15 พ.ค. 2021 เวลา 11:22 • ข่าว
‘อิสราเอล’ ชาติที่พลเมืองทั้งชายและหญิงทุกคนเป็นทหาร
ประเทศเล็กๆ กลางสมรภูมิสงครามที่ระบบกองทัพระดับโลก
2
ความรุนแรงจากการโจมตีระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และใกล้เข้าสู่สิ่งที่เรียกว่าสงครามกลางเมืองเต็มที
ล่าสุดการโจมตีได้ขยายวงกว้างจากเขตฉนวนกาซา ทางตอนใต้ของประเทศอิสราเอล ไปยังพื้นที่เขตเวสต์แบงก์ ที่อยู่ทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นที่ตั้งของนครเยรูซาเล็ม ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของทั้ง 3 ศาสนาคือ อิสลาม คริสต์ และยิว ที่ตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการพังทลายเนื่องจากทั้งกองทัพอิสราเอล และกลุ่มฮามาสของปาเลสไตน์ ต่างใช้อาวุธหนักโจมตีกันอย่างดุเดือด จนอาคารบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ได้รับความเสียหาย
ขณะเดียวกันก็เกิดการประท้วงระหว่างชาวยิวและชาวปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงก์ ที่เข้าปะทะโดยใช้ทั้งอาวุธปืนและก้อนหินขว้างปาใส่กันจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต นับเป็นความเลวร้ายที่เกิดขึ้นอีกครั้งนับตั้งแต่ปี 2014 ที่เคยเกิดการปะทะมาแล้วครั้งหนึ่ง
ท่ามกลางสถานการณ์ที่รุนแรงและวุ่นวายนี้ มีมุมมองหนึ่งที่น่าสนใจที่ผู้เขียนอยากนำเสนอ และเป็นมุมมองที่ใครหลายคนน่าจะยังไม่ทราบว่า ประเทศอิสราเอลที่มีพลเมืองราว 9 ล้านคนนั้น ประชาชนทุกคนทั้งชายและหญิงคือ 'ทหาร' คนอิสราเอลเป็นทหารทั้งประเทศ และต้องพร้อมออกรบตลอด 24 ชั่วโมงเมื่อได้รับคำสั่งให้เข้าประจำการ
1
🔵 ทำไมชาวอิสราเอลทุกคนต้องเป็นทหาร
อย่างที่ทราบกันดีคือ อิสราเอลเป็นประเทศขนาดเล็กที่มีพื้นราว 20,770 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเล็กกว่าจังหวัดนครราชสีมาที่มีพื้นที่ 25,494 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรเพียง 9 ล้านคนเศษ นับหนึ่งในประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ด้วยการที่เป็นประเทศขนาดเล็ก พื้นที่น้อย และถูกรายล้อมไปด้วยชาติอาหรับที่เป็นดั่งไม้เบื่อไม้เมาของชาวยิวที่พร้อมจะทำสงครามอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นมันจึงเป็นมีทางเลือกไม่มากในการที่จะสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งเพื่อป้องกันประเทศและต่อกรกับชาติที่มีขนาดใหญ่กว่าทั้งอียิปต์ จอร์แดน ซีเรีย และเลบานอน ซึ่งมีพรมแดนอยู่ติดกัน
1
ทำให้ชาวอิสราเอลทุกคนไม่ว่าชายหรือหญิงจะต้องผ่านการเกณฑ์ทหารโดยมีข้อยกเว้น เนื่องจากประเทศยังอยู่ในภาวะสงครามที่ไม่มีวันสิ้นสุดนับตั้งแต่ที่มีการก่อตั้งประเทศเมื่อปี 1948 หรือ 73 ปีที่แล้ว
🔵 จบมัธยมต้องเกณฑ์ทหารทุกคนไม่มีข้อยกเว้น
วัยรุ่นทั้งชายและหญิงของประเทศอิสราเอล เมื่อจบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาแล้ว โดยเฉลี่ยที่อายุ 18 ปี จะต้องเข้าเป็นทหารกองเกิน หรือการเป็นทหารเกณฑ์ทันที ตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร ซึ่งผู้ชายจะต้องประจำการเป็นเวลา 3 ปี ผู้หญิง 2 ปี หลังจากเสร็จสิ้นการประจำการเป็นทหารกองเกินแล้ว จึงจะสามารถไปศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย หรือทำงานได้
หากไม่ผ่านการเกณฑ์ทหาร จะไม่มีสิทธิ์เรียนต่อและเข้าทำงานได้นั่นเอง
แต่แม้ว่าประเทศอิสราเอลที่ประชาชนทุกคนจะต้องผ่านการเกณฑ์ทหาร แต่กลับมีทหารกองประจำการ หรือข้าราชการทหาร เพียง 2 แสนนายเท่านั้น
แต่หากประเทศกำลังเข้าสู่ภาวะสงครามและต้องการกำลังพลเข้ามาเสริม ประชาชนทุกคนที่ผ่านการเกณฑ์ทหารแล้ว และขึ้นบัญชีเกินทหารกองหนุน ซึ่งผู้ชายชาวที่มีอายุ 18-54 ปี และหญิงที่มีอายุ 18-34 ปี จะต้องรีบเข้ารายงานตัวทันทีภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว สามารถใช้เวลาเพียงแค่ 6 - 8 ชั่วโมงเท่านั้น นับว่ารวดเร็วที่สุดในโลก เพื่อพร้อมประจำการในหน้าที่ต่างๆ ในสมรภูมิการสู้รบ
🔵 แล้วเอาทักษะการสู้รบมาจากไหน
หลายคนคงมีคำถามว่า ถ้าปลดประจำการทหารเกณฑ์ไป แล้วถูกเรียกตัวกลับมาประจำการจะเอาทักษะการสู้รบ การใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ หรือเอายุทธวิธีในการรบที่ไหนมาต่อสู้ เพราะถ้าเป็นตอนประจำการอยู่ก็คงจะได้ฝึกฝนการใช้ปืนผ้าหน้าไม้บ้าง แต่พอออกไปสู่สังคมการเรียนในระดับมหาวิทยาลัย หรือไปทำงานเป็นมนุษย์ออฟฟิศ ก็คงไม่มีโอกาสได้จับอาวุธมาเล็งยิงแน่นอน คงต้องหลงลืมทักษะกันไปบ้างไม่มากก็น้อย
ดังนั้นกองทัพอิสราเอลจึงมีวิธีการฝึกและเตรียมความพร้อมของทหารกองหนุนเหล่านี้อย่างต่อเนื่องทุกปี โดยกฎหมายได้กำหนดให้ทหารกองหนุนต้องเข้ารับการฝึกเพื่อเตรียมความพร้อมปีละ 42 วัน และถ้าหากมีความจำเป็นก็อาจขยายเวลาการฝึกออกไปเป็น 60 วัน ซึ่งขึ้นอยู่กับหน่วยที่ทหารกองหนุนจะได้รับหน้าที่ให้ไปประจำการ ในแต่ละครั้งจะมีการจัดการฝึกครั้งละ 2-3 วัน ส่วนหลักสูตรการฝึกจะถูกแบ่งออกเป็น 2 หลักสูตรคือ หลักสูตรเบื้องต้นและหลักสูตรก้าวหน้า โดยการฝึก 2 หลักสูตรนี้จะสลับปีเว้นปี เนื่องจากมีงบประมาณจำกัด
1
หมายความว่าประชาชนชาวอิสราเอลทุกคนจะมีทักษะทหารติดตัวและได้รับการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตามแต่วาระและโอกาสว่าใครจะต้องเข้าฝึกในปีไหนช่วงไหนนั่นเอง
🔵 ทำไมไม่มีทหารประจำการจำนวนมากไปเลย
แม้อิสราเอลจะเป็นประเทศที่ต้องเผชิญกับสงครามอยู่เกือบตลอดเวลา และอาจจะต้องใช้ทำหารจำนวนมากในการออกรบในแต่ละครั้ง แต่เป้าหมายของรัฐบาลอิสราเอลคือ การพยายามทำให้กองทัพมีขนาดที่กระชับแต่ทรงประสิทธิภาพที่สุด การลดจำนวนทหารประจำการที่ถือว่าเป็นการใช้งบประมาณที่สูงในการดูแลนายทหารแต่ละคน เปลี่ยนไปเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บของกองทัพด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และพัฒนาศักยภาพกำลังพลที่มีจำกัดให้ทรงประสิทธิภาพแทน
1
เทคโนโลยีทางทหารของอิสราเอลนับว่ามีความก้าวหน้าที่สุดแห่งหนึ่งของโลก หุ่นยนต์สงคราม อากาศยานโจมตีแบบไร้คนขับ ระบบต่อต้านการโจมตีทางอากาศ และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมามายถูกพัฒนาและผลิตเพื่อใช้ในภารกิจทางทหาร สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่มีการสูญเสียกำลังพลน้อยที่สุด
กองทัพอิสราเอลมีการนำเทคโนโลยี Internet of Things หรือ IoT มาใช้ด้วย รวมทั้งเทคโนโลยี Virtual Reality (VR) สามารถจำลองสนามรบและสถานการณ์ที่นักบินถูกโจมตีได้ และสามารถใช้ IoT เพื่อเชื่อมต่อกับผู้บัญชาการของกองพันนั้นๆ ผ่าน Control Center เทคโนโลยีล้ำหน้าแบบนี้ สามารถเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีของอาวุธได้ หรือมองเห็นสถานการณ์ได้อย่างเต็มรูปแบบได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองเข้าไปในอยู่ในสมรภูมิ
4
ยิ่งไปกว่านั้นทางกองทัพยังใช้ VR ในการฝึกสอนนักบินรุ่นใหม่ให้ใช้งานเครื่องบิน F-35 ซึ่งจะนำมาใช้งานจริงในช่วงปลายปี 2016 ที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีอีกเทคโนโลยีที่ช่วยให้คนบังคับโดรนสามารถควบคุมและสั่งยิงถล่มศัตรูได้จากศูนย์บัญชาการ
ส่วนระบบป้องกันการโจมตีต่างๆ ที่บริษัทในอิสราเอลคิดค้นและพัฒนาจนขายให้กับมหาอำนาจของโลกก็มีมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ระบบต่อต้านขีปนาวุธโทรฟี (Trophy) เพื่อป้องกันกองรถถังเลพเพิร์ด 2 (LEOPARD 2) ของกองทัพเยอรมนี ซึ่งกองทัพอิสราเอลเคยใช้ระบบดังกล่าวระหว่างปฏิบัติการทางทหารขนานใหญ่ในฉนวนกาซาเมื่อปี 2014 เป็นต้น
🔵 หญิงชายเท่าเทียมอย่างแท้จริง
ชายและหญิงชาวอิสราเอล นอกจากจะต้องเกณฑ์ทหารเหมือนกันแล้ว เมื่อถึงเวลาออกรบจริง ก็สามารถทำหน้าที่ได้ไม่แตกต่างกัน แม้แต่การขับเครื่องบินรบที่เดิมทีทหารหญิงของอิสราเอลมีข้อจำกัดในเรื่องนี้ แต่เมื่อปี 1994 มีการเรียกร้องถึงบทบาทต่างๆ ของทหารหญิงให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เท่าเทียมกับทหารผู้ชาย จึงได้มีการผลักดันกฎระเบียบกองทัพใหม่ให้ทหารชายและทหารหญิง มีความเสมอภาคเท่าเทียมกันในการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ปัจจุบันทหารหญิงของอิสราเอลสามารถขับเครื่องบินรบได้ และปฏิบัติภารกิจได้เหมือนกับผู้ชาย
ส่วนประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ ที่ผู้หญิงต้องเกณฑ์ทหารคือ คือประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นชาติในกลุ่มสมาชิกของ NATO ที่มีกฎหมายว่าผู้หญิงทุกคนเกณฑ์ทหาร เช่นเดียวกับผู้ชาย โดยหญิงผู้มีอายุ 18 ปี จะถูกคัดเลือกให้ไปรับใช้ชาติ ต้องฝึกทุกอย่างเหมือนทหารเกณฑ์ชาย แม้แต่เรือนนอนก็ยังต้องใช้ร่วมกัน โดยเหตุผลที่มีการเกณฑ์ทหารในทุกเพศนี้ จะทำให้ประเทศนอร์เวย์ได้ทหารที่มีความสามารถในด้านต่างๆ เข้ามาเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีตัวเลือกมากขึ้นอีกด้วย เพราะในทุกปีมีจะมีคนมาร่วมคัดเลือกเข้าเกณฑ์ทหารประมาณ 60,000 คน แต่จะมีผู้ได้รับคัดเลือกจริงๆ ไม่ถึง 10,000 คน และผู้หญิงถือว่ามีบทบาทอันสำคัญอย่างมาในกองกำลังติดอาวุธของนอร์เวย์มาเป็นเวลาอันช้านานแล้ว
ถือว่าเป็นเกร็ดความรู้เกี่ยวกับกองทัพอิสราเอลท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้ เพื่อให้เข้าใจบริบทของข่าวคราวที่เกิดขึ้นในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น และไม่ได้มีเจตนาที่จะชื่นชมหรือสนับสนุนความรุนแรง และการใช้กำลัง แต่เป็นการฉายภาพให้เห็นว่าในต่างประเทศที่อยู่ห่างไกลจากประเทศไทย มีรูปแบบของสังคมเป็นอย่างไรนั่นเอง
╔═══════════╗
ไม่พลาดบทความสาระดีๆ ที่ Reporter Journey ตั้งใจสร้างสรรเพื่อผู้ติดตามทุกท่าน อย่าลืมกดติดตามเพจ ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
╚═══════════╝
ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
Facebook : Reporter Journey
โฆษณา