3 มิ.ย. 2021 เวลา 04:00 • ความคิดเห็น
เรื่องฉุดคิด : จงมองแต่สิ่งที่ตนมี ไม่ใช่มองแต่สิ่งที่ตนขาด
2
"หญ้าข้างบ้านสวยงามเสมอ" ประโยคสุดคลาสสิค ที่สื่อถึงการมองแต่สิ่งที่ขาดและไม่เคยกลับมาดูในสิ่งที่มี
มีเรื่องราวหนึ่งอยากจะแชร์ให้กับทุกคนครับ
 
ณ งานบรรยายแห่งหนึ่ง
มันเป็นการบรรยายที่ค่อนข้างแปลกประหลาด เพราะว่าวิทยากรที่มาบรรยายในวันนี้ ไม่ได้บรรยายโดยวิธีการพูด แต่สิ่งที่เธอได้ทำนั้น คือวิธีการเขียน เพื่อบรรยายแทน ผู้มาบรรยายนั้นเป็นหญิงสาว ที่มีดีกรี เรียนจบปริญญาเอก มาจาก University of California Los Angeles ที่สำคัญไปมากกว่านั้น ก็คือ สาเหตุที่ทำให้เธอ ไม่สามารถ พูดเพื่อบรรยายได้ นั่นคือ "เธอเป็นโรคสมองพิการ" ( cerebral palsy) มาตั้งแต่กำเนิดนั่นเอง
แน่นอนว่าการบรรยายแบบนี้ ต้องมีผู้ฟังสักคน ที่อยากจะ "ลองของ" เพราะคิดว่าตัวเองนั้นไม่ควรมานั่งเสียเวลากับวิทยากร ที่มาบรรยายให้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นคนที่ "ไม่ปกติ" แบบเธอ
เขาคนนั้นยกมือถามคำถามกับทางวิทยากร ว่า "คุณมีสภาพแบบนี้มาตั้งแต่เกิด ไม่รู้สึกน้อยใจบ้างหรอ แล้วคุณมองตัวเองอย่างไร??
วินาทีนั้น ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่เธอ เพราะ คำถามที่ถามนั้น ช่างแทงใจแม้กระทั่งคนที่ฟัง บางทีมันอาจจะเกินกว่าที่คนแบบเธอ จะรับไหวก็ได้
ในชั่วขณะที่เหมือนเวลาหยุดหมุนนั้น หากมีใครสักคนมองไปที่สายตาของเธอ ผู้ที่ถูกถามคำถาม จะเห็นได้ว่าแววตาคู่นั้น ไร้ซึ่งความรู้สึก โกรธแค้นใด ๆ แต่มันกลับเป็นความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง ที่มักจะเจอ ในคนที่ผ่านอะไรมามากมายแบบเธอ
เธอค่อยๆ หันกลับไปและเริ่มเขียนคำตอบลงบนกระดานที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ "ฉันมองดูตัวเองอย่างไร"
สิ่งที่ฉันเห็นคือ................
ฉันเป็นคนที่นิสัยน่ารักก
ขาของฉันก็เรียวสวยดี            
ฉันรู้สึกว่าพ่อแม่รักฉันมาก
ฉันคิดว่าพระเจ้าได้ประทานพรบางอย่างแก่ฉัน
อีกทั้ง ฉันยังวาดภาพได้ และแต่งหนังสือได้
อ้อ และฉันยังมีแมวที่น่ารักมาก ๆ ด้วย
2
เธอปิดท้ายด้วยประโยค ที่ว่า “ฉันมองแต่สิ่งที่ฉันมี ไม่ได้มองสิ่งที่ฉันขาด”วินาทีนั้น ความเงียบที่มีอยู่เดิม ถูกทำลายด้วยเสียงตรบมือ ดังสนั่นทั่วทั้งห้อง
การตอบคำถามของเธอ นั้นบอกได้เป็นอย่างดีว่า เพราะอะไร เธอถึงผ่านเรื่องราวต่างๆ จนสามารถเรียนจบปริญญาเอกได้แบบนั้น
“ฉันมองแต่สิ่งที่ฉันมี ไม่ได้มองสิ่งที่ฉันขาด”  แค่ประโยคเดียวกลับบอกอะไรได้หลายอย่าง
หลายต่อหลายครั้งที่เรามักจะมอง แต่สิ่งที่ตนเองไม่มี และพยายามเติมเต็มสิ่งนั้น ในทางกลับกัน กลับละเลยความสำคัญของสิ่งที่มีอยู่
แต่ละคนมีสิ่งที่ดีแตกต่างกันไป ในขณะที่เรากำลังอิจฉาคนอื่น ก็จะมีอีกคนหนึ่ง อิจฉาเราอยู่เสมอ ไม่มีใครหรอก ที่ไม่มีข้อดี
1
ลองกลับมาย้อนดูในสิ่งที่ตนมี และใช้สิ่งนั้นให้เป็นประโยชน์ที่สุดก่อนที่จะไปพยายามเติม(ไม่)เต็ม สิ่งที่ขาดจะดีกว่า
ความสุขที่คิดว่าหาได้ยาก อาจจะหาได้ง่าย แค่เริ่มต้นที่หันกลับมามองตัวเอง 
ขอให้เรื่องราวดีๆ ได้ฉุดความคิดใครบางคนนะครับ
ปล. เธอคนนั้น มีนามว่า  "หวางเหม่ยเลียน" เป็นบุคคลที่มีชีวิตอยู่จริง และเรื่องราวของเธอก็เป็นเรื่องจริง
โฆษณา