7 มิ.ย. 2021 เวลา 05:55
LGBT+ กลุ่มเศรษฐกิจใหม่ สำหรับโอกาสทางธุรกิจ #PrideMonth
ขอต้อนรับ Pride Month เดือนแห่ง LGBT+ ซึ่งต้องบอกเลยว่ากลุ่ม LGBT+ เป็นตลาดที่มีศักยภาพมากๆ สามารถทำเงินและสร้างระบบเศรษฐกิจที่เติบโต สร้างความมั่งคั่งให้กับประเทศหรือบริษัทนั้นๆได้เลย
โดยพงศาวดารของ LGBT+ มาเข้มข้นก็ช่วงปี 90 เนี่ยแหละ ที่ทางสหประชาชาติ (UN) ได้มีการพูดถึงกลุ่ม LGBT+ ในวงประชุมมากขึ้น และในที่สุดได้เอาการรักเพศเดียวกันออกจากสภาวะโรคทางจิต ทำให้ประเทศต่างๆที่เคยถือว่ากลุ่มคน LGBT+ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายนั้นได้ออกมาแก้กฎหมายกันรัวๆ
และถึงแม้ว่าปัจจุบันเราๆอาจจะคิดว่า นี้มันโลกสมัยไหนแล้ว LGBT+ ก็เท่าเทียมแล้วนะ แต่รู้อะไรไหมคะ ว่ามีเพียง28 ประเทศเท่านั้นที่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียม และมี 49ประเทศสามารถส่งLGBT+ เข้าห้องกรงได้เลย และหนักกว่านั้นคือ 15ประเทศมีโทษประหาร LGBT+ เลยทีเดียว(อีผี! พวกBorn to be ไม่โดนลากเข้าคุกตั้งแต่ตอนหัวโปกเลยไหมละ) โดยประเทศที่มีบทลงโทษรุนแรงพวกนี้คือกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกา
2
ซึ่งเอาจริงๆแล้วถ้าพูดถึงเรื่องการเข้าคุกหรือโทษประหารเนี่ย ก็ถือว่าโลกเรามีการปรับตัวได้อย่างรวดเร็วมาก เพราะกลุ่มประเทศที่ถือว่า LGBT+ เป็นอาชกรรมเนี่ย ก็ลดลงอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้จำนวนประเทศก็น้อยกว่าครึ่งไปแล้วทั่วโลก(เก้งกวางเลือกประเทศกันดีดีนะลูก)👍
แต่ถ้าพูดถึงการคุ้มครองสิทธิ์ LGBT+ เพื่อแค่ให้เหมือนกับคนอื่นๆเนี่ย ต้องบอกว่ายังน้อยมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการคุ้มครองตามกฎหมาย การคุ้มครองในที่ทำงาน การแต่งงาน หรือกับรับบุตรบุญธรรม รวมๆแล้วกว่า80%ทั่วโลกยังไม่มีการคุ้มครองความเท่าเทียมให้(ไทยคือหนึ่งในนั้นค่ะ)
ซึ่งในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วเนี่ย ประมาณสัก 89% จะมีการคุ้มครองสิทธิ์ให้กลุ่ม LGBT ส่วนในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา และด้อยพัฒนา มีจำนวนเพียง 13% ที่มีการคุ้มครองสิทธิ์ให้กลุ่ม LGBT+
โดยจากตัวเลข ทำให้นักวิเคราะห์หลายๆคน พูดเลยว่า ประเทศที่มีกฎหมายให้ความเท่าเทียมกับกลุ่ม LGBT+ นั้น จะได้ประโยชน์จากการสร้างความเท่าเทียมดังกล่าวจนสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศได้เป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว ซึ่งดบสท.ก็เชื่อแบบนั้นนะ เพราะอะไรน่ะหรอ ก็เพราะกลุ่มตลาด LGBT+ มันใหญ่มหาศาลมากๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งจำนวนคน หรือขนาดของเศรษฐกิจนะสิ
อย่างจำนวนคน LGBT+ ทั่วโลกเนี่ยก็คาดว่าน่าจะมี 371ล้านคน ซึ่งถ้าเทียบเป็นประเทศแล้วละก็ จำนวนคนอยู่เป็นอันดับที่ 3แซงจำนวนคนในเมกาไปแล้ว จะเป็นรองก็แค่จีนกับอีนเดียเท่านั้นแหละ
ส่วนขนาดของระบบเศรษฐกิจในกลุ่ม LGBT+ ถูกคาดการณ์ไว้ที่ 3.9ล้านล้านเหรียญ ซึ่งเมื่อเทียบกับ GDP ของแต่ละประเทศก็อยู่ลำดับ 4 แซงหน้าเยอรมัน และประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ จะเป็นรองก็แค่เมกา, จีนแล้วก็ญี่ปุ่นเท่านั้น
ซึ่งในขนาด GDP ของ LGBT+ ที่ระดับ 3.9ล้านล้านเหรียญเนี่ย มาจากLGBT+ ในเมกากับกลุ่มยูโรก็ประมาณ 2ล้านล้านเหรียญหรือประมาณ 50%ไปแล้ว ในขณะที่ประชากร LGBT+ จากเมกากับยุโรปมีเพียง40ล้านคนหรือประมาณ 11%ต่อกลุ่มLGBT+ ทั่วโลกเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดนี้หมายความว่าอะไร.....มันก็หมายความว่า การเปิดกว้างต่อความเสมอภาคต่อกลุ่ม LGBT+ ไม่ว่าจะเป็นการคุ้มครองทางกฎหมาย หรือการให้มีสิทธิเท่าเทียมเพศอื่นๆนั้น สามารถดึงดูด LGBT+ทั่วโลกจนสร้างให้ระบบเศรษฐกิจขยายตัวได้สุดปัง จากสัดส่วนประชากรLGBT+ เพียง 11% กลับกลายเป็นการสร้างเศรษฐกิจที่ใหญ่ขนาด 50% ได้
เพราะฉะนั้น ดบสท.เชื่อว่าการเปิดกว้างทางกฎหมาย และสร้างระบบนิเวศน์ให้เห็นถึงความเสมอภาคจึงไม่ใช่แค่เรื่องสิทธิมนุษยชนที่ดูเป็นคำแสลงของคนกลุ่มทุนนิยม แต่อยากจะย้ำชัดๆตรงนี้เลยว่า อันนี้คือตลาดทำเงินชัดๆ👍
2
โดยโอกาสในการสร้างธุรกิจดังกล่าวสอดรับกับข้อมูลประชากรศาสตร์ที่ออกมาในทิศทางเดียวกันทั่วโลกว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ๆ ที่จะไปเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตเนี่ย พวกเค้าโอเคกับกลุ่ม LGBT+ และไม่ว่าจะเป็นข้อมูลในประเทศไหน ก็เป็นในทิศทางเดียวกันว่าในอนาคตการยอมรับในกลุ่ม LGBT+ จะมากขึ้นแน่ๆ
ดังนั้นประเทศ หรือบริษัทเอกชนต้องวางกลยุทธ์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นยุทธศาสตร์ชาติ หรือวิสัยทัศน์องค์กรต้องมีการคำนึงถึงตลาด LGBT+ ด้วยเพื่อความอยู่รอดทางระบบเศรษฐกิจของตัวเอง การออกกฎหมาย, นโยบาย หรือผลิตภัณฑ์อะไรก็ตามต้องคำนึงกลุ่มประชาชน หรือลูกค้า LGBT+ ที่นับวันจะยิ่งถูกให้ความสำคัญมากขึ้น
ประเทศไทย ที่ผู้คนกล่าวขานว่าเป็นสวรรค์ของ LGBT+ เพราะไม่มีโทษประหาร หรือไม่มีเข้าคุกเพียงเพราะเป็น LGBT+ เหมือนบางประเทศนั้น อาจจะเป็นการเข้าใจผิดจนทำให้สังคมคิดว่าที่เราเป็นอยู่ ดีอยู่แล้ว จนละเลยสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่จริงในสังคมว่า LGBT+ เมืองไทยยังไม่สามารถจดทะเบียนสมรสได้, ยังถูกกีดกันจากการเข้างาน(โดยเฉพาะกลุ่มสตรีข้ามเพศ), การ Bully ยังเกิดขึ้นในที่ทำงานทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมถึงกีดกันไม่ให้ใช้บริการหรือเข้าอาคารบางอาคาร เพียงเพราะเป็น LGBT+ ซึ่งทั้งหลายทั้งปวง เกิดจากมายาคติที่ว่า ประเทศไทยเป็นสวรรค์ของ LGBT+ อยู่แล้ว จะต้องทำอะไรเพิ่มละ🙄
ซึ่งการละเลยดังกล่าวเนี่ย จะทำให้เราพลาดตลาดที่มีความสำคัญมากที่สุดตลาดนึงไปเลยนะ เม็ดเงินเป็นหลายล้านล้านเลยแหละที่เราจะพลาดไป
เพราะฉะนั้น ดบสท.ถือโอกาส Pride Month เดือนนี้ ในการให้ลูกเพจทุกๆคน รู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่ามันยังมีอยู่ค่ะ มันไม่ใช่สวรรค์ค่ะ เพราะแค่ LGBT+ ไม่ได้ตายในประเทศนี้ มันเรียกว่าสวรรค์ไม่ได้นะ
อยากจะขออนุญาตแชร์เพื่อให้เห็นภาพ ซึ่งเป็นเหตุการณ์จริงในปี 2019 ที่เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวที่เป็นสตรีข้ามเพศ ได้เข้าไปสถานบันเทิงแห่งนึงในย่าน RCA แต่ ณ ทางเข้าถูกเรียกเก็บเงินค่าเข้าก่อนเพียงคนเดียว ในขณะที่เพื่อนผู้ชายผู้หญิงทั่วไปอีก 9คนที่เหลือ ไม่ต้องจ่ายก่อนเลยสักบาท ซึ่งการเก็บเงินก่อนมีเหตุผลคือ "เพราะเป็นสตรีข้ามเพศ"......ทั้ง10คน ตัดสินใจเดินออกจากร้านค่ะ//ใครอยากรู้ชื่อร้าน inbox มาถามละกันนะคะ😆-->เห็นชัดว่าการเลือกปฏิบัติทำให้เสียโอกาสในการทำรายได้เลยนะ😖
สุดท้าย เราเชื่อว่า LGBT+ เป็นกลุ่มตลาดที่มีศักยภาพมากๆ ที่ประเทศและระดับองค์กรควรให้ความสำคัญ ใส่ไปซะในยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์องค์กร ใส่ไปเถอะค่ะ แสดงความจริงใจออกมา ออกกฎหมายที่คุ้มครองพวกเค้าออกมา ทำผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของพวกเค้าออกมา ซึ่งมันเป็นวิธีทำเงินอีกอย่างที่ทำได้โดยไม่ยากอะไรมากนัก ดูอย่างพวกซีรี่Y สิค่ะ ผลิตจนไปทำเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศได้เป็นกอบเป็นกำ ประหนึ่ง S Curve ใหม่ของวงการซี่รี่ไทยเลยทีเดียว
กลุ่ม LGBT+ เองเค้าก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเขิดชูกันถึงขนาดวางไว้บนหิ้งหรอกนะ แค่ทำให้เหมือนกับกลุ่มอื่นๆ ก็เพียงพอแล้วแหละ #PrideMonth #สวรรค์เบี่ยงมากแม่ 😆🏳️‍🌈
โฆษณา