.
จากประวัติศาสตร์แชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015-16 ต่อด้วยถ้วย เอฟเอ คัพ 2020-21 นั่นคือสิ่งที่คุณ วิชัย พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาจริงจังกับการทำทีมฟุตบอล
.
นับตั้งแต่เข้ามาเทกโอเวอร์ เลสเตอร์ ในปี 2011 เขาสร้างจิ้งจอกสยามที่เคยอยู่ท้ายตารางสู่การเป็นสโมสรชั้นนำของประเทศอังกฤษ
.
และโทรฟี่ล่าสุดอย่าง เอฟเอ คัพ ก็ทำสำเร็จด้วยการเอาชนะ เชลซี ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาเคยพูดไว้ว่าวันหนึ่งจะมาสู้ให้ได้
.
เป็นอีกครั้งที่ประวัติศาสตร์ได้ถูกจารึกไว้กับ 137 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร
.
ที่ผมเกริ่นมาคือเรื่องราวของ เซลบี้ และ เลสเตอร์ ที่บังเอิญเหมือนกันในแง่มุมของ 'ความสำเร็จ'
.
ทว่าในความเหมือนของความสำเร็จที่ได้มาคุณต้องอย่าลืมว่ามันคือ 'การต่อสู้กับอุปสรรค' ที่ขวางกั้นอยู่ข้างหน้า
.
เซลบี้ ต่อสู้กับจิตใจตัวเองที่ต้องโดดเดี่ยวตั้งแต่ตนเองยังอายุเพียง 16 ปี แถมพอเข้าสู่เส้นทางอาชีพก็ยังถูกเย้ยหยันว่าฝีมือดาดๆ อีกต่างหาก
.
แต่เขาก็เอาชนะสิ่งเหล่านั้นได้โดยการค่อยๆ พัฒนาตนเองสู่การเป็นนักสนุ๊กเกอร์ที่เก่งที่สุดในโลก ด้วยการโค่นมือพระกาฬทั้ง รอนนี่ โอซัลลิแวน, จั๊ด ทรัมป์, ฌอน เมอร์ฟี่, นีล โรเบิร์ตสัน, ติง จิ้น ฮุย, จอห์น ฮิกกิ้นส์ หรือแม้แต่ เจมส์ วัฒนา (ต๋อง ศิษ์ฉ่อย) ต่างก็ถูก เซลบี้ เอาชนะมาแล้วทั้งสิ้น
.
ขณะที่ 'การต่อสู้' ของประธานสโมสรชาวไทย ของ เลสเตอร์ นั้นก็ต้องเผชิญหน้ากับแรงต่อต้านของแฟนฟุตบอลท้องถิ่นที่ลึกๆ แล้วก็ไม่ได้นิยมชมชอบชนชาวเอเชีย สักเท่าไหร่
.
ไหนจะเรื่องของการที่อยู่ท่ามกลางบรรดายักษ์ใหญ่ของ พรีเมียร์ลีก ไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล, สเปอร์ส และแน่นอน...เชลซี ผู้จุดไฟทะยานอยาก
.
ใครเล่าจะไปคิดว่าลีกที่ได้ชื่อว่า 'แข็งแกร่ง' ที่สุดในโลกของฟุตบอลอย่าง พรีเมียร์ลีก จะมีแชมป์ที่ชื่อว่า เลสเตอร์ สโมสรที่ก่อนหน้านี้มีเพียงถ้วย ลีก คัพ 3 หน เป็นเกียรติประวัติ