Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วันนี้คะ 😁
•
ติดตาม
1 มิ.ย. 2021 เวลา 05:05 • ไลฟ์สไตล์
ในวัยที่.... อีกไม่กีปีก็จะห้าสิบ...
3
วันนี้ของฉันเมื่อ ยี่สิบปีก่อนมันโหดร้ายมาก...
ในความคิดฉัน และในความรู้สึกของตัวเอง....
ที่จริงเคยมีคนบอกว่า คนเหล่านั้นก็คือคนที่รู้จักเรา เห็นสภาพ.. จะว่าแบบนั้นก็ได้ค่ะ 😅..
คนเหล่านั้นบอกว่า... น่าเล่าให้คนอื่นฟังบ้างนะ บอกมาตั้งแต่ยี่สิบปีที่แล้ว...
วันนี้ด้วยการเดินทางของชีวิตที่ผ่านมาครึ่งชีวิต.. คิดว่า อยากแบ่งปันประสบการณ์... เผื่อว่าใครสักคน อาจใช้มันเป็นบทเรียน....แง่คิดในบางมุม ...
คนที่เจอเรื่องที่คล้ายกัน เขาอาจมองเห็นมุมอื่นๆที่แตกต่าง... แต่สำหรับฉัน ฉันเห็นสิ่งนี้...
ไม่ใช่ผู้รู้ เป็นแค่คนเดินทางผ่านชีวิต และแบ่งปันประสบการณ์ที่เส้นทางชีวิตของตัวเองได้พบเจอค่ะ... 😊
วันนี้เป็นวันที่โควิดระลอกที่สามของเมืองไทยผ่านมาได้สองเดือนเต็ม แค่สองเดือนคนป่วยเพิ่มขึ้นร่วมแสนคน คนเสียชีวิตเพิ่มอีกเก้าร้อยคน ในเวลาแค่สองเดือน มากกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา... มากมาย...
1
เชื่อว่าหลายชีวิตลำบาก เศร้า หดหู่และสิ้นหวัง
หลายชีวิตและหลายครอบครัวคงสูญเสียความหวัง ความฝัน และกำลังใจ...
อยากจะเป็นหนึ่งคนที่บอกทุกคนว่า....
อย่าท้อเลยค่ะ... เราเศร้าได้ ผิดหวังได้ เสียใจได้... แต่เราอย่าถอย อย่าหดหู่อยู่นานๆ และที่สำคัญ... อย่าสิ้นหวังกับตัวเอง อย่าท้อ.... เพราะสิ่งเหล่านี้มันทำให้เราตายก่อนตาย พิการก่อนพิการ และถ้าจนก็จะมีแต่จน จนและเจ็บ
คนที่สิ้นหวังหดหู่จะไม่มีทางหาทางออกให้ชีวิตได้...
ทุกข์ยังไงเราก็ต้องทนให้ได้ค่ะ ความอดทนมีค่ามากยิ่วกว่าทรัพย์ทั้งปวง......ถ้าเราทนทุกข์กายทุกข์ใจของเราได้เราก็จะทนอะไรบนโลกได้อีกมากมาย
ยี่สิบปีก่อน ตอนอายุ ยี่สิบห้า อยู่ในวัยที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความหวังและความฝัน ควรเป็นวัยที่ชีวิตเบิกบานร่าเริงที่สุด เป็นช่วงเวลาผจญภัยและค้นหา...
แต่ชีวิตฉันไม่ใช่ ตอนอายุยี่สิบห้า ฉันเคยมีความฝัน ความหวังมีเส้นทางที่เราเคยเลือกไว้และเรามั่นใจว่าทุกอย่างอยู่ในมือเรา... ฉันอาจไม่ใช่คนเก่งที่สุด แต่ฉันเป็นเด็กที่ขยันมีความอดทน ตั้งใจทำงานและทุ่มเท... มีโอกาสเพราะกล้าเข้าไปคว้า แล้วผู้ใหญ่เมตตาเอ็นดู ทางข้างหน้าถูกเราเลือก และเหมือนมีอยู่แล้ว เห็นปลายทาง แค่ฉันออกแรงเดินด้วยตัวเอง...
แต่ความจริงของโลกคือทุกสิ่งล้วนไม่แน่นอน
เราควบคุมบังคับอะไรไม่ได้ และไม่มีสิ่งใดเป็นของเราอย่างแท้จริง แม้ร่างกายของเรา....
ฉันเริ่มได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ตอนอายุ
24 ปลายๆย่าง 25 ปี
ไม่ได้อยากรู้หรอกคะ แต่ชีวิตเลือกสิ่งที่จะเข้ามาไม่ได้ ไม่ว่าดีหรือร้าย เรามีหน้าที่ยอมรับ เรียนรู้ และเข้าใจมัน.... เป็นหมอ ผู้หญิงธรนมดาืเพิ่วเรียนจบได้ปีสองปี กำลังเรียนต่อเฉพาะสาขาที่ตัวเองอยากเรียน... ชีวิตกำลังไปได้ด้วยดี มีความฝัน มีภาระหน้าที่ต้องทำต้องรัยผิดชอย มีความหวังแบบคนหนุ่มสาว วุ่นวายกัยเรื่องเรียน และเรื่องงาน....
... ฉันเริ่มไม่สบายจากการป่วยเนื่องจากการติดเชื้อจากคนไข้ จากการทำงาน.... การรักษาตัวของฉันยุ่งยากกว่าเคสทั่วไป เพราะเป็น VIP syndrome 😆...พวกหมอเวลาป่วยจะไม่ง่าย และมักจะไม่ตรงไปตรงมาแบบเคสปกติทั่วไปค่ะ ... ต้องมีอะไรพิเศษ ...
ฉันก็เป็นแบบนั้น ครั้งแรกที่เริ่มป่วยก็ใช้ยาปกติแบบคนอื่นไม่ได้ ต้องปรับสูตรยา และต้องใช้ยานานกว่าคนทั่วไปมากมาย... ตอนนั้นฉันเองไม่เดือดร้อน คิดและจัดการแบบหมอ... จบ... ไม่มีอะไรซับซ้อน ใช้ชีวิตต่ออย่างปกติ...มันก็แค่นั้นจริงๆค่ะ
หลังจากป่วยด้วยโรคแรกห้าเดือนยังต้องรักษากันอยู่ .... ฉันได้โรคใหม่ที่แม้ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่อาจารย์บางท่านเชื่อว่าอาจจะเชื่อมโยงโรคเดิม แต่คราวนี้หนัก...
ปางตาย...
รอบนี้ฉันมีการอักเสบของเนื้อสมองบางส่วนอย่างรุนแรงและมีสมองบวมมาก ไข้สูงหาสาเหตุไม่ได้อยู่หลายวันติดกัน.... อยู่ๆก็ซึมลง เพื่อนจับไป CT สมอง ก็เจอว่าสมองบวมไปแล้วมากมาย...
ป่วยหนัก....
หนักจน วันที่ทรุด พ่อกับแม่เล่าให้ฟังว่า.. วันนั้นที่พ่อกับแม่คุยกันคือ จะเอาศพลูกสาวไปไว้ที่วัดไหนดี....
ไม่ต้องพูดถึงการรักษาค่ะ เราเป็นหมอ อาจารย์เรารักษาลูกศิษย์เองกับมือ อาจารย์เรา เพื่อนเรา ไม่มีใครยอมให้เราตายง่ายๆแน่ๆ ทุกคนหาทางออก ทุกคนพยายามช่วยเต็มที่....
ในความเจ็บป่วยของฉันจึงมีความโชคดี.... ฉันมีโอกาสอยู่ภายใต้การดูแลรักษาอย่างดีจากเพื่อน และอาจารย์... ฉันมีโอกาสเข้าถึงการรักษาที่ดีที่สุดทุกอย่างเท่าที่คณะแพทย์ผู้ดูแลต้องการ.... ในตอนนั้นไม่มีใครถามฉันหรอกนะว่าฉันต้องการอะไรบ้าง เพราะฉันป่วยจนไม่อาจตัดสินใจอะไรเองได้ในจุดที่อาการแย่ที่สุดในตอนนั้น....
แต่แล้วมันก็ผ่านไปได้...
ฉันโชคดีที่รอดตายอย่างน่าอัศจรรย์ ใช้เวลาแค่ข้ามคืน ข้ามคืนเดียวจริงๆค่ะ ที่อาการพลิกผันจากร้ายกลายเป็นดี... ทุกคนแปลกใจ ส่วนฉันไม่รู้เรื่องอะไร เพราะหลังจากฟื้นแม้จะจำเรื่องราวได้ทั้งหมดเพราะถึงจะนอนซึม หลับตา ไม่พูด แต่ฉันรู้เรื่องและรู้เหตุการณ์ทุกอย่างรอบตัว... ฉันรู้ว่าอาการตัวเองหนัก แต่ไม่รู้หรอกว่ามันหนักเพราะอะไรบ้าง...
และฉันรู้แค่ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ในช่วงเวลาที่อาการแย่ที่สุด ฉันบอกตัวเองว่า... ฉันอาจตายนะ ถ้าตายตอนนี้ ฉันควรคิดถึงอะไร...
ตอนนั้นฉันคิดถึงคนที่ฉันรักที่สุด นั่นก็คือ พ่อ และแม่ ฉันเป็นคนรักงานที่ทำมาก แตากลับไม่มีเรื่องงานให้กังวลแม้แต่น้อย... ไม่มีกังวลเรื่องงาน ฉันเข้าใจเองว่า เพราะฉันทำหน้าที่ทุกอย่าง ด้วยความเป็นหมอ ฉันไม่เคยผิดต่อวิชาชีพของตน ไม่เคยผิดต่อคนไข้ เรื่องงาน ไม่เป็นตัวถ่วงใดๆ
ฉันไม่เคยทำผิดคิดร้ายคนรอบข้าง ทุกฐานะ หมวกทุกใบที่ฉันสวมในครอบครัว ในสังคมมาตลอดยี่สิบกว่าปี ไม่มีใบไหน ทำให้ฉันรู้สึกหนักใจถ้าต้องตาย ในฐานะพี่ ฐานะน้อง ฐานะเพื่อน หรือผู้ร่วมงานหรือลูกหลานของใคร ฉันไม่มีความลำบากใจถ้าต้องตายเพราะบกพร่องต่อหน้าที่กับใคร....
เพราะค่ำคืนที่เกือบตาย ทำให้ฉันเข้าใจว่า คนเราเวลาที่ความตายเข้ามาหาใกล้ๆ ถ้าคิดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นเรียกว่าห่วง.. ชีวิตฉันตอนนั้น มีห่วงแค่พ่อและแม่... ห่วงที่คล้องใจเราไว้ไม่ให้เราอยากปล่อยชีวิตไปกับความตาย
คืนนั้นฉันได้แต่คุยกับตัวเองว่า อย่าห่วงเลย เราไม่ควรตายไปพร้อมกับความห่วงใย หรือกังวลใจ เอาใจเราไปไว้ที่อื่นเถอะ.... เอาไว้ที่ไหนถึงจะทำให้เราไม่ห่วงและสงบ....
พระไง.... ฉันถาม และตอบตัวเอง ตอนนั้นไม่มีใครคุยกับฉันหรอก เค้าเห็นว่าฉันหลับทั้งนั้น...
คิดถึงพุทโธ สิ ฉันบอกตัวเอง ฉันรู้สึกว่าที่ตรงนั้นปลอดภัยสำหรับใจของตัวเองที่คิดว่า ถ้าฉันตาย ใจฉันจะอยู่ที่ไหนดี...
ฉันพยายามดึงใจตัวเองจากพ่อ แม่ มาไว้ที่
พุท โธ.... มันยากมากค่ะ สำหรับใจที่ไม่เคยฝึก มันไม่ชิน มันชอบออกจากพุทโธไปอยู่กับสิ่งที่ห่วงใย... คืนนั้นฉันเพียรยื้อใจตัวเองทั้งคืนจนหลับไป ท่ามกลางความเป็นห่วงของ อาจารย์ รุ่นพี่ และเพื่อนหมอที่ดูแล ฉันเป็นเคสในตำนานให้อาจารย์คิดถึงไปหลายปี ประวัติและฟิล์มของฉันถูกนำเข้าที่ประชุมแพทย์ เพื่อวิพากษ์ วิเคราะห์ ถกเถียง และใช้สอนนักศึกษาแพทย์ และแพทย์ที่มาเรียนต่อ .... ฟิล์มของฉันถูกส่งปรึกษาข้ามมหาวิทยาลัย.... จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครรู้เลยค่ะว่า... มันเกิดจากอะไร.... อาจจะ อาจจะ อาจจะ... นะหมอ... 😅😊
คืนที่แย่ที่สุด ฉันก็หลับไปด้วยความคิดที่ระลึกถึงแค่ พ่อ แม่ และพุทโธ
ฉันตื่นอย่างสดใสเบิกบานเหมือนคนไม่เคยป่วยมาก่อนทั้งๆที่ป่วยมาเกือบสิบวัน ตื่นเช้ามารู้สึกสดชื่น ก็คิดว่าถ้าดีขึ้นจะกลับไปทำงานแล้ว
ไม่อยากนอนรพ.นานๆ ทิ้งงานมาหลายวันอยากไปดูคนไข้... ตอนเช้าเพื่อนมาเยี่ยม อาจารย์มาเยี่ยม..
.... ไหนเค้าบอกว่าเมื่อคืนนี้เธอเกือบตายไง ทำไมดูเหมือนไม่เห็นเป็นอะไรเลย....อาจารย์หิ้วกระเช้ามาทักทาย...
.... เมื่อคืนหนูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอคะอาจารย์ เนี่ยหนูว่าลางานแค่อาทิตย์นี้อีกอาทิตย์เดียวพอ อาทิตย์หน้าหนูกลับไปทำงานนะคะ...
.... พักก่อน ไม่ต้องรีบ หายดีแล้วค่อยไป อาจารย์บอก...
.... เพื่อนมาสะกิด.... แกจะไปดูฟิล์ม MRI สมองแกก่อนไหม ค่อยคิดเรื่องลางาน เดี๋ยวพาแกไปที่ห้องเอ็กซเรย์ ให้อาจารย์อ่านให้...
.... ไปสิ อยากเห็น เราเป็นอะไรเหรอ มันเยอะเลยเหรอ
.... ไม่มีใครรู้ว่าเหตุที่แท้จริงของมันค่ะ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้.... ผ่านมายี่สิบปี... รู้แต่ว่าวันนั้น สมองบวมมาก บวมดันกะโหลกทั้งหัว... มิน่า ปวดหัวหนักมาก ปวดแบบที่ตำราบอกว่า หนึ่งใน svere pain ของคน คือปวดสมองบวมนี่แหละ อาเจียนพุ่งตามตำราเลย... เวลาเราเห็นคนไข้ปวด เรารู้แค่ว่ามันปวดมาก แต่เราจะไม่มีทางเข้าใจความทรมานจากการปวดนั้น... ถ้าเราไม่ได้ปวดเอง...
และที่สำคัญเนื้อสมองและใยประสาทพังไปน่าจะ 1 ใน 4 ของของสมองที่มี....
หลังจากเห็นฟิล์มคือ.... ฉันผ่านจุดนั้นมาได้อย่างไรแค่ข้ามคืน ทำไมไม่ได้ใส่ท่อช่วยหายใจ
เพื่อนบอกเตรียมใส่ท่อช่วยหายใจแกตั้งแต่เย็นแล้ว จองไอซียูให้แกแล้วด้วย เคลียร์เตียงรอ.. ทุกคนพร้อมตามไปดูแลแกต่อในไอซียู เพื่อนไล่พ่อกับแม่กลับ เผื่ออาการแย่ เค้าจะดูแลให้
พ่อแม่กลับไปคุยกันเรื่องจัดงานศพ....
รู้แต่ว่า พอเห็นฟิล์ม.... บอกเพื่อนว่า ฉันน่าจะลางานอีกสักเดือนนะ.... พังยับไปเยอะเลย... เนื้อสมองมันอักเสบรุนแรงมาก.... จากอะไรไม่รู้...
ฉันรอดมาได้ยังไง....
.... ชีวิตยังไม่จบค่ะ ต้องไปต่อ....
https://www.blockdit.com/posts/60b85a112183070c50791180
https://www.blockdit.com/posts/60b91c8c238bb609dea1c2c2
https://www.blockdit.com/posts/60ba4e68ffbb8a0d7a2f2d2f
บันทึก
17
10
7
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
การเดินทางของหัวใจ
17
10
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย