18 พ.ค. 2021 เวลา 03:30 • ธุรกิจ
เรื่องราวของเธอ ที่สร้างธุรกิจกระจก ให้เป็นสตาร์ตอัป 1.5 หมื่นล้าน ใน 2 ปี
1
บริษัทมูลค่า 1.5 หมื่นล้าน ใหญ่แค่ไหน ?
ถ้าเทียบในไทยก็อาจจะประมาณสายการบิน Bangkok Airways
หรือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ อย่างแสนสิริ
แน่นอนว่า กว่าจะสร้างธุรกิจให้เติบโตขนาดนี้ คงใช้เวลาและจำนวนคนไม่น้อย
1
แต่รู้หรือไม่คะ ว่าคุณ Brynn Putnam ใช้เวลาเพียง 2 ปีเท่านั้น ในการสร้างสตาร์ตอัปของตัวเอง
ทั้ง ๆ ที่เธอก็เขียนโคดไม่เป็น และยังเป็นผู้ก่อตั้งเพียงคนเดียวของบริษัท
5
คุณ Brynn Putnam มีวิธีการสร้างธุรกิจอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ชีวิตวัยเด็กของคุณ Brynn Putnam ไม่ได้บ่งบอกว่า เธอจะเติบโตขึ้นมาเป็นนักธุรกิจแต่อย่างใด
1
แต่ด้วยวัยเพียง 3 ขวบ เธอกลับฉายแววการเป็นนักเต้น
ด้วยการขึ้นไปร่วมแสดงกับวงดนตรี ในงานเลี้ยงของครอบครัว
3
พออายุได้ 7 ขวบ คุณ Brynn Putnam ก็ได้เข้าโรงเรียนสอนบัลเลต์
และขึ้นแสดงกับ New York City Ballet
1
จนกระทั่งคุณ Brynn Putnam อายุได้ 16 ปี เธอก็สมัครเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
เนื่องจากคุณพ่อแนะนำว่าเธอควรจะมีทักษะอื่นติดตัวด้วย อย่างเช่น ทักษะด้านภาษา
ทำให้เธอตัดสินใจเรียน สาขาวิชาวรรณกรรมและวัฒนธรรมรัสเซีย
ซึ่งใครจะรู้ว่า การตัดสินใจครั้งนี้ จะสร้างจุดพลิกผัน ให้กับชีวิตของเธอไปตลอดกาล..
หลังจากเรียนจบ คุณ Brynn Putnam กลับมาเป็นนักเต้นบัลเลต์อย่างเต็มตัวอีกครั้ง
แต่เมื่อเวลาผ่านไป เธอก็ตัดสินใจเกษียณตัวเอง และมาเริ่มต้นทำธุรกิจ
2
ตอนนั้นธุรกิจสตูดิโอออกกำลังกายขนาดเล็กกำลังเติบโตอย่างมาก
ซึ่งคุณ Brynn Putnam มองว่า จากความสามารถของเธอ ก็น่าจะเหมาะกับธุรกิจนี้
1
โดยคุณ Brynn Putnam มีเงินเก็บประมาณ 500,000 บาท สะสมมาจากตอนที่เป็นนักเต้น
และด้วยเงินทุนที่จำกัดนี้ ทำให้เธอต้องลงแรงตกแต่งสตูดิโอด้วยตัวเอง
รวมถึงยังต้องยอมใช้สถานที่ ซึ่งไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ดีนัก เพื่อให้ได้ค่าเช่าในราคาไม่แพง
ซึ่งระหว่างที่หาสถานที่ลักษณะนี้ เธอก็บังเอิญเดินผ่านโบสถ์รัสเซีย
ทำให้เธอตัดสินใจใช้ทักษะภาษาที่เรียนมา เจรจาเพื่อขอเช่าที่จนสำเร็จ
1
ในปี 2010 สตูดิโอออกกำลังกายชื่อ Refine Method ก็เปิดให้บริการ
แม้ Refine Method จะมีความแปลกตรงที่
ทุก ๆ วันเสาร์ สตูดิโอจะต้องคืนที่ให้เพื่อเตรียมพิธีของโบสถ์ในวันอาทิตย์
และทุก ๆ วันอาทิตย์ก็ต้องจัดสถานที่ใหม่ เพื่อกลับมาเปิดให้บริการยิมอีกรอบ
3
แต่สตูดิโอแห่งนี้ กลับได้เสียงตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
เริ่มจากคน 4-5 คน ก่อนจะบอกกันแบบปากต่อปาก จนสามารถขยายไปได้ 3 สาขา
โดยที่คุณ Brynn Putnam ไม่ได้เสียเงินโฆษณาเลยสักบาทเดียว
2
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นการเติบโตของ Refine Method ก็เริ่มมาถึงทางตัน
คุณ Brynn Putnam พบว่า ไม่ว่าจำนวนสมาชิกจะเยอะขึ้นแค่ไหน
เวลาคนที่มาออกกำลังกายกลับเป็นเวลาเดียว ก็คือตอนเลิกงาน ส่วนเวลาอื่นกลับแทบไม่มีผู้คน
ประกอบกับช่วงนั้นคุณ Brynn Putnam กำลังจะได้เป็นแม่คน
ทำให้เธอต้องเผชิญกับอาการแพ้ท้อง จะเดินทางไปไหนก็ไม่สะดวก ไม่อยากไปยิม
จึงคิดอยากจะหันมาออกกำลังกายที่บ้านแทน
แต่ปัญหาของเธอก็คล้ายกับคนนิวยอร์กทั่วไป คือ บ้านไม่ได้ใหญ่มาก
จะให้นำอุปกรณ์ออกกำลังกายใหญ่ ๆ มาตั้ง ก็เกะกะพื้นที่
ส่วนจะให้อาศัยแค่จอโทรศัพท์หรือโน้ตบุ๊กเล็ก ๆ เพื่อดูคลิปสอนออกกำลังกาย ก็ไม่สะดวก
คุณ Brynn Putnam จึงพยายามคิดหาว่า
อุปกรณ์ออกกำลังกายที่เหมาะจะไปตั้งอยู่ที่บ้านควรจะเป็นอะไรดี
1
เธอเริ่มจากการสำรวจความคิดเห็นจากสมาชิกของ Refine Method
ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดในการมาออกกำลังกายที่นี่ ซึ่งคำตอบกลับออกมาเป็น “การติดตั้งกระจก”
เพราะทำให้ผู้ออกกำลังกายเห็นภาพสะท้อนของตัวเอง และช่วยกระตุ้นให้ออกกำลังกายให้หนักขึ้น
4
คุณ Brynn Putnam จึงรวมไอเดียทั้งหมดที่ได้ มาประกอบเข้าด้วยกันในทันที
และก็ได้ออกมาเป็น “กระจก” ที่ถ่ายทอดการสอนออกกำลังกาย แบบอินเทอร์แอ็กทีฟ นั่นเอง
1
หลังจากนั้น เธอก็เริ่มลงมือทำโพรโตไทป์สินค้า จากของเพียง 3 อย่าง
2
- กระจกวันเวย์ ซึ่งคล้าย ๆ กับฟิล์มกระจกรถยนต์ ที่มองทะลุได้จากด้านเดียว
- Raspberry Pi หรือ เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วราคาถูก ที่มักนำมาใช้กับงานประดิษฐ์
- แท็บเล็ตราคาถูก ที่สั่งซื้อมาจาก Amazon.com
1
และอาศัยการช่วยเหลือของสามี ในการประกอบทุกอย่างเข้าด้วยกัน
โดยใช้พื้นที่ห้องครัว เป็นสถานที่ในการทำงานเหล่านี้
หลังจากนั้นคุณ Brynn Putnam ก็เริ่มเดินสายไปพิตช์โปรเจกต์กับนักลงทุน
ซึ่งการที่เธอเป็นผู้ก่อตั้งผู้หญิงตัวคนเดียว ที่ไม่มีความรู้ด้านเทคนิคเลย
แถมยังต้องมาพรีเซนต์งาน ทั้ง ๆ ที่ยังตั้งครรภ์ 7 เดือน ก็ทำให้เธอกังวลมิใช่น้อย
นอกจากนั้น ก็มีอีกหลายเสียงที่บอกให้เธอรอคลอด
และไปหาพาร์ตเนอร์ผู้ชายที่มีความรู้ด้านเทคนิคมาช่วย น่าจะช่วยให้ระดมเงินได้ง่ายกว่า
อย่างไรก็ตาม คุณ Brynn Putnam กลับมีความมั่นใจว่า
เธอกำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง และตอบโจทย์ลูกค้า
เธอจึงไม่อยากเสียเวลารอ แม้จะอีกเพียงนิดเดียว
2
และแล้วในตอนที่เธอกำลังนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงโรงพยาบาล หลังจากเพิ่งคลอดลูกคนแรก
คุณ Brynn Putnam ก็ได้รับโทรศัพท์ ที่บอกว่าจะร่วมลงเงินในธุรกิจของเธอ 90 ล้านบาท
2
ซึ่งนี่ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะเธอใช้เวลาปลุกปั้นผลิตภัณฑ์นานถึง 2 ปี
กว่าจะสามารถเปิดตัว Mirror กระจกอัจฉริยะได้สำเร็จ ในเดือนกันยายน ปี 2018
1
Mirror หน้าตาเหมือนกระจกเงา และสามารถใช้งานได้เหมือนกับกระจกทั่วไป
จนกระทั่งเรากดเปิดเครื่อง หน้าจอก็จะปรากฏภาพครูสอนออกกำลังกาย
2
และด้วยคุณสมบัติของการเป็นกระจก เราจึงเห็นภาพสะท้อนของตัวเราขณะออกกำลังกายด้วย
โดยที่มีตัวติดตามและวัดผลต่าง ๆ อยู่ที่มุมจอ เพื่อช่วยให้เราสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
1
อย่างไรก็ตาม ราคาของกระจกบานนี้ก็ถือว่าค่อนข้างสูง
โดยคิดเป็นเงินไทยประมาณ 47,000 บาท และมีค่าสมาชิกอีกเดือนละ 1,200 บาท
แล้วคุณ Brynn Putnam ทำอย่างไรให้ขายสินค้าได้ ?
ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นถ้าพูดถึงธุรกิจคล้าย ๆ กัน อย่าง Peloton จักรยานและลู่วิ่ง ที่สามารถสตรีมคลาสออกกำลังกาย ก็เปิดตัวมาก่อนและครองตลาดมาได้ 5 ปีแล้ว
1
คุณ Brynn Putnam บอกว่า การจะทำให้คนยอมจ่ายเงินกับสินค้าที่ไม่รู้จัก ต้องอาศัยการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่ และสร้างสตอรีของแบรนด์มาช่วย
4
โชคดีที่ลูกค้ากลุ่มแรก ๆ ของ Mirror เป็นเหล่าคนดัง ที่ช่วยทำให้สินค้าเป็นไวรัลในชั่วข้ามคืน
ไม่ว่าจะเป็น Alicia Keys หรือ Ellen Degeneres และตามมาด้วยเซเลบริตีคนอื่น
2
หลังจากนั้นคุณ Brynn Putnam ก็เลือกที่จะเช่าป้ายโฆษณาขนาดใหญ่
เพราะเธอมองว่าด้วยราคาสินค้าขนาดนี้ การอาศัยหน้าจอเล็ก ๆ
อย่างการโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดีย แบบที่สตาร์ตอัปทั่วไปใช้กัน
คงไม่สามารถทำให้คนตัดสินใจ และยอมควักกระเป๋าจ่ายได้
2
ซึ่งถ้าจะถามว่ากลยุทธ์ของคุณ Brynn Putnam ประสบความสำเร็จแค่ไหน
เราคงดูได้จากการเติบโตของ Mirror
 
ปี 2019 ยอดขาย 1,400 ล้านบาท
ปี 2020 ยอดขาย 4,700 ล้านบาท
ด้วยผลลัพธ์ที่ดีเกินคาด จึงทำให้ Mirror ไปเข้าตาบริษัทชุดออกกำลังกาย Lululemon
และถูกซื้อไปด้วยมูลค่ามากถึง 15,630 ล้านบาท ในช่วงปลายปี 2020
1
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน คุณ Brynn Putnam ก็ยังเดินหน้าพัฒนา Mirror ต่อไป
โดยเธอตั้งเป้าอยากให้ Mirror กลายเป็นหน้าจอที่ 3 ที่คนขาดไม่ได้
2
หน้าจอที่ 1 คือ จอขนาดเล็กของโทรศัพท์ ที่แสดงข้อมูลและพกพาไปไหนก็ได้
หน้าจอที่ 2 คือ โทรทัศน์ ที่มีไว้สำหรับ รับเนื้อหาและข่าวสารเพียงด้านเดียว
1
และหน้าจอที่ 3 คือ Mirror ซึ่งจะไม่ได้เป็นเพียงแค่อุปกรณ์ฟิตเนส
แต่อาจจะรองรับระบบแบบอินเทอร์แอ็กทีฟอื่น เช่น การรักษาทางไกล หรือการช็อปปิงเสื้อผ้า
2
พูดง่าย ๆ ก็คงเป็นเหมือนกระจกวิเศษในเรื่องสโนว์ไวท์
เพียงแต่กระจกบานนี้ไม่ได้บอกว่าใครสวยที่สุด
แต่บอกว่าเราจะมีรูปร่างดีได้อย่างไร..
1
โฆษณา