17 พ.ค. 2021 เวลา 01:10 • ประวัติศาสตร์
พระไตรปิฎกถูกรวบรวมเป็นพยัญชนะครั้งแรก ฉบับย่อ
1
เพราะเหตุใดทำไมเมื่อบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดเข้าไปศึกษาพระธรรมคำสอนที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกแล้วจึงไม่สามารถรู้จริง ไม่สามารถแทงตลอดในพระธรรมคำสอนนั้นๆจนเป็นที่ถ้วนรอบได้ จนเป็นเหตุให้เกิดเป็นมิจฉาทิฏฐิ กล่าวตู่พระธรรมคำสอนอยู่โดยทั่วไป
เนื่องจากพระธรรมคำสอน ของพระพุทธเจ้ามีคุณสมบัติที่น่ามหัศจรรย์อยู่ 8 ประการคือ
1. ลึกซึ้ง
2. เห็นตามได้ยาก
3. รู้ตามได้ยาก
4. สงบ
5. ประณีต
6. ห้ามคาดเดา
7. ละเอียดสุด
8. ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน
นี่คือคุณสมบัติที่เป็นเหตุปัจจัยประการที่ 1
อีกประการหนึ่ง พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามีคุณสมบัติที่เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คือ ภิกษุในธรรมะวินัยนี้ ย่อมพร่ำสอนกันอยู่อย่างนี้ว่า
ท่านจงตรึกอย่างนี้ อย่าได้ตรึกอย่างนั้น
ท่านจงทำใจอย่างนี้ อย่าได้ทำใจอย่างนั้น
ท่านจงละสิ่งนั้น จงเข้าถึงสิ่งนี้แล้วอยู่
นี่คือ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คุณสมบัติของ อนุสาสนีปาฏิหาริย์นั้น คือ
1. มีศาสดา
2. มีพระธรรม
3. มีบุคคลผู้ที่ฟังธรรม
องค์ประชุมทั้งสามประการนี้ คือ
ศาสดา พระธรรม บุคคลผู้ฟังธรรม องค์ประชุมทั้งสามประการนี้ ประชุมพร้อมกัน จึงเรียกว่า อนุสาสนีปาฏิหาริย์
นี่คือคุณสมบัติที่เป็นเหตุ เป็นปัจจัยประการที่ 2
1
ตรงนี้จะชี้ให้เห็นว่า พระพุทธเจ้าในทุกๆพระองค์ ใน 91กัป มานี้
เริ่มตั้งแต่พระพุทธเจ้า
1. วิปัสสี
2. สิขี
3. เวสสภู
4. กุกุสันธะ
5. โกนาคมนะ
6. กัสสปะ
7. โคตม หรือสมณโคดม องค์ปัจจุบัน
ไม่มีพระพุทธเจ้าพระองค์ใดดำริหรือสั่งการให้ใคร กระทำการรวบรวมพระธรรมคำสอนของพระองค์ เป็นบทพยัญชนะ เป็นพระไตรปิฎกนี้เลย พระไตรปิฎกที่เกิดอยู่บนโลก เกิดในยุคของ สมณโคดม หลังจากที่สมณโคดมได้เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว จึงเกิดขึ้นในภายหลัง พระพุทธเจ้าสมณโคดมพระองค์ไม่ได้ทรงทราบในเรื่องนี้ ไม่ได้ดำริ ไม่ได้สังการ ให้ใครกระทำการรวบรวม
1
แล้วด้วยเหตุปัจจัยใดพระไตรปิฎก จึงอุบัติขึ้นในโลก หรือเกิดขึ้นในโลกเป็นครั้งแรกนี้ เบื้องต้นขอเอ่ยคำที่เป็นต้นเหตุ หรือธรรมที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดพระไตรปิฎกขึ้น
" อย่าเลยอาวุโส พวกท่านอย่าเศร้าโศกอย่ารำไรไปเลย ก็บัตินี้พวกเราได้พ้นดีแล้ว ด้วยว่ามหาสมณนั้นได้เบียดเบียนพวกเราอยู่อย่างนี้ว่า สิ่งนี้ควรแก่เธอสิ่งนี้ไม่ควรแก่เธอ บัตินี้พวกเราปรารถนาสิ่งใดเราจะทำสิ่งนั้น ไม่ปรารถนาสิ่งใดพวกเราจะไม่ทำสิ่งนั้น"
นี่เป็นคำกล่าวของพระสุภัททะ ที่กล่าวต่อหน้าพระมหากัสสปะและหมู่สงฆ์ ในเมืองปาวา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ขณะที่พระมหากัสสปะ ได้นำหมู่สงฆ์ จำนวน 500รูป ได้เที่ยวจาริกประกาศธรรมของพระพุทธเจ้า ไปตามหัวเมืองต่างๆ ขณะที่เดินทางมาถึงเมืองปาวา นี้ ท่านพระมหากัสสปะได้เห็นอาชีวกะคนหนึ่ง ถือดอกมณฑารพ มาจากเมืองกุสินารา
จึงได้ถามข่าวถึงพระพุทธเจ้าจากอาชีวกะคนนั้น และได้ทราบว่าบัดนี้ล่วงเป็นวันที่7แล้วที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดมได้ดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ข่าวนี้แพร่ไปในหมู่สงฆ์ของพระมหากัสปะอย่างรวดเร็ว
ในหมู่สงฆ์มีสงฆ์อยู่ 2แบบ แบบสูงสุดคือพระอเสขะ พระภิกษุเหล่านี้ท่านได้ก้าวล่วงพ้นความสูญเสียพ้นจากเวทนาต่างๆแล้ว ท่านก็ทรงสภาพอยู่ตามฐานะเมื่อได้รับทราบก็เพียงแต่รับทราบ
1
แต่ยังมีสงฆ์อยู่อีกกลุ่มหนึ่งที่ยัง เป็นพระเสขะบุคลที่ยังฝึกหัดปฏิบัติตนอยู่ ยังไม่สามารถก้าวข้ามความสูญเสียหรือเวทนาที่มาจากความพลัดพรากดังกล่าวนี้ได้
โดยเฉพาะพระภิกษุสงฆ์องค์ที่ได้รู้ว่า พระพุทธเจ้าได้ดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ก็พากัน ก่นร่ำ รำพัน พากันร้องห่มร้องไห้ กลิ้งเกลือก จากอากัปกิริยาที่ปรากฏนี้ พระสุภัททะผู้เป็นผู้ถือบวชเมื่อแก่ ก็อยู่ในที่แห่งนั้นด้วย จึงได้กล่าวกับพระภิษุสงฆ์ที่มีอากัปกิริยาที่กำลังสูญเสีย ที่กำลังเสียใจอย่างยิ่งอยู่นั้นต่อหน้าพระมหากัสสปะขึ้นว่า
1
" อย่าเลยอาวุโส พวกท่านอย่าเศร้าโศกอย่าร่ำไรไปเลย ก็บัตินี้พวกเราได้พ้นดีแล้ว ด้วยว่ามหาสมณนั้นได้เบียดเบียนพวกเราอยู่อย่างนี้ว่า สิ่งนี้ควรแก่เธอสิ่งนี้ไม่ควรแก่เธอ บัตินี้พวกเราปรารถนาสิ่งใดเราจะทำสิ่งนั้น ไม่ปรารถนาสิ่งใดพวกเราจะไม่ทำสิ่งนั้น"
คำกล่าวนี้พระมหากัสสปะได้ยินทุกคำ จึงรู้สึกสังเวชใจว่าก็ยังมีหมู่คนเช่นนี้อยู่ในหมู่สงฆ์ เมื่อเข้ามาถือบวชแล้วไม่ได้มีความศรัทธาในพระพุทธเจ้า ไม่ได้ปรารถนาที่จะรู้ในธรรมเพื่อเป็นความพ้นทุกข์เลย
พระสุภัททะนี้ไม่ได้บรรลุธรรมที่เป็นของสมณ และประกอบไปด้วยพระสุภัททะนี้ได้เคยถูกพระพุทธเจ้าตำหนิ ในการที่ได้ทำผิดวินัยเอาไว้ จึงได้ผูกใจเจ็บพอได้ทราบข่าวว่าพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน อารมณ์ที่ไม่เคยฝึก ไม่ได้บรรลุธรรมใดเลยก็ได้ระเบิดขึ้น ก็เลยกล่าวจาบจ้วงต่อ พระพุทธเจ้า ต่อพระธรรม ต่อพระภิกษุสงฆ์ที่ได้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในธรรมอยู่ดังปรากฏ
ท่านมหากัสสปะเกิดความสังเวชใจ
นี่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันปรินิพพานเพียง 7วันเท่านั้นถ้ามากกว่านี้จะขนาดไหน และไม่แน่ใจว่าจะมีคนอย่างเช่นพระสุภัททะอีกจำนวนเท่าใด ท่านจึงเก็บความสังเวชใจนี้เอาไว้และบอกพระภิกษุสงฆ์ที่เดินทางมาให้ได้รับรู้ว่า
" อย่าเลยอาวุโส พวกท่านอย่าได้เศร้าโศก อย่าร่ำไรไปเลย พระศาสดาได้ตรัสกับพวกเราเอาไว้ในก่อนไม่ใช่หรือว่า ความเป็นอย่างอื่นความพลัดพราก ความเป็นต่างๆ จากของรักของชอบใจนั้นจักต้องมี เพราะฉนั้นเราจะได้ของรักของชอบใจนี่แต่ที่ไหน สิ่งใดเกิดแล้วมีแล้ว อันปัจจัยปรุงแต่งแล้ว สิ่งนั้นมีอันทำลายเป็นธรรมดา การปรารถนาว่า ขอสิ่งนั้นจงอย่าทำลายไปเลยดังนี้ไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้ "
เมื่อกล่าวกับพระภิกษุสงฆ์ที่เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าที่ติดตามท่านพระมหากัสสปะมาแล้ว
ท่านก็นำภิษุสงฆ์เหล่านั้นกลับไปยังเมืองกุสินารา เพื่อทำพิธีพระศพในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เป็นที่เรียบร้อย เมื่อจัดพิธีพระศพในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ความโศกสลดสังเวชใจ ต่อพฤติต่อคำกล่าวของพระสุภัททะยังคงปักใจอยู่ในท่านพระมหากัสสปะ
ดังนั้นพระมหากัสสปะจึงรวบรวมพระอรหันตสาวกที่เป็นเอตทัคคะต่างๆ
ท่านพระอานนท์ เป็นเอตทัคคะในเรื่องของพระสูตร ท่านพระอุบาลีเป็นเอตทัคคะในเรื่องของพระธรรมวินัย ท่านโสณะ กุฏิกัณณะ มาคอยซักถามตรวจสอบ สอบทาน และมีพระอรหันตสาวกจำนวน 100-200รูปขึ้นไป มาร่วมกันรับฟังเพื่อตรวจสอบเพื่อตรวจทานพระธรรมคำสอนที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประกาศธรรมเอาไว้ 45พรรษา( 45ปี)
ทั้งหมดทั้งมวลเอามารวบรวมไว้โดยท่านพระมหากัสสปะเป็นประธาน
การปรากฏขึ้น การเกิดขึ้นของพระไตรปิฎกจึงอุบัติขึ้นในโลกเป็นครั้งแรก ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าวนี้
ประการที่ 1 . พระสุภัททะ เป็นผู้กล่าวจาบจ้วง ต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อพระธรรม ต่อพระภิกษุสงฆ์
ประการที่ 2 . ผู้ที่ฟังคำกล่าวของพระสุภัททะ เป็นผู้มีกำลังมาก เช่น ท่านพระมหากัสสปะ ไม่แน่หากเป็นผู้อื่นได้ฟังพระไตรปิฎกอาจจะไม่เกิดขึ้น
ประการที่ 3 (ต่อเนื่องจากประการที่2)พระอรหันตสาวก ที่เป็นเอตทัคคะ เช่นพระอานน พระอุบาลี เป็นต้น มีความรู้ความสามารถจดจำพระธรรมคำสอน มีความรู้ความสามารถ จดจำพระวินัยในธรรมที่พระพุทธเจ้าประกาศไว้แล้ว จึงกระทำการรวบรวมพระธรรมคำสอนเป็นบทพยัญชนะ เป็นพระไตรปิฎกเป็นครั้งแรกของโลก
แล้วถ้าถามว่า ท่านพระมหากัสสปะ ไม่ทราบหรือว่าการกระทำรวบรวมพระธรรมคำสอนนี้ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เคยดำริไม่เคยสังการให้ท่านพระมหากัสปะกระทำการเลย
ตอบว่าท่านมหากัสสปะทราบดี คุณสมบัติแห่งพระธรรม8ประการนั้นท่านก็ทราบดี คุณสมบัติแห่งพระธรรมที่เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ท่านก็ทราบดี แต่ที่ท่านทำนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยความบริสุทธิ์ใจที่ท่านเองเมื่อถือบวชแล้ว ท่านก็ได้รับฟังพระธรรมคำสอน ปฏิบัติตามธรรมนั้นจนได้อรหัสตผล ได้ผลจริงๆ คนอื่นๆที่เป็นพระอรหันตสาวกของพระพุทธเจ้า พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ พระกัจจายนะ พระสุณีธรรมทินนา หรือใครๆรวมทั้งอรหันต์องค์สุดท้าย คือท่านพระอานนท์ ก็อยู่ที่นี่ได้รับคุณสมบัติแห่งธรรมทุกประการ
แต่ที่ท่านต้องทำเพราะว่าท่านรักด้วยความบริสุทธิ์ใจในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยชีวิตจิตใจของท่านจึงกระทำการรวบรวมอรหันตสาวกเพื่อกระทำการนี้ เพื่อเป็นหลักฐาน เพื่อป้องกัน ป้องปราม บุคคลที่จะกล่าวจาบจ้วง ต่อองค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อพระธรรม ต่อพระภิกษุสงฆ์ ในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเป็นสำคัญ ท่านทราบดี ท่านกระทำการนี้ เพื่อเอาไว้เป็นหลักฐาน
เราดูในเนื้อความแห่งธรรม ที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก 45เล่ม ที่มีในประเทศไทยเรานี้ จำนวนมากเหลือเกิน เนื้อความแห่งธรรมนับไม่ถ้วน น้ำหนักของพยัญชนะนั้นมาก วัตถุที่นำมาเพื่อจารึกนั้นมีน้ำหนักมาก มากจริงๆท่านทำด้วยความอุตสาหะ แต่ท่านทำไว้เพื่อเป็นหลักฐาน ป้องกัน ป้องปรามผู้ที่จะกล่าวจาบจ้วง ต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อพระธรรม ต่อพระสงฆ์ เป็นสำคัญนี่คือเหตุปัจจัย
นั่นหมายถึงท่านมหากัสสปะและอรหันตสาวกทราบดีว่าการกระทำการรวบรวมคำสอนนี้ท่านไม่ได้มีเหตุผลว่า กระทำการรวบรวมคำสอนนี้แล้วจะมีบุคคลหนึ่งบุคคลใดหรือ อนุชนรุ่นหลังมาเห็นพระธรรมคำสอนนี้แล้ว จะสามารถอ่านพระธรรมคำสอนนี้และรู้ตามธรรมได้โดยง่าย ประพฤติปฏิบัติตามธรรมนี้แล้วจะออกจากวัฏสงสารนี้ได้โดยง่าย
ไม่ใช่เหตุผลหลังนี้ แต่เป็นเหตุผลเบื้องต้น คือ ทำไว้เป็นหลักฐานเป็นสำคัญ
ให้ลองพิจารณาดูว่า เพราะเหตุใดบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดเข้ามาศึกษาพระธรรมคำสอนนี้แล้วจึงไม่รู้จริง ไม่แทงตลอด เป็นมิจฉาทิฏฐิและกล่าวตู่พระธรรมคำสอนในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากการอ่านพระไตยปิฎกอยู่ ก็สืบเนื่องจากคุณสมบัติ 2 ประการนั้น เป็นสำคัญ
และการรวบรวมพระธรรมคำสอนของ ท่านพระมหากัสสปะและอรหันตสาวกนี้ก็เพื่อเอาไว้เป็นหลักฐาน ป้องกัน ป้องปราม บุคคลผู้ที่จะกล่าวจาบจ้วง ต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อพระธรรม ต่อพระสงฆ์ ในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสำคัญ
ไม่ได้รวบรวมเพื่อเป็นตำราเรียน เอาไว้เป็นที่ศึกษาแล้วผู้ศึกษานั้นจะรู้ตามธรรมได้โดยง่าย ปฏิบัติตามธรรมนี้แล้วออกจากวัฏสงสารได้โดยง่าย ไม่ใช่เหตุผลนี้
ธรรมะสวัสดี 🙏
TUI SPACE 🙂❤
โฆษณา