17 พ.ค. 2021 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #หาวิธีลับความคม ]
เชื่อกันว่าความปราชัยในเกมนัดชิงเอฟเอคัพของเชลซี อาจทำให้ โธมัส ทูเคิ่ล มองเห็นภาพรวมของขุมกำลังชัดเจนยิ่งขึ้น
นับตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมเราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น หลายอย่างมีการพัฒนารุดหน้า โดยเฉพาะเรื่องของโค้ชชิ่งหรือแท็คติก ไม่น่าเชื่อว่านักเตะแทบไม่ต้องปรับตัวกันเลย
ชัดมากๆคือเรื่องของเกมรับที่เหนียวแน่นมาก เสียประตูยากเหลือเกินทั้งที่ผู้เล่นก็ชุดเดิม ไม่ได้มีการซื้อมาเสริมเลย เพราะตอนกุนซือเยอรมันย้ายมาตลาดสองรอบปิดไปเรียบร้อย ใช้ได้แค่เท่าที่มีอยู่
ผู้เล่นบางคนที่เคยถูกเมินจากยุค แฟร้งค์ แลมพาร์ด เป็นผู้จัดการทีม ถูกจับมาใส่ตะกร้าล้างน้ำ แต่งองค์ทรงเครื่องกันใหม่ จนสวยงามไฉไลกว่าที่คาดไว้
อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ยกระดับกลายเป็นชอยส์แรกๆในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก เช่นเดียวกับ มาร์กอส อลอนโซ่ ซึ่งเหมือนโดนขังลืม แฟนบอลบางคนแทบจำไม่ได้ กลับมาแย่งตัวจริงแบ็กซ้ายอย่างดุเดือด
นอกจากนี้ ติอาโก้ ซิลวา ที่ได้ร่วมงานกับ ทูเคิ่ล เจ้านายเก่าอีกครั้ง เหมือนตอนผนึกกำลังกันที่ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ก็งัดฟอร์มเก่งเหมือนยังพีก ทั้งที่อายุทะลุ 36 ปีเข้าไปแล้ว
จากที่เกมรับเคยมีความหละหลวมเปราะบาง หลายประตูที่เคยเสียฟ้องถึงความบกพร่องมากๆ ก็ได้รับการขันนอตให้แน่นหนา
เอดูอาร์ เมนดี้ เฝ้าเสาด้วยความมั่นใจมากยิ่งขึ้น จนทำสถิติอย่างงดงามทำไปถึง 25 คลีนชีตด้วยกันทุกรายการที่เล่นในฤดูกาลนี้
1
อาจจะมีเสียรังวัดบ้างตอนเจอเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนไล่ถล่มอย่างหมดท่า 5-2 แต่มันคือเรื่องปกติของฟุตบอลที่ย่อมเกิดเหตุคาดไม่ถึงได้เสมอ
ว่ากันว่าความแน่นหนาในแผงหลังเปรียบเสมือนกุญแจดอกสำคัญนำเชลซีแล่นฉิวในยุคของ ทูเคิ่ล ใช้เวลาเพียงแค่ 5 เดือนปะผุโมดิฟายสวยงามกว่าเดิม
ในขณะที่เกมรับแข็งแกร่งยากที่จะปล่อยทะลุทะลวงเข้าไป เกมรุกกลับไม่ได้หวือหวาวูบวาบอย่างที่ควรจะเป็น
เกมรับตั้งแต่ได้ ทูเคิ่ล มาคุมทุกรายการ 27 นัดเสียไปเพียง 13 ประตู เฉลี่ยแล้ว 2 นัดโดนไปแค่ 1 ตุงเท่านั้นเอง ถือว่าแกร่งจริง
พอกลับไปดูเกมรุกแล้วก็น่ากังวลเช่นเดียวกัน ยิงไปได้ 34 ประตู เฉลี่ยแล้ว 1.25 ประตูต่อเกม สำหรับบิ๊กทีมต้องบอกเลยว่าน้อยเกินไป อย่างน้อยต้องเกิน 1.5 ด้วยกัน
พลังรุกกลายเป็นจุดอ่อนของเชลซีในปัจจุบัน ตรงนี้ต้องยอมรับเลยว่า แลมพาร์ด ทำได้มีประสิทธิภาพกว่า ดุดัน เด็ดขาด หวือหวาในจังหวะจบสกอร์
ทั้งที่กำลังพลขบวนนี้เต็มไปด้วย แข้งตัวรุกชั้นดีไม่น้อย เมสัน เมาท์ , ไค ฮาแวร์ทซ์ , ฮาคีม ซิเย็ค , ติโม แวร์เนอร์ , คาลั่ม ฮัดสัน โอดอย และ คริสเตียน พูลิซิช ซึ่งแต่ละคนไม่ใช่เป็นกองหน้าตัวเป้าหรือตำแหน่งเบอร์ 9 แบบธรรมชาติเลย
แวร์เนอร์ ถนัดเล่นในแบบกึ่งริมเส้นมากกว่า เหมือนช่วงค้าแข้งกับแอร์เบ ไลป์ซิก นั่นหมายถึงเหลือเพียงแค่ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ และ แทมมี่ อับราฮัม ที่ประจำการในกรอบเขตโทษ
แต่มันแปลกตรงที่ทั้งคู่ไม่ใช่แข้งหลักของ ทูเคิ่ล แทบไม่ได้รับโอกาสให้ลงตัวจริงเลย รอโอกาสข้างสนามจนกว่าต้องการประตูนั่นแหล่ะ ถึงจะถูกใช้งาน
จะบอกว่า ทูเคิ่ล ชอบแท็คติกแบบ False 9 ก็ไม่เชิงซะเลยทีเดียว ตอนทำดอร์ทมุนด์หรือปารีส แซงต์ แชร์กแมงก็ไม่ใช่สไตล์นี้เลย
อาจเป็นไปได้ว่า ชิรูด์ และ แทมมี่ ยังไม่ใช่กองหน้าเบอร์ 9 อย่างที่ต้องการ ไม่ตรงสเป็คเลย นั่นหมายความว่าจะต้องหาคนที่ใช่มาเสริม
ไม่ผิดนักหากเราจะบอกว่า ทูเคิ่ล ยังไม่มีทีมที่ตัวเองต้องการเลย ต้องรอจนกว่าตลาดซัมเมอร์จะมาถึงค่อยขยับขยายดึงผู้เล่นต้องการเข้ามา
ประเด็นน่าสนใจยังอยู่ที่ความสำเร็จของเชลซีในซีซั่นนี้อีกต่างหาก เพราะจากที่คิดว่าจะไปได้สวยงาม แต่เกิดความไม่แน่นอนขึ้นแล้ว
เราลองนึกภาพตามว่า การขับเคี่ยวในพรีเมียร์ลีก เชลซีไม่อาจจบท็อปโฟร์ได้จริง เพราะตามสถานการณ์แล้วน่าจะเสียเปรียบเลสเตอร์และลิเวอร์พูลไม่น้อย
แล้วเกมนัดชิงดำยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในวันที่ 29 เกิดพลาดท่าโดนแมนฯซิตี้ทุบขึ้นมา นั่นหมายถึงล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
ชิงสองถ้วยพ่ายเรียบวุธ แถมหลุดจากท็อปโฟร์อีก มันคงเป็นความรู้สึกที่หดหู่และน่าผิดหวังมากสำรับแฟนบอลเชลซี
แต่ไม่ว่าสถานการณ์จะออกมาแบบไหน การใช้งบประมาณเพื่อเติมกำลังในแดนหน้าคือโจทย์สำคัญอยู่ดี
เป็นที่รับรู้กันดีว่า โรมัน อบราโมวิช เป็นเศรษฐีบ้าเลือดและกระหายความสำเร็จอย่างมาก ต้องการทำทุกอย่างเพื่อให้เชลซีเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่
ทุกวันนี้พัฒนาจนกลายเป็นทีมหัวแถวของยุโรปไปแล้ว แต่โทรฟี่ต้องมีอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่มาแล้วก็หายอีก คือทำอย่างไรให้ยืนหยัดรักษามาตรฐานนานที่สุด
เขากล้าควักเงินส่วนตัวมาสนับสนุนทีมมหาศาล นับตั้งแต่เข้ามาเทคโอเวอร์ในปี 2003 หลักๆแล้วเน้นไปที่การลงทุนซื้อผู้เล่นมาร่วม
หากเปิดบัญชีใช้จ่ายดูจะรู้ว่าเชลซีเป็นหนี้ แต่หนี้ดังกล่าวติดค้าง อบราโมวิช ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วแทบไม่มีผลอะไรเลย
หลังจากไม่ได้ใช้งบตรงนี้เลยมา 2 ตลาดด้วยกัน ทำให้เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว อบราโมวิช เลยอัดฉีดเงินก้อนใหญ่มาให้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ
ไค ฮาแวร์ทซ์ , ติโม แวร์เนอร์ , เอดูอาร์ เมนดี้ , เบน ชิลเวลล์ และ ฮาคีม ซีเย็ค ซึ่งเซ็นล่วงหน้ามา รวมมูลค่าทั้งหมดเหยียบ 250 ล้านปอนด์
ในช่วงที่ไวรัสระบาดหนัก หลายสโมสรสะบักสะบอมงอมกันถ้วนหน้า เงินรายได้หดหายไปตามสถานการณ์ที่ห้ามแฟนบอลเข้าสนาม สภาพความคล่องแทบไม่เหลือ
แต่สำหรับเชลซีแทบไม่กระทบ เรียกว่าชอปปิ้งเย้ยฟ้าท้าทายกันเลยทีเดียว
ส่วนตลาดฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึงในเดือนมิถุนายน ตำแหน่งศูนย์หน้าถูกคาดหมายว่าจะมีบิ๊กเนมเข้ามาอย่างน้อยอีกราย ท่ามกลางกระแสข่าวโยงกับซูเปอร์สตาร์หลายคน
ไม่ว่าจะเป็น เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ , โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ , แฮร์รี่ เคน , โรเมลู ลูกากู , อันเดร ซิลวา , อันเดรีย เบลล็อตติ และ โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน ล้วนแต่เคยตกเป็นข่าวกอสซิปทั้งสิ้น
หลายคนหวั่นเกรงว่าหากเชลซีได้กองหน้าจอมถล่มประตูอย่าง ฮาแลนด์ มาจริง แล้วในทีมมีตัวรุกปั้นเกมรายล้อมอย่างที่เห็น เชื่อได้เลยว่าคงระเบิดตาข่ายกระจุยอย่างไม่ต้องสงสัย
จะเป็นการใช้จ่ายอีกรอบอย่างเต็มสูบของ อบราโมวิช เพื่อดึงเชลซีกลับมาให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะในพรีเมียร์ลีก เพราะรู้ดีว่าคู่แข่งล้วนแข็งแกร่งทั้งสิ้น
อบราโมวิช นี่มีนิสัยคือหากกำลังลุ้นสนุกแล้ว พร้อมจ่ายไม่อั้น ขอให้ผลงานเป็นไปตามเป้าที่วางไว้พอ ไม่ต้องพูดมากให้เสียเวลา
แต่หากทุ่มทุนให้มหาศาลแล้วยังล้มเหลวอีก คงไม่ต้องบอกว่าอนาคต ทูเคิ่ล จะเป็นอย่างไร ต่อให้ทำทีมดีมีทรงก็ตาม
ฤดูกาลหน้าเชลซีจะยังคงสร้างแรงกระเพื่อมได้หนักหน่วงอีกเช่นเคยแน่นอน
#UCLfinal2021
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา