3 มิ.ย. 2021 เวลา 10:19 • ความคิดเห็น
สัมภาษณ์หญิงสาวที่หนีมาจากเกาหลีเหนือ
2
Park Yeonmi หรือ พัก ย็อน-มี คือสุภาพสตรีวัย 27 ปีที่หนีจากเกาหลีเหนือเข้ามาเกาหลีใต้ตอนอายุ 14 ปี ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่นิวยอร์คและเขียนเรื่องราวของเธอในหนังสือชื่่อ In Order to Live: A North Korean Girl’s Journey to Freedom ปัจจุบันเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนในบ้านเกิดของเธอ
1
Jordan Peterson เป็นผู้เขียนหนังสือ 12 Rules for Life และ Beyond Order ที่ผมกำลังอ่านอยู่ตอนนี้
นี่คือไฮไลท์บางส่วนของบทสนทนาของทั้งสองในพ็อดแคสต์ของจอร์แดนครับ
จอร์แดน: คุณและครอบครัวต้องใช้ชีวิตอยู่เกาหลีเหนือในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด คือยุคไนน์ตี้ส์หลังจากที่กำแพงเบอร์ลินพังลงมา
ย็อนมี: หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย พวกเขาก็หยุดการสนับสนุนรัฐบาลเกาหลีเหนือ ที่นี่รัฐบาลเป็นคนตัดสินว่าประชาชนแต่ละคนจะได้กินข้าววันละเท่าไหร่ โดยขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นชนชั้นไหน
2
ความย้อนแย้งอย่างที่สุดของเกาหลีเหนือก็คือมันถูกก่อตั้งขึ้นจากแนวคิดแห่งความเสมอภาค การปฏิบัติต่อทุกผู้ทุกนามอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งก็คือแนวคิดของคอมมิวนิสต์ แถมพวกเขายังกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นสวรรค์แห่งสังคมนิยมด้วย (socialist paradise)
1
แต่รัฐบาลกลับแบ่งชาวเกาหลีเหนือเป็นสามชนชั้น และภายใต้สามชนชั้นหลักนั้นก็ยังแบ่งเป็นกลุ่มย่อยๆ อีก 50 ชนชั้น มันเลยกลายเป็นสังคมที่ไม่เท่าเทียมกันอย่างที่สุดในประวัติศาสตร์
1
ฉันเกิดในทางตอนเหนือของประเทศ และในช่วงที่พวกเราประสบทุพภิกขภัยอันเกิดจากน้ำมือของรัฐบาล ประชาชนมากมายในบ้านเกิดของฉันต้องล้มตาย ในขณะที่ข้าราชการในเปียงยางกลับมีอาหารกินอย่างเพียงพอ
ฉันรู้สึกว่าการบริหารประเทศของรัฐบาลในตอนนั้นไม่ต่างอะไรกับหนัง The Hunger Games ที่มีเมือง Capitol เป็นศูนย์กลาง และเมืองอื่นๆ ที่เหลือถูกแบ่งออกเป็น 13 เขตและผู้คนในเขตเหล่านั้นต่างถูกบังคับให้มีชีวิตอยู่อย่างกระเสือกกระสนและดิ้นรนเอาตัวรอดจนพวกเขาไม่มีเวลามานั่งคิดว่าความหมายของชีวิตคืออะไร หรือสิทธิเสรีภาพคืออะไร สิ่งเดียวที่พวกเขาคิดถึงคืออาหารมื้อต่อไปว่าจะหาอะไรมาให้ลูกกินได้รึเปล่า ในขณะที่เหล่าชนชั้นปกครองในเปียงยางกลับมีกินมีใช้และทำทุกอย่างเพื่อรักษาให้ระบอบดำเนินต่อไปได้
1
นี่แหละคือประเทศบ้านเกิดของฉัน ฉันเกิดในปี 1993 และการเห็นศพตามท้องถนนก็เป็นเรื่องปกติ นี่คือประเทศที่ไม่เคยสอนให้เรารู้จักคำว่า “รัก” ไม่มีคำศัพท์สำหรับคำว่า “สิทธิมนุษยชน” “ความมีเกียรติ” หรือ “เสรีภาพ” คนในเกาหลีเหนือจึงไม่เคยรู้ตัวว่ากำลังถูกกดขี่ข่มเหง ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังตกเป็นทาสอยู่
จอร์แดน: การควบคุมข้อมูลนั้นเบ็ดเสร็จเสียจนคุณไม่รู้เลยว่าโลกภายนอกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง และแม้คุณจะรับรู้สิ่งที่เป็นไปในเกาหลีเหนือแต่คุณกลับถูกทำให้เชื่อว่าประเทศอื่นนั้นแย่กว่านั้นมาก
6
ย็อนมี: แม้ว่าตอนนี้จะเป็นศตวรรษที่ 21 แล้ว แต่ชาวเกาหลีเหนือยังไม่รู้ถึงการมีอยู่ของอินเทอร์เน็ต และเราก็ไม่มีแม้กระทั่งไฟฟ้าใช้ ตอนฉันเรียนหนังสือฉันไม่เคยได้เห็นแผนที่โลกด้วยซ้ำ ปีศักราชในปฏิทินเกาหลีเหนือไม่ได้ตั้งต้นจากวันที่พระเยซูประสูติ แต่ตั้งต้นจากปีเกิดของคิม อิล-ซอง (Kim Il-sung ผู้ก่อตั้งเกาหลีหนือ ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อปี 1994)
3
พวกเขาปกปิดข้อมูลทุกอย่าง และประชาชนจะโดนประหารชีวิตหากพยายามเสาะแสวงหาข้อเท็จจริง คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะเดินทางออกนอกประเทศ เกาหลีเหนือจึงเป็นเหมือนหลุมดำทางข้อมูล (black hole of information) เราไม่รู้เลยว่านอกกะลานั้นมีอะไรบ้าง
แต่แน่นอนว่าผู้นำอย่างคิม จ็อง-อิล Kim Jong-il ได้เรียนหนังสือที่สวิตเซอร์แลนด์ แต่ประชาชนส่วนใหญ่กลับไม่เคยได้เห็นแม้กระทั่งแผนที่โลก เราไม่รู้จักแอฟริกา ทวีปอื่นๆ หรือชนชาติอื่นๆ และฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น
3
จอร์แดน: สิ่งที่ค่อนข้างเห็นได้ชัดเจนก็คือความอดอยากยากไร้ ช่วยเล่าให้ผมฟังถึงช่วงที่คุณเป็นเด็กหน่อยว่าอาหารการกินสมัยนั้นเป็นอย่างไร
ย็อนมี: โดยเฉลี่ยแล้วชาวเกาหลีเหนือจะเตี้ยกว่าชาวเกาหลีใต้ประมาณ 7-10 เซนติเมตรเพราะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ฉันเองสูง 157 เซนติเมตรแต่ผู้ชายส่วนใหญ่ในเกาหลีเหนือนั้นตัวเตี้ยกว่าฉัน และถ้าคุณตัวสูงกว่า 147 เซนติเมตรคุณจะต้องเกณฑ์ทหาร ดังนั้นผู้ชายจำนวนไม่น้อยจึงสูงเพียง 147 เซนและหลายคนก็เตี้ยกว่านั้น การขาดสารอาหารนั้นส่งผลกระทบถึงพัฒนาการทางสมองด้วย ถ้าใครอยู่ถึง 60 ปีนี่ถือว่าเป็นคนที่อายุยืนมากแล้ว
1
ตอนอยู่เกาหลีเหนือ ทางเดียวที่ฉันจะได้รับโปรตีนก็คือการกินตั๊กแตน แมลงปอ แมลงต่างๆ เปลือกไม้ ดอกไม้ และนั่นคือวิธีการประทังชีวิตของพวกเรา
1
คนส่วนใหญ่จะเสียชีวิตช่วงฤดูใบไม้ผลิเพราะไม่มีแมลงหรือพืชที่ออกดอกออกผล
จอร์แดน: ฤดูใบไม้ผลิไม่ใช่ช่วงเวลาแห่งความหวังและการเริ่มต้นใหม่ แต่กลับเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดของปี
3
ย็อนมี: ใช่ ฉันจำได้ดีว่าเข้าฤดูนี้ทีไรผิวของฉันจะลอกเพราะขาดวิตามิน ฉันจะมีอาการปวดหัว มันคือฤดูแห่งความตายเพราะผู้คนไม่อาจทนรออยู่ได้ถึงหน้าร้อนที่พืชจะออกดอกออกผล ฉันจำได้ว่าฉันหนีออกนอกประเทศในฤดูนี้แหละ ในเดือนมีนาคม 2007
มีวันหนึ่งที่ฉันปวดท้องมาก และแม่ก็พาฉันไปโรงพยาบาล แต่ในเกาหลีเหนือเราไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีเครื่องเอ็กซ์เรย์ มีแต่นางพยาบาลที่ใช้เข็มฉีดยาเข็มเดิมในการฉีดยาให้กับคนไข้ทุกคนในโรงพยาบาล คนเกาหลีเหนือจึงไม่ได้ตายเพราะมะเร็ง แต่ตายเพราะติดเชื้อและเพราะความหิวโหย
1
ระหว่างทางที่ฉันเดินไปห้องน้ำ มีศพมากมายกองทับกันอยู่ และฉันก็เห็นเด็กๆ วิ่งไล่จับหนูที่กำลังกินดวงตาของศพ แล้วเด็กพวกนี้ก็กินหนูอีกที และพวกเขาก็ตายด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ แล้วหนูก็กลับมากินเด็กพวกนั้น มันจึงเป็นวัฏจักรที่พวกเรากินหนูแล้วก็โดนหนูกินวนเวียนอยู่อย่างนี้เรื่อยไป
3
ขอบคุณเนื้อหาจากเพจ Dr Jordan B Peterson
โฆษณา