30 พ.ค. 2021 เวลา 09:37 • ท่องเที่ยว
เที่ยวพม่า … เสมือนว่าจะแสวงบุญ
รูปถ่ายเก่าๆ พาเราเดินทางอีกครั้ง
มิถุนายน 2564 .. โควิด 19 ยังทำให้โลกเปลี่ยนไปต่อเนื่อง สถานการณ์การระบาดและภาวะวิกฤติในการติดเชื้ออย่างกว้างขวางไปในทุกพื้นที่ของประเทศ ทำให้ฉันต้องอยู่บ้านติดต่อกันมานานเป็นช่วงยาวๆระยะหนึ่งแล้ว กิจกรรมที่ทำเป็นประจำวานๆกันไป มีตั้งแต่ทำอาหาร ทำสวน เขียนบทความ อัพเดทความเป็นไปในโลกโซเชียลบ้าง
One fine day when the birds were singing their sweet melodies and the sun was up brightly in the sky … ฉันมองดูภาพถ่ายเก่าๆ ภาพแล้ว ภาพเล่า จากการเดินทางที่ผ่านๆมา
... ทุกๆภาพที่ผ่านเข้ามาในสายตา นำมาซึ่งความทรงจำแสนสวยที่ฉันอยากจะกลั่นกรองออกมาเป็นถ้อยคำ เล่าให้ผู้คนได้ฟัง และร่วมเดินทางกลับไปยังดินแดนแห่งหนึ่ง ที่ซึ่งเคยรุ่งเรืองเหมือนแผ่นดินทอง และมีประวัติศาสตร์ รากเหง้าที่น่าสนใจ
ตามมาฟังฉันเล่าเรื่องของพม่า ผ่านสายตาคนแรมทางเมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว .. ในช่วงเวลาที่ประเทศนี้ยังห่างไกลจากการถาโถมเข้ามาของ “ความเจริญ” ดังเช่นปัจจุบัน
เที่ยวพม่า … เสมือนว่าจะแสวงบุญ
ฉันเชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่รู้จัก “พม่า” ผ่านการเรียนประวัติศาสตร์ เรารู้เพียงว่าคนไทยเสียกรุงศรีอยุธยาให้กับพม่าถึง 2 ครั้ง … พม่าเผากรุงศรีอยุธยาจนเสียหายยับเยิน ลอกเอาทองคำที่หุ้มอยู่บนองค์พระพุทธรูปกลับไปเมืองพม่าพร้อมผู้คนส่วนหนึ่ง (เรื่องทำนองเดียวกัน ที่คนเขมรพูดว่าคนไทยเผาเมืองเขมร แล้วขนเอา ทองคำ เพชรนิลจินดากลับมาเมืองไทย … เรื่องที่ต้องจำใจฟังช่วงที่ไปเยือนเมืองพระนคร)
บางคนอาจจะเพียงเคยอ่านนิยายที่หลายคนบอกว่าอิงมาจากประวัติศาสตร์พม่าเพียง 8 บรรทัด ที่ “ยาขอบ” นำมาสอดใส่จินตนาการจนเป็นเรื่องราวในราชสำนักหงสาวดี ในนิยายโด่งดังสร้างชื่อให้ผู้เขียนเรื่อง “ผู้ชนะสิบทิศ” ที่บล็อกเกอร์บางท่านเคยเขียนถึง ตะละแม่จันทรา ตะละแม่กุสุมา … รวมถึงเพลงที่มีส่วนหนึ่งร้องว่า
“.. ฟ้าลุ่มอิระวดีคืนนี้มีแต่ดาว” ที่ฉันฟังแล้วได้อารมณ์เหงายามเมื่อได้ยืนอยู่ริมฝั่งเอยาวดีที่ไม่มีดาวเหมือนเพลง
หลายคนอาจจะจำผ่านภาพเขียน เช่นที่จังหวัดอยุธยา .. ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่พระวิหาร วัดสุวรรณดราราม จะมีภาพเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ตอนที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ถูกเชิญตัวไปอยู่ที่เมืองพม่า กึ่งๆเชลยหรือตัวประกันไม่ให้ไทยกระด้างกระเดื่อง จนสุดท้ายพระองค์ได้ทรงหลั่งทักษิโณทกประกาศอิสรภาพจากการเป็นเมืองขึ้นของพม่า และใช้ชีวิตส่วนใหญ่ของพระองค์ทำศึกสงคราม
ฉันเคยอ่านประวัติศาสตร์ของไทยกับพม่ามาบ้าง นึกสงสัยว่า ทำไมพม่าจึงมีแสนยานุภาพที่เข้มแข็งจนไทยต้องเสียกรุงถึง 2 ครั้ง และไทยไม่เคยรบชนะพม่า … วันหนึ่งเมื่อกลางปีที่แล้ว ฉันจึงตัดสินใจว่าจะออกเดินทางไปเยือนพม่า
“จะไปดูว่า ทองคำแผ่นไหนของไทยอยู่บนเจดีย์ชเวดากองเหรอ?” เพื่อนฉันกระเซ้ากับความคิดนี้
“ไปกับทัวร์ซิ จะได้ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวล และระวังตัวมากมายกับการเดินทาง” คนรู้จักหลายคนให้ข้อเสนอแนะ ด้วยความห่วงใย เพราะชื่อเสียงด้านความไม่สะดวกสบายในการเดินทางในพม่ามีให้ได้ยินอยู่บ่อยๆ
“ระวังมากๆเวลาแลกเงินนะ อย่าให้แขกจับเงินเด็ดขาดเวลาแลก คราวก่อนเพื่อนไป เห็นว่าให้เรตดีกว่าที่โรงแรมเล็กน้อย เลยแลกมา ปรากฏว่าเงินหายไปตั้งเยอะแน่ะ” ผู้มีประสบการณ์เตือนด้วยความเป็นห่วง และหวังดีอีกเช่นกัน
“XXX …” เป็นอีกมากมายความห่วงใยจากคนรอบข้าง
ฉันฟังด้วยความขอบคุณ แต่สุดท้ายก็ยังยืนยันที่จะเดินทางไปพม่ากับเพื่อนร่วมทางอีกหนึ่งคน ตั้งใจว่าจะใช้เวลาเรียนรู้วิถีชีวิต ความเชื่อ และความเป็นพม่าให้มากที่สุด การเดินทางแบบนักเดินทางแบกเป้ปนเปไปกับชาวบ้านจึงเป็นทางที่เราเลือกในการเดินทาง 2 สัปดาห์ในพม่า
สิ่งที่เราต้องคำนึงมากๆ ด้วยความรอบคอบก็คือช่วงเวลาที่จะเลือกเดินทาง ฉันกับเพื่อนต้องการจะไปเยือน พุกาม (ตามความฝันที่มีมานาน จากการเห็นภาพเจดีย์มากมายเรียงรายอยู่เต็มพื้นที่ราบริมฝั่งแม่น้ำอิรวดี) มัณฑะเลย์ ทะเลสาบอินเล และต้องการจะไปเยือนตลาดชนเผ่าที่จะมีเฉพาะวันเสาร์เท่านั้น จากนั้นก็จะไปไหว้พระที่เจดีย์อินทร์แขวน แล้วจะกลับมาไหว้พระอีกหลายแห่งในนครย่างกุ้ง …
... เราต้องการหลีกเลี่ยงหน้าฝน และอากาศที่ร้อนมากในบางส่วนของพม่า ด้วยวัยที่ไม่ควรจะใช้ร่างกายจนเกินความจำเป็น … แล้วเราก็มากำหนดวันเดินทางในกลางเดือนกุมภาพันธ์ กลับมาต้นเดือนมีนาคม อันเป็นช่วงที่ปลอดฝนและอากาศยังเย็นสบายๆ …เมื่อใกล้วันเดินทาง เราดำเนินการเรื่องขอวีซ่าเข้าประเทศพม่า
หากอยากจะรู้ว่าเส้นทางที่ฉันจะไปคราวนี้กว้างขวางมากน้อยแค่ไหน ลองเอาแผนที่ประเทศพม่ามากาง แล้วมองตรงไปยังส่วนกลางของประเทศหาเมืองย่างกุ้ง หรือ Yagon ให้พบ
... แล้วลองลากเส้นจากย่างกุ้งขึ้นเหนือไปทางตะวันตก พบกับเมืองพุกาม (Bagan) แล้วขึ้นเหนือเฉียงไปทางตะวันตกเพียงสั้นๆจนพบกับเมือง มัณฑะเลย์ (Mandalay) แล้วลากลงไปทางใต้เฉียงไปทางตะวันออกเป็นระยะทางสั้นๆ พบกับทะเลสาบอินเล (Inle Lake) ใต้เมืองตองยี (Taunggyi) แล้วลากลงใต้สู่เมืองพะโค (Bago) จากนั้นก็ลากเส้นตรงสั้นๆกลับมาที่เมทองย่างกุ้งอันเป็นจุดเริ่มต้น
เมื่อครบตามนั้นแล้ว เราก็จะได้รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน รูปร่างคล้ายว่าวปักเป้ามาตัวหนึ่ง … นี่คือเส้นทางเที่ยวพม่า เสมือนว่าจะแสวงบุญ ประหยัดงบ ได้บรรยากาศนักเดินทางแบกเป้ พร้อมข้อมูลประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ที่ถึงจะใช้เวลามากขึ้นกว่าการเดินทางที่สะดวกสบายด้วยการบิน แต่ก็เปียมอรรถรสอย่างไม่ขาดตกบกพร่องจากการสัมผัสตัวตนที่แท้จริงของพม่า ดังเช่นที่ฉันกำลังจำพาท่านไปลำบากลำบนด้วยกันในอีกหลายวันข้างหน้าค่ะ
ฉันตระหนักว่า ร่างกายของหญิงที่อายุมาก ช่างแตกต่างจากผู้หญิงคนเดียวกันนี้ในวัย 20-30 ปีมากจริงๆ การเปลี่ยนแปลงที่ค่อยเป็นค่อยไปจนบางครั้งฉันไม่ได้สังเกต … แม้ว่าจิตใจนั้นยังเปี่ยมพลัง แต่เรี่ยวแรงนั้นกลับถดถอยสวนทาง บ่าจึงแบกรับน้ำหนักของกระเป๋าได้น้อยลง
การเตรียมการเดินทางที่ฉันรู้ว่าต้องลำบากแน่ๆ จึงต้องทำด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้สัมภาระเป็นสิ่งที่เป็นภาระมากจนเกินไป การแบกเป้อาจจะดูว่าง่าย แต่สำหรับคนที่อายุปูนนี้มันไม่ง่ายค่ะ …
ปกติฉันเดินทางด้วยกระเป๋า หรือเป้อย่างน้อย 2 ใบทุกครั้ง ใบแรกใช้ใส่อุปกรณ์ถ่ายภาพ และวีดีโอ ซึ่งประกอบด้วยตัวกล้อง เลนส์ที่แต่ละตัวหนักเอาเรื่อง แท่นชาร์ตแบตเตอรี่ ถ่านสำรอง ปลั๊กไฟที่มีสายยาวๆและช่องเสียบหลายช่อง เผื่อเรื่องของโทรศัพท์ ถ่านแบตเตอรี่ทั้งของกล้องถ่ายรูปและเครื่องถ่ายวีดีโอ และหากเดินทางไปพม่าอย่าลืมพกไฟฉายไปด้วย อย่าลืมว่าระบบไฟฟ้าของทุกเมืองไม่แน่นอน
เป้ใบที่ 2 เป็นเป้ใส่เสื้อผ้าสำหรับสองสัปดาห์ ที่ต้องคัดสรรเฉพาะเสื้อผ้าที่มีน้ำหนักเบาและสามารถม้วนหรือพับไม่กินเนื้อที่ … กางเกงยีนส์ลืมไปได้เลย หนักเกินไป … ต้องมีเสื้อแขนยาวด้วย กันได้ทั้งแดดแรงๆ และความหนาว แล้วอย่าลืมผ้าขาวม้าสารพัดประโยชน์ด้วยล่ะ … ยา ให้ลูกจัดให้ต้องเอาไปทุกอย่าง เผื่อเหลือ เผื่อขาด ระวังเรื่องท้องเสียให้จงหนัก … เครื่องประดับไม่ต้องเอาไป เพราะเมื่อหลายปีที่แล้วฉันต้องวุ่นวายที่สนามบินกับใบสำแดงเครื่องประดับทองที่หายไป กว่าจะเสร็จเรื่องได้แทบถอดใจ … และยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเตรียม … เฮ้อ แค่เตรียมตัวก็เหนื่อยแล้ว ยังไม่ได้ยกเป้ใส่บ่าเลย
ฉันไปเข้าคิวเพื่อเช็คอินที่เคาร์เตอร์ของสายการบินโลว์คอสขาวแดง … มีคนที่รออยู่ในคิวก่อนหน้าฉันราว 7-8 คน แต่ฉันมาก่อนเวลามากพอควร ยังมีเวลาเหลือเฟือ
เวลาผ่านไปเล็กน้อย .. ด้านหน้าสุดมีหญิงคนหนึ่งซึ่งคงเป็นหัวหน้ากรุ๊ปทัวร์ เธอช่วยจัดการให้ลูกทัวร์คนที่อยู่ในแถวเป็นคนแรกมาเข็คอิน .. แล้วมีลูกทัวร์ของเธอคนที่ 2, 3, 4, 5,6, 7, 8, 9, 10 …. ที่เธอจัดการเรียกให้ลัดคิวมาเข็คอินเพียงเพื่อจะได้เสร็จเป็นกรุ๊ป ไม่ไยดีต่อสายตาของชาวต่างชาติที่ได้แต่มองด้วยความพิศวง และที่น่าแปลกใจคือ เจ้าหน้าที่ของสายการบินก็ยินยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ โดยเราไม่ได้ยินว่ามีการพูดเตือนหญิงหัวหน้าทัวร์ไม่ให้ทำเรื่องที่เห็นแก่ตัวและน่าอายเช่นนี้
ฉันตัดสินใจไปพูดกับพนักงานเข็คอินของสายการบินเรื่องนี้ และความรู้สึกในฐานะผู้โดยสารที่ใช้บริการมายาวนาน และบอกเธอว่าเคาร์เตอร์ที่ฉันอยู่ในคิว ไม่ใช่ Group Check in counter รวมถึงบอกเธอว่าฉันจะรายงานเรื่องนี้ … เธอได้แต่พูดว่า ค่ะ ค่ะๆๆๆๆๆๆ (ฉันรายงานเรื่องนี้ไปแล้วทาง Customer’s Satisfaction Survey แต่ยังไม่มีการสนองตอบจากสายการบิน แม้ฉันได้บอกไปแล้วว่ามีรูปถ่าย และยินดีส่งไปให้)
ฉันนำกระเป๋าขึ้นชั่ง … เครื่องชั่งแสดงน้ำหนักรวมที่ 14 กิโลกรัม (ยังไม่รวมเป้ใส่กล้องที่เต็มเพียบและหนักอึ้ง) เอาละหากร่างกายบอกว่าไม่ไหว ฉันคงต้องใช้แรงใจในการเดินทางให้ตลอดรอดฝั่งกลับมาโดยไม่ป่วย
เครื่องบินออกจากสนามบินสุวรรณภูมิค่อนข้างเช้า เมื่อเข้าใกล้สนามบินย่างกุ้ง พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเดินแจกแบบฟอร์มตรวจคนเข้าเมืองของพม่า และฉันเพิ่งจะทราบว่าหากมีเงินทองติดตัวมามากกว่า 2,000 USD จะต้องสำแดงและต้องขอรับใบรับรองก่อนออกจากสนามบิน … ฉันจัดการข้าวกล่องที่ซื้อบนเครื่องบิน ทานน้ำเสร็จกัปตันก็ประกาศว่าจะนำเครื่องลงแล้วค่ะ …
เวลาก่อน 9 โมงเช้าเล็กน้อยเครื่องบินร่อนลงอย่างนิ่มนวลที่สนามบินเมงกะลาของนครย่างกุ้ง ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างของเครื่องบินช่วงที่ร่อนลงจอด เบื้องหน้าคืออาคารขนาดใหญ่พอสมควรในสถาปัตยกรรมแบบพม่าที่มีเครื่องหลังคาเหมือนวัดหรือวังสีเหลืองทองอร่าม
อาคารท่าอากาศยานของย่างกุ้งในวันนี้ดูทันสมัยและโอ่อ่ามากที่เดียว มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบไม่แพ้สนามบินทันสมัยของไทยและประเทศเพื่อนบ้านแถบนี้ บรรยากาศดูอบอุ่นและเป็นมิตรกับผู้เดินทางมาเยือน …
และแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสนามบินที่ฉันจำได้ในการเยือนหลายปีที่แล้ว ฉันผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองอย่างราบรื่น และพบกับเพื่อนที่เดินทางล่วงหน้ามาก่อน … การผจญภัยครั้งใหม่กำลังจะเปิดฉากแล้วค่ะ
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลกกับพี่สุ … รวม link บทความที่เขียนในเพจ ..
***เมืองไทย ไดอารี่ by Supawan
***Supawan’s colorful world
***สถานีอร่อย by Supawan
โฆษณา