แต่หากใครไม่ได้เรื่องเยอะอย่างผู้เขียนแล้วหนำซ้ำยังต้องการเสพความสุดยอดทางการบรรเลงดนตรีในสไตล์ Progressive Metal แบบที่แฟนๆ DT ขาประจำคุ้นเคยกันดีและยังได้ไลน์กลองจากบรมครูของป๋า Portnoy อีก ขอบอกว่าคุณมาถูกทางแล้วครับ เพราะลำพังแค่อินโทรแรกจาก Hypersonic นี่ก็ชั้นเชิง ทีมเวิร์ค รายละเอียด ขนมาใส่ไล่จี้กันยุ่บยั่บ สัดส่วนทางดนตรีเอนไปทางเมทัลซับซ้อน มีเมโลดี้สวยๆจากคีย์บอร์ดตีคู่กับภาคริธึ่มสุดอลหม่าน, Beating The Odds ลดทอนความวุ่นวาย ขายเมโลดี้กีตาร์สวยๆได้หลายลูก เน้นการเรียบเรียงที่ไหลลื่น, Liquid Evolution ดำดิ่งกับความเบาสบาย ใช้ไลน์เบสของ Tony เป็นตัวดำเนินเรื่องอยู่พื้นหลัง ก่อนจะปล่อยให้ John โชว์โซโล่กีตาร์หวานหยด
The Passage Of Time แน่นตึ้บทุกชิ้น เด่นที่เทคนิค Unison (เทคนิคการเล่นทุกเครื่องดนตรีให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว), Chris & Kevin’s Amazing Odyssey เน้นการสร้างซาวด์หลอนๆ แปลกใหม่ ที่ดูจะหนักไปทางงานทดลองอะไรใหม่ๆมากกว่า, Rhapsody In Blue งานฟิวชั่นมหากาพย์หลากหลายลีลาระดับเดียวอย่างที่พวกเขาเคยทำเอาไว้กับ Octavarium (2005), Shades Of Hope บัลลาดเปียโนคลอด้วยลีดกีตาร์หวานบาดจิตมีจริตติดป๊อปได้อย่างไม่อาย, Key To The Imagination ขายริฟฟ์กีตาร์เชิงสูงอันหนักหน่วง ตัดสลับกับความล่องลอยเป็นระยะ เล่นกับการถ่ายน้ำหนักไปมาเป็นหลัก
เริ่มแผ่นที่สองด้วย Blink Of An Eye ขายบรรยากาศโดยที่ใช้ความพริ้วของเปียโน และ กีตาร์เป็นแกนหลักในการไต่อารมณ์ไปสู่จุดพีคในช่วงท้าย, View From The Mountaintop ไลน์เบสเดินแบบแจ๊ซฟังสบาย ผ่อนคลายด้วยคีย์บอร์ดนุ่มๆรองอยู่ด้านหลัง, Your Bread Is Good จังหวะกลางๆจงใจดันให้กีตาร์เป็นพระเอก แต่ด้วยความยาวกว่าสิบนาทีทำให้โทนรวมดูเนือยๆกว่าเพลงอื่นแบบเห็นได้ชัดไปหน่อย ถึงแม้จะมีช่วงให้โชว์ของกันครบก็ตาม, Ya Mon แทรกจังหวะเร็กเก้นิ่มๆมาไว้ในบีทหลักได้อย่างน่าฉงน ก่อนจะให้ Portnoy เป็นคนคอยนำเพื่อนๆเปลี่ยนมูฟเมนท์ ซึ่งก็ตอบสนองกันได้ดีในทุกส่วน ได้โชว์ของกันเต็มเหนี่ยวกันทุกคน ไม่มีใครขโมยซีนเกินหน้ากัน