไปในตัวเมืองปักกิ่งก่อน (สาย Airtport Express ใช้ Yikatong ไม่ได้)
โดยจะมีสถานีให้เราเลือกลงได้ 2 สถานีคือ Sanyuanqiao กับ Dongzhimen
ฉันลงสถานี Dongzhimen ที่อยู่บน Line 2 สีน้ำเงินเข้ม เพราะ Leo Hostel ที่ฉันพักอยู่ใกล้สถานี้ Qienmen ที่อยู่บนสายนี้
Leo Hostel ที่พักที่จองไว้ล่วงหน้า ราคา 1,350 บาท พัก 3 คืน ตอนจองที่พักทุกที่เน้น location ที่เดินทางสะดวก สามารถเดินได้ด้วยขนส่งสาธารณะ จะได้ไม่ต้องเปลื่องเงินค่า taxi เพราะทริปนี้ไปหลายประเทศต้องประหยัดที่สุด การเดินทางใกล้ๆกัน 3-4 สถานีก็ตกครั้งละ 3 – 4 หยวน สภาพรถไฟก็เหมือนกับ BTS บ้านเรา
1
Leo Hostel
ถึง Leo Hostel ประมาณ 11 โมง ก็เก็บของแล้วก็ออกไปพระราชวังต้องห้าม ฉันจองตั๋วเข้าพระราชวังต้องห้ามผ่าน application KLOOK สรุปรวมราคาที่จ่ายผ่าน application ก็ 315.8 บาท
Klook จะส่งตั๋ว electronic แบบนี้มาให้ทางอีเมล์ เราต้อง print out ออกไปด้วยเพราะเจ้าหน้าที่เขาจะใช้วิธี scan QR code ก่อนที่จะอนุญาตให้เราเข้าไป
1
Forbidden City Electronic Ticket
วิธีเดินทางไปพระราชวังต้องห้ามคือนั่ง subway line 1 สายสีม่วงเข้มไปที่ Tiananmen east station หรือ Tiananmen west station ก็ได้
ฉันไปช่วงเดือนมิถุนายนซึ่งตรงกับหน้าร้อน พระราชวังต้องห้ามใหญ่มากและร้อนมาก เดินเหนื่อยมาก แต่ละตำหนักจะดูคล้ายๆกันไปหมด ใหญ่ ทึบ หนา ดูไม่เป็นมิตร แล้วต้นไม้ก็น้อยมาก มีสวนอยู่ตรงด้านหลังตรง Imperial Garden เล็กนิดเดียวเอง
Travelchinaguide.com
ช่วงที่ไปมันเป็นช่วง high season ที่คนจีนเขาจะมาเที่ยวพระราชวังต้องห้ามกัน วันที่ฉันไปคือฟ้าใสกิ๊ง แบบใสมากๆ UV ทะลุมาหาเราได้สบายๆไม่มีเมฆใดๆมากั้นขวาง ชาวจีนเยอะแยะ
ควรพกน้ำไปด้วยเพราะสถานที่ใหญ่มาก พวกรถขายน้ำก็จะมีอยู่ตรงประตูทางเข้าวังจุดต่างๆ เท่านั้น แต่ข้างในไม่มีร้านขายของ
เชิญชมภาพจริงแบบไม่ใส่ filter และไม่สร้างภาพ บรรยากาศจริงๆจะเป็นแบบนี้ ร้อนและคนเยอะ (แต่ถ้าไปช่วงอื่นอาจจะสวยก็ได้)
Forbidden City in June
คนจีนเองก็มีมานั่งพักหลบแดดแบบนี้เหมือนกัน คือต่อให้มันจะเป็นที่ๆครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปดู พอเดินไปสักพักมันก็ไม่ไหว เดินไปได้นิดหน่อย ฉันก็ไปนั่งหลับตรงประตูสีแดงนี่แหละ คงเพราะว่าเหนื่อยจากการเดินทางที่พึ่งลงจากเครื่องก็ออกมาเปรี้ยวเลย ไม่พักไม่ผ่อน
1
ทีมหลบแดด
พองีบเสร็จก็มีแรงเดินไปดูมุมต่างๆที่ปกติจะเห็นแต่ในหนังจีน สิ่งก่อสร้างเขาก็ยิ่งใหญ่ดีนะ แต่จะหามุมถ่ายภาพแบบไม่เห็นคนนี่ยากมาก
เดินชมพระราชวังกันพอหอมปากหอมคอก็แวะเข้าไปดูในตำหนักที่เขามีจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้แบบจีนสมัยก่อนเอาไว้
เดินไปเดินมาก็เจอตำหนักอีกตำหนักที่จัดแสดงนาฬิกาซึ่งนี่คงเป็น Hall of Clocks ที่ราคารวมอยู่ในตั๋วของเราแล้ว ก็เลยแวะเข้าไปชมสักหน่อย ขอบอกว่าคนเยอะเช่นเดิม หามุมถ่ายรูปได้ยาก
เราอยู่พระราชวังต้องห้ามไม่นานเพราะอากาศร้อนมาก พออากาศร้อนก็ไม่อยากเดินเที่ยวแล้ว แถมคนเยอะด้วย พอออกมาด้านนอกพระราชวังต้องห้าม ยังเดินสบายหน่อยเพราะคนไม่แออัดและรอบๆพราะราชวังจะถูกล้อมด้วยน้ำก็ดูสบายตาขึ้นมาหน่อย
กำลังจะเดินไปขึ้น Subway กลับ Hostel ก็เห็นร้านอาหารข้างทาง เลยลองเข้าไปกินดู อาหารที่สั่งมาหน้าตาไม่ดีแต่อร่อยมาก ฉันเรียกมันว่าเมนูมะเขือเทศผัดไข่ ในขวดขาวๆทางซ้ายมือรสชาติเหมือนโยเกิร์ตก็อร่อยไปอีกแบบ
วันนี้พอออกจากพระราชวังต้องห้าม ก็รู้สึกตัวรุมๆเหมือนจะไม่สบาย เลยกลับ hostel กินยาแล้วก็เข้านอนตั้งแต่ 2 ทุ่ม ไม่ได้ไปเดินถนนคนเดิน Wanfujing ที่แพลนไว้ตอนแรก
วันพรุ่งนี้จะพาไปเดินเล่น Summer Palace กัน
อ่านต่อทริปของวันพรุ่งนี้คลิกลิงค์ด้านล่างได้เลย 👇👇
โฆษณา